17 มิ.ย. 2022 เวลา 17:41 • ดนตรี เพลง
[รีวิวอัลบั้ม] Twelve Carat Toothache - Post Malone
ให้เหล้ามันล้างปาก
-ผมเคยบอกเสมอว่าคนอย่าง Austin Richard Post คือศิลปินที่มีคาแรคเตอร์เป็นเพื่อนดริ้งค์กับคุณได้ทุกเมื่อ เป็นคนที่ปรนเปรอความสุขด้วยตัวเองในแบบที่รู้ทั้งรู้ว่ากูใช้เงินซื้อความรักความสัมพันธ์ไม่ได้ อย่างน้อยกูซื้อเหล้า เบียร์ บุหรี่ ของนอกกายได้
-ฟังดูโคตร temporary มาก แต่ก็จริงอยู่ที่สำนวนเงินซื้อความสุขไม่ได้ มันเป็นคำสอนที่ไม่มีอยู่จริงในแง่การใช้ชีวิตเช่นกัน ความสุขของคนยุคปัจจุบันมีคำตอบที่ซับซ้อนมากตามความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ต้องสู้ด้วยสถานะ ชื่อเสียง เงินทอง กว่าจะเข้าสู่วิถีชีวิตเรียบง่าย บางทีแม่งต้องมีเงินเก็บให้เยอะก่อนเว้ย ผมจึงไม่ตัดสินในความสำมะเลเทเมาของชายผิวขาวคนนี้มากมายนัก
-คนมีชื่อเสียงเงินทองมักจะมีปัญหาความโดดเดี่ยว ความประสาทแดกให้รับมือมากกว่าคนปกติ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ต้องคาดหวังอะไรจาก Posty มากนัก อย่างน้อยก็คาดหวัง character development ในความคิดความอ่านที่ใส่ลงงานเพลงไปบ้าง
-ณ จุดนี้ผมไม่คาดหวังสิ่งที่อัลบั้มนึงควรจะเป็น ควรจะจัดเรียงแทร็คโน่นนี่ในผลงานของ Posty ดูทรงจากอัลบั้มก่อนๆให้อารมณ์เพลย์ลิสท์ที่ไม่เรียงแทร็คอย่างสลักสำคัญมากนักตั้งแต่ Stoney ที่รวมเพลงยุคมิกซ์เทปมาด้วย Beerbong & Bentley ที่เริ่มรู้สึกเป็นอัลบั้มแค่ครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังจัดว่าเอามากองๆกันเลยด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าแทร็คสุดท้ายพอทำงานได้ดี
-Hollywood Bleeding จริงจังกับการจัดวางแค่ 3-4 แทร็คแรก นอกนั้นเริ่มจับฉ่าย พอมาเป็น Twelve Carat Toothache ตะเภาเดียวกับ Hollywood Bleeding ไม่ต้องไปคาดหวังการสำรวจจิตใจจริงจังแบบ Mr.Morale & The Big Steppers
-มันเป็นความ personal ของไอ้หนุ่มที่เหงาไปเรื่อยๆ ดื่มไปเรื่อย สูบบุหรี่ปาไปตั้ง 80 มวนต่อวันแล้วอ่ะคิดดู สอดคล้องกับชื่ออัลบั้มที่เล่นกับ effect ของไอ้หนุ่มคอทองแดงที่ดื่มหนักจนฟันหรอไปบางซี่ในที่สุด
Last night I had thirty-two teeth in my mouth
Some went away
Love/Hate Letter To Alcohol
-centerpiece ของเพลงนี้จริงๆคือ Love/Hate Letter To Alcohol ที่สื่อตรงถึงชื่ออัลบั้มได้ดีที่สุด เข้าใจตรงกันในไลฟ์สไตล์ของคนดื่มอย่างหนักหน่วงในช่วงไม่ออกทัวร์เพราะโควิด
-การใส่ความ aggressive ลงไปในเพลง เป็นซิกเนเจอร์ที่แข็งแกร่งของ Posty อยู่เสมอ ยิ่งได้วงอินดี้โฟล์คแบนด์ Fleet Foxes มาช่วยคอรัสโหยหวนกอสเปลเป็นตัวเสริมที่ขวนขนลุก ภาคกลองที่ขึงขังจริงจังเอาเรื่อง มันเลยเป็นจุดพีคที่ผมชอบมากที่สุดแล้ว
-แทร็คเปิดอัลบั้ม Reputation เป็นอินโทรที่เข้าใจกันได้ดี ภายใต้การมีชื่อเสียง มีราคาต้องจ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปิดโหมดหนุ่มเหงา self-reflection ถามหาคุณค่าในตัวเองยามที่เงียบเหงาที่สุด Lemon Tree เข้าสู่โหมดรากเหง้าคันทรี่ ชื่อเพลงดูดีตามสำนวนการให้กำลังใจที่ว่า
When life gives you lemons, make lemonade
เมื่อชีวิตให้ลูกเลมอนมา จงทำเป็นน้ำเลมอนซะ
แต่ Posty คิดว่า ชีวิตมอบลูกเลมอนให้เยอะเกินจนสำลักความสุขจนแทบจะหาความสุขจากมันไม่ได้อีกต่อไป หรืออีกนัยนึงคือต้นเลมอนที่ Posty ดันปลูกได้ดอกได้ผลเอาคือปัญหาชีวิตที่มามากเกินไปจนกูเอาความสุขจากน้ำมะนาวมากลบไม่ลงเสียแล้ว
-Wrapped Around Your Fingers โคตรจะ Circles มากๆ วนลูปเก่ง ยึดติดเก่งกับคนที่ทำร้ายจิตใจไปเรื่อย ในทีนี้อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเดียว อาจจะเปรียบเปรยถึงแอลกอฮอลล์ ยิ่งถลำลึก ยิ่ง toxic ก็เป็นได้
-Insane เข้าสู่โหมด trap ตามแบบเฉพาะของโปรดิวซ์เซอร์คู่ใจ Louis Bell จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำ Posty ไปเลย ไม่ได้ออกแนว tense จัด แต่เป็นความสนุกที่แอบแฝงไลฟ์สไตล์ที่แวดล้อมด้วยของแพงๆ คนมากมาย แต่โดยรวมแล้วการมีสิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นความว่างเปล่าไปเสียแล้ว
-แขกรับเชิญที่มาร่วมงานในอัลบั้มนี้นอกเหนือจาก Fleet Foxes ที่พูดถึงไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจัดอยู่ในหมวด Billboard Hitmaker ชัดๆ เอาคนในกระแสมาเรียกแขกเลยล่ะ
-ไล่ตั้งแต่ Doja Cat ที่มาร่วมงานในเพลง I Like You (A Happier Song) เพลง Trap Pop จีบกันแบบน่ารักๆ มีแนวโน้มสูงมากว่าจะ viral ใน TiKTok และชาร์ตเพลง Roddy Ricch ที่ผมแอบยอมรับว่าแกค่อนข้างแผ่ว สำหรับเพลง Cooped Up แทบจะไม่ได้เติมเต็มอะไรได้เลย นอกจากแทรกอาร์แอนด์บีไปงั้นๆ
-I Cannot Be (A Sadder Song) หากสังเกตที่ชื่อในวงเล็บ เป็นเพลงคู่ขนานของ I Like You ซึ่งเพลงนั้นมาโทนกุ๊กกิ๊ก พอมาเป็นเพลงนี้มาโหมดเหงาหงอยเลย แต่ก็ไม่ได้เศร้าจมขนาดนั้น เป็นอารมณ์น้อยใจของคนมีชื่อเสียงที่มักจะถูกจำกัดกรอบไปตามที่คนอยากให้เป็น คอนเซ็ปท์น่าซื้อ แต่ตัวเพลงน่าเบื่อมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือก Gunna มาฟีทนักหนา ผมรู้สึกว่าแก overrated การแร็ปของแกมันดูมิติเดียวไปหน่อย
พื้นที่ตรงนี้สามารถ Tie-In โฆษณาได้ สินค้า บริการ ครีมได้หมด (ยกเว้นของผิดกฏหมาย)
สนใจโฆษณาลงบนโพสต์ของเพจที่มีผู้ติดตามมากกว่า 16,000 คน
ติดต่อได้ที่ inbox เพจ และอีเมล์ 💌 iamistyle.4real@gmail.com
-The Kid LAROI กลับเป็นฟีทเจอร์ที่เหมาะเหม็งกว่าด้วยดีเอ็นเอความเป็นป็อปด้วยส่วนนึง น้ำเสียงที่โหยหวนไปด้วยกันได้กับคนพี่หมี Posty ในเพลง Wasting Angels ที่ร่วมกันแชร์ความหุนหันพลันแล่นของชีวิตชื่อเสียงที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไกลเกินฝัน ในขณะเดียวกันก็ต้องพึงระลึกด้วยว่าการฟังคนอื่นก็สำคัญในการรักษาความสัมพันธ์เช่นกัน ชอบคอรัสและลูกเล่นเอคโค่เพลงนี้ชิบหาย
-ผมไม่เคยรู้สึกรำคาญท่อน repeat ใน Outro รู้สึกหนำใจ ประหนึ่งปลดปล่อยเลยด้วยซ้ำ แล้วก็เปลี่ยนผ่านสู่แทร็คต่อไป Euthanasia ได้ต่อเนื่อง สวิตช์จากอารมณ์พอเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ประหนึ่งคิดได้บางอย่าง กลับพลิกผันมาเป็นอารมณ์ดิ่งๆคิดถึงวันตายเลยทีเดียว แปลตามชื่อเพลงตรงตัวคือการตายแบบไร้ทรมานที่สุด สุ้มเสียงเงียบสงัด มีเสียงเคาะให้ความรู้สึกกระตุกจิตระดับนึง
I should listen to you now, if I never have
Wasting Angels
-พอเข้าสู่ช่วงสุดท้ายปุ๊บ ละทิ้งสาสน์ปิดอัลบั้มด้วยการละเลงแบบ When I’m Alone ใส่ความ aggressive rock ได้พร่ำเพรื่อ ไม่สัมผัสถึงความพีคเลย จริงๆชื่อเพลงเนี่ยส่งเสริมการขยี้ทางอารมณ์ได้ทุกเมื่อ แต่ก็ไปไม่ถึงจริงๆ โทนดนตรีแทบจะ sweep อารมณ์เนื้อในไปหมดเลย
-Waiting For A Miracle เพลงสั้นแบบเดียวกับ Euthanasia เพียงแต่เปลี่ยนความคิดกูไม่อยากตาย แต่ขอความสงบจิตสงบใจก็เป็นพอ ถึงเพลงจะสั้น แต่โคตรยืดจนนึกว่าเพลงยาวเพลงนึงเลย ถัดจากเพลงนี้ผมเรียกว่า Bonus Track ก็แล้วกัน
-One Right Now เป็น lead single แก้ความคิดถึงชัดๆ เพิ่มเติมคือชวน The Weeknd แทบจะไม่โยงกับสาสน์อัลบั้มใดๆเลย ปล่อยให้เพลงนี้มันทำหน้าที่ club banger แยกต่างหากจะดีกว่า
-New Recording 12, Jan 3, 2020 ก็คือคลิปเสียงตอนเกากีตาร์แต่งเพลง Euthanasia เนี่ยแหละ ซึ่งก็คิดน้อยไป น่าจะงัดเดโม่ที่ไม่ใช่มุกเดิมแล้วซิ แบบนี้ขาดความน่าฉงนสนเท่ห์พอสมควร สำหรับ Bonus Track อีกสองเพลงที่เพิ่มมาหนึ่งสัปดาห์ถัดมาทั้ง Waiting For Never และ Hateful ไม่ฟังก็ถือว่าไม่พลาดอะไรมาก
-สบายใจได้หนึ่งอย่างคือทักษะการ entertain ของพี่หมี Austin ยังคงแข็งแกร่ง ไม่เจือจาง แต่ถ้าจะคาดหวังความหนักแน่นในสาสน์ของอัลบั้มแบบเพลงต่อเพลง อันนี้ก็ไม่ต้องคาดหวังมากจริงๆ แอบผิดหวังไอ้ตรงช่วงสุดท้ายเนี่ยแหละที่พี่แกเล่นปิดเพลงที่ไม่มีวงเล็บ Bonus Track เนี่ยแหละ
-แต่นั่นก็ไม่จักสำคัญอะไรมากเท่ากับการจับฉ่ายเลือกแขกรับเชิญคนในกระแสมาฟีทเนี่ยแหละ เล่นตามอารมณ์ตัวเองมากกว่าคำนึงถึงศิลปะในการเลือกอย่างไรให้ตรงจุด มันเลยเจือจางระหว่างทางพอสมควร บางเพลงก็รอดในแง่ความบันเทิง บางเพลงไม่รอดเพราะน่าเบื่อ มีให้ได้ยินทั่วๆไปเนี่ยแหละ ตราบใดที่แกไม่ได้งัดเอกลักษณ์ความเป็นศิลปินสายไฮบริดที่ไปมาระหว่างร็อคและฮิปฮอปเนี่ย แกอาจจะเข้าสู่จุดที่เริ่มไม่ต่างจากคนอื่น
ความไม่ธรรมดาที่โดนเลิกตื่นเต้นด้วยความธรรมดา
Top Tracks : Reputation, Lemon Tree, I Like You (A Happier Song), Love/Hate Letter To Alcohol, Wasting Angels, Euthanasia
Give 6.5/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
ช่วงพื้นที่โฆษณาเพจ คอนเทนท์น่าเก็บตกต่อ
รีวิวอัลบั้ม Mr. Morale & The Big Steppers การกลับมาในรอบ 5 ปีของ Kendrick Lamar มาพร้อมกับบทวิเคราะห์ ตีความแต่ละเพลงโดยละเอียด อยากให้ไปอ่าน อยากให้แชร์ความเห็นกันครับ >>> https://www.facebook.com/photo.php?fbid=691390912134762&set=a.2733653356929954&type=3
บทความ #FUNGSPECIAL ครบรอบ 20 ปี อัลบั้มสุดคลาสสิค The Eminem Show รวบรวม fact เด็ดๆ สถิติสุดปังที่ศิลปินยุคนี้ไม่สามารถทำได้ จัดเต็มมาก >>>https://www.facebook.com/media/set/?set=a.683938486213338&type=3
รีวิวอัลบั้ม It’s Almost Dry ของแร็ปเปอร์สุดอหังการ Pusha T ที่พ่วงทั้ง Kanye West และ Pharrell Williams มาโปรดิวซ์ครึ่งต่อครึ่ง มีไพ่เด็ดอยู่ในมือ มันจะสัดจริงซักแค่ไหน ไปอ่านบทวิเคราะห์ชุดนี้ >>> https://www.facebook.com/photo/?fbid=696324781641375&set=a.2733653356929954
โฆษณา