19 มิ.ย. 2022 เวลา 11:53 • นิยาย เรื่องสั้น
ชีวิตในไทย กับ ชีวิตในอเมริกา มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวขนาดนั้นเลยหลอครับ ?
กระทู้คำถาม
มนุษย์เงินเดือนปัญหาชีวิตชีวิตในต่างแดนคนไทยในต่างแดนทำงานต่างประเทศ
ชีวิตในไทย กับ ชีวิตในอเมริกา มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวขนาดนั้นเลยหลอครับ ? พอดีเมื่อเร็วๆผมมีโอกาศได้คุยกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ย้ายไปอยู่อเมริกาได้ 6-7 ปี โดยเพื่อนผมทำงานเป็นช่างทำเล็บอยู่ที่นั้น เงินเดือนราวๆ 3-5 พันusd ( เพื่อน
บอกถ้าขยันแล้วลูกค้าติดจะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มอีกต่างหาก ) ซึ่งตอนนี้เพื่อนผมมีทั้งบ้านมีทั้งรถ ล่าสุดมันเพิ่งออก mustang มาสดๆร้อนๆเลย มันบอกผมว่าอยู่ที่อเมริกาขอแค่ให้เรามีงานทำและขยัน ของพวกนี้ทุกคนก็มีได้เหมือนกันหมด ซึ่งแตกต่างจากผมที่อยู่ไทยมากๆ ที่ทำงานงกๆบ้านกับรถยังต้องผ่อนอีกนาน TT
ความคิดเห็นที่ 7
เรามองว่ามันมีอย่างน้อย 2 ปัจจัยที่อธิบายว่าทำไมการอยู่ต่างประเทศถึงสร้างเนื้อสร้างตัวได้เร็วกว่า
1. การกระจายตัวของรายได้: ถ้าเป็นคนฉลาด คนเก่ง white collar ส่วนบน อยู่ไหนก็ไม่ต่างกัน เพราะเป็นท๊อปพิรามิดของสังคมนั้นๆอยู่ดี ถ้าเป็น blue collar นี่ชัดเลยว่าแทบจะลืมตาอ้าปากไม่ได้ในไทย แต่..ในประเทศที่แรงงานแพง มีการก
ระจายของรายได้ ทำเล็บ เสิร์ฟอาหาร ก็ซื้อบ้าน-รถได้ ของพวกนี้ไม่ได้ราคาแพงเว่อ เหมือนเทียบกับรายได้ อาชีพพื้นฐานรายได้ $40K-$50K ครอบคลุมหลายอาชีพทั้ง blue and white collar ทั้งครู ทั้งช่างทำเล็บ ให้นึกภาพว่าเป็นพิรามิดที่ยอดไม่ได้สูงมาก แต่ละชั้นมีการเข้าถึงทรัพยากรใกล้เคียงกัน
2. การกระจายตัวของความเจริญ: เรามองว่าอำนาจการซื้อ มันมาจากของการกระจายความเจริญด้วย ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย ความเจริญกระจุกอยู่ที่กรุงเทพ ถ้าจะทำงานบริษัทรับเงินแสน มากระจุกกันสีลม อโศก พันทิพย์ถึงตั้งชื่อห้องเกี่ยวกับการทำงานว่า “สีลม” ยังไง การที่ต่องมากระจุกอยู่ที่กรุงเทพ ทำให้
ทรัพยากรมีจำกัด/ขาดแคลน เพราะ demand > supply บ้าน/คอนโด เลยราคากระฉูด ไม่ได้วิ่งด้วยอัตราเดียวกับเงินเดือน โดยทั่วไปคุณไม่สามารถหางานในบริษัทที่จ่ายเงินเดือนเป็นแสนได้ที่กาฬสิน แต่ต้องมาทำที่ กทม ในทางตรงข้ามคุณไม่จำเป็นต้องถ่อตัวเองมา california, newyork etc เพื่อดิ้นรนกับค่าครองชีพ
สูงๆ เก็บเงินซื้อบ้านซื้อรถ ไปอยู่รัฐอื่นๆ อีก 50 รัฐ ก็มีงานบริษัท/แรงงาน ให้ทำมากมาย บ้านแบบเดียวกัน ถ้าเป็นที่กรุงเทพแถวบางนา 30 ล้าน แต่ที่เชียงใหม่ 15 ล้าน แต่ปัญหาคือไม่มีงานให้ทำที่เชียงใหม่! ชีวิตเราทุกวันนี้มันก็เหมือนรับเงินเดือน กทม แต่ตัวอยูาเชียงใหม่ คือ CA Rate แต่อยู่รัฐอื่น มันถึงทำให้มีส่วนต่างใช้ชีวิตสบาย
ความคิดเห็นที่ 21
ทุกที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
หยิบแต่ข้อดีมาพูด มันก็ดูสวยหรู
หยิบแต่ข้อเสียมาพูด มันก็ดูเน่าเฟะ
ความคิดเห็นที่ 3
เอาง่ายๆ คนๆเดียวกัน ขยันเท่ากัน อยู่ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีคุณภาพชีวิตดีกว่า แค่นั้นเอง
ประเทศเจริญเค้ามีการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้ดีกว่า การรักษาพยาบาล การศึกษา เทคโนโลยี ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 1
อยู่เมกาขยัน ไม่อดตาย ขยันด้วย ออมด้วย มีบ้านมีรถเป็นของตัวเองได้ไม่ยากค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
คนไทยบางคนขายทุเรียนเสริม ไม่นานซื้อบ้านได้เป็นหลังอันนี้จริง 😂😂 (คนทำงานออฟฟิศมองตาปริบๆ) แต่ต้องอยู่ถูกที่ด้วยนะ ต้องอยู่แถวที่คนที่มีกำลังจ่าย
ขยันประหยัดนี่คือนิสัยพื้นฐานของเศรษฐีเลยล่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
เมืองไทยไม่ค่อยมีกล้องจับความเร็วนะ
คุยกับตำรวจก็หยวนๆได้ง่ายมาก
รถป้ายแดง จริงๆก็ผิดกฏหมาย แต่ก็ขับกันได้
ประกัน ภาษีรถ ที่ไทยก็จิ๊บๆ
สอบใบขับขี่ก็ง่าย
ทำงานเสริมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องยื่นภาษี รัฐไม่ค่อยตรวจปรับย้อนหลัง
เคยดูรายการนึงของฝรั่ง ทำผิดกฎหนักๆ ยึดใบขับขี่เดี๋ยวนั้น แล้วต้องโทรตามให้คนอื่นมารับเลย ไม่แน่ใจที่ไทยมีแบบนั้นไหม
รวมๆแล้ว เมืองไทยก็ดีอยู่นะ
ความคิดเห็นที่ 11
สายงานอาชีพ ทำนวด ทำเล็บ
ค่าใช้จ่าย ทีฟุ่มเฟือย ราคาจะแพง
ถ้าขยัน ประหยัด และตั้งใจ ทำ ไม่นานก็ ตั้งตัวได้
ทำเล็บ ทำนวด เดือนละแสนหาไม่อยากเลย
ที่สำคัญ ประชาชนในประเทศเขามีเงิน มาใช้จ่ายค่ะ
อยู่ประเทศไทย ต่อให้ มีฝีมือ แค่ไหน
ถ้าประชาชนไม่มีเงินมาใช้จ่าย ก็งั้นๆแหละ
คนไทยบางคน ฝีมือดีมากนะ แต่น่าเสียดาย ที่ทำไม่ได้เต็มที่
คนไทยอยู่ต่างประเทศ ถึงกลับไทย เพื่อไปเรียน
กลับไทย เพื่อไปเรียนนวดไทย กลับไปเรียนทำเล็บที่ไทย
แล้วกลับมาทำงานต่างประเทศ
รายได้เดือน เป็นแสนๆ ทำปีเดียวเก็บเงินเปิดร้านได้
คุยให้คนที่ไทย ฟัง เขาหาว่าโม้อีก
ความคิดเห็นที่ 12
คือความเหลื่อมล้ำต่างกัน โลกที่พัฒนาเสรี จุดนี้ งานบริการ
ทุกคนทำได้ ขยันมากก้ได้มาก แต่ประเทศที่เหลื่อมล้ำสูง
ขยันแทบตาย แต่อยู่ในจุด ที่โอกาสน้อยกว่า ก้ไปไหนไม่ได้
คนรวยไม่กี่% ถือครองที่ดินกว่า80 % แม้จะเริ่มเก็บภาษีที่ดิน
แต่ก้ยังบางกลุ่มที่แทบไม่ต้องจ่ายภาษี
ความคิดเห็นที่ 13
เงินเดือน 3 - 5 พันเหรียญ (ก่อนเสียภาษี) ถือว่าไม่เยอะ ถ้าเทียบกับคนทำงาน ออฟฟิต
แต่ราคารถที่นั้น ถ้าเทียบกับค่าครองชีพ ก็ไม่ได้สูงมากครับ อย่าง Mustang ก็ซื้อได้
ส่วนบ้าน ต้องดูว่าอยู่เมืองไหนด้วยนะครับ ราคามันต่างกันเยอะเหมือนกันระหว่างเมือง
สุดท้าย ถ้าทำงานถูกกฎหมาย ก็น่าจะขอกู้ได้ การมีบ้านและรถก็ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
เพื่อนผมหลายๆคนบอกว่า ค่าผ่อนบ้าน ถูกกว่าเช่าอีก
ความคิดเห็นที่ 18
อเมริกาในน้ำมีปลาแซมั่นในนามีข้าวสาลีในงานบริการก็มีทิปเยอะ ยิ่งได้งานบริการมีสกีลที่ทิปงามๆก็สบายแล้ว แต่สังเกตได้ว่าคนไทยปรับตัวเก่งและขี้กลัว ในบ้านจะซี๊ซั๊วขนาดไหน พอไปอยู่ ตปท จะพยายามปรับตัวเข้ากับระบบระเบียบ
กลัวกฎบ้านเมืองอื่นท่องขึ้นใจได้เฉย แล้วใช้ชีวิตแบบวางแผนตามวิถีฝรั่งได้คำนวณรายรับรายจ่ายหักนู่นหักนี่เก่งขึ้นมาเลย เพราะไหนจะภาษีไหนจะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่แพงจึงต้องระมัดระวัง พองานลักษณะเดียวกันกับที่ไทยแต่รายได้และทิปดีกว่า ใช้ชีวิตแบบวางแผนมากกว่า หลายคนเลยลืมตาอ้าปากได้
ความคิดเห็นที่ 24
พูดรวมๆ คือมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำการอยู่อาศัยที่นู้น คุณเป็นคนทั่วไปก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ครับ
ตัวอย่างเช่น
บ้านเรา งานที่ต้องใช้แรงงาน/ทักษะ/สายอาชีพจะรายได้น้อย ในขณะที่เมกางานสายนี้คือรายได้ต่างจาก white collar ไม่มากครับ
ประกอบกับ รายได้ ต่อ ค่าครองชีพ ของเขาก็ค่อนข้างห่างกัน
ไม่เหมือนบ้านเราที่ต่างกันไม่เยอะ คนทั่วไปบ้านเราแค่หารายได้ให้ cover ค่าใช้จ่ายก็เริ่มตึง ๆ แล้วครับ
ค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ ที่นู้นหลักๆ จะคือค่าเช่าบ้านครับ ซึ่งจะใช้วิธีหารกันอยู่หลายคนเพื่อประหยัด
แต่ในบางรัฐค่าเช่าบ้านก็ไม่ได้แพง เช่น บางเมืองในฟลอริด้า 2 ห้องนอนแค่ 6-7 ร้อยเหรียญ
ก็อยู่ที่เราเลือกปักหลักที่ไหนด้วยครับ
ถ้าคุณเป็นคนทั่วๆ ไปที่ขยันทำงาน คุณสามารถทำมาหากินใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้ไม่ยากครับ
ความคิดเห็นที่ 28
ถ้ารถยนต์(ไม่ต้องยี่ห้อหรูๆ ก็ได้) อยู่โตโยต้า ในไทยราคา 2-3 แสนบาท(คือรายได้ ประมาณ 1-2 ปีซื้อรถได้ 1 คัน)
คนไทยคงซื้อรถกับเป็นว่าเล่นเหมือนอเมริกา
แต่เมี่อวานนี้ฟังคนอเมริกา คุยกัน เขาบอกว่าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ความรู้สีกปลอดภัยคือไม่มีเลย อยู่ดี ๆ ก็มีคนหลอนยาเอามีดมาจี้คอ(คนเขาเล่าว่าเรื่องเกิดหน้าบ้าน) ข้างบ้านหมู่บ้านหรู แต่มีพวกไร้บ้านมาตั้งชุมชนอยู่ เดินให้ห้างหรือส่งลูกไปโรงเรียนก็มีสิทธิ์ตาย พวกบ้าเยอะ และโจรขโมย สมัยหลังโควิคเยอะมาก ๆ ไปรษณีย์ยังขโมยของเลย ถ้าไม่มีการลงทะเบียน หรือของมาส่งหน้าบ้านมีโดนขโมย(งัดตู้จดหมายก็มี)
ความคิดเห็นที่ 30
ของหลายๆอย่าง มันไม่ได้มาง่ายๆอย่างฉากหน้าอย่างที่คุณเห็นหรอกครับ
พวกรถอะไรเนี่ย ไม่ได้ยากครับ แต่ที่โน่นต้องขยัน ปากกัดตีนถีบ เหยียบคนอื่นได้เหยียบครับ
ถ้าให้สังเกตดีๆ คนเมกันเห็นแก่ตัวครับ เค้าไม่ได้เห็นแก่ตัวโดยนิสัย แต่สังคมบีบบังคับให้เป็นแบบนั้น
ดังนั้น อย่าคิดว่าไปเมกาแล้วสบายอยากฉากหน้าที่เขาให้เราดู ของทุกอย่างมันไม่ได้มาง่ายๆ
มิฉะนั้น คนเมกาคงรวยกันทุกคนแล้วสิ จริงมะ
ความคิดเห็นที่ 34
ค่าของเงิน .. มันมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา
แล้วถ้าขยัน ไม่มีวันอดตายค่ะ
ขนาดขี้เกียจ ยังไม่อดตายเลยค่ะ
เพราะสวัสดิการรัฐ ดี
แม้แต่คนที่อยู่ผิดกฎหมาย ก็ยังได้รับการช่วยเหลือ ในทุกด้าน
ถ้ารู้ว่าต้องไปติดต่อขอความช่วยเหลือที่ไหนบ้าง
เอาแค่ตรงนี้ ก็ต่างแล้วค่ะ
ความคิดเห็นที่ 35
เลามีเพื่อนที่รู้จักกันในเกมย้ายไปทำงานที่เมกา อยู่ไทยเป็นมนุษย์เงินเดือนระดับกลางๆ (รายได้ก็สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของมนุษย์เงินเดือนในไทยอยู่ระดับนึง) ไปอยู่เมกาเนื่องจากพึ่งไปไม่มีใบเขียวเลยทำงานได้แค่ในกลุ่มกลุ่มผู้ใช้แรงงานซึ่ง
ถือว่าเป็ฯของชนชั้นล่างของสายงานที่นั่น (เขานิยามระดับของอาชีพตัวเองไว้แบบนั้นจริงๆ) รายได้สูงกว่าอยู่ที่ไทยจริง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย (โดยเฉพาะเรื่องค่าที่พักตามที่ คห.24 บอกเอาไว้ แต่ถ้าคิดเป็นสัดส่วนรายได้ก็ไม่ต่างจากที่ในไทยคือประมาณ 1/3-1/4 ของรายได้)
ทีนี้ถ้าจะให้พูดสรุปโดยรวมทั้งหมดก็คือ เขาไปเป็นชนชั้นแรงงานที่นั่นเขาเห็นอนาคตมากกว่าเป็น white collar แบบที่ไทย คือรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วมองเห็นภาพได้ว่าจะสามารถซื้อบ้านซื้อรถเอาลูกไปอยู่ด้วยได้ในกี่ปีๆก็ว่ากันไป (อันนี้มีสามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ในระดับหนึ่งแล้วนะ)
ความคิดเห็นที่ 39
ผมไม่เคยไปอเมริกา แต่เคยอยู่ร่วมเดินทางกับกลุ่มเพื่อนชาวเท็กซัส คนผิวขาว แบคแพคเกอร์มาเลย์ สิงคโปร์ (รู้จักกันที่เชียงใหม่)
ผมว่าอเมริกา น่าจะต่างจากไทยหรือแม้แต่เอเชีย เพราะว่าการคิดการอ่านเขาไม่เหมือนเรา เขาเปิดกว้างมาก และยอมรับในเสรีส่วนบุคคล
ต่างกับคนเอเชียเราที่มีลักษณะปิด มีกำแพงบางๆ คือ คนไทยเราเหมือนจะเฟรนลี่นะ แต่ที่จริงไม่
ผมกล้าทำ กล้าเปลี่ยน มีกิจกรรมระหว่างวันเยอะ มันทำให้เงินบ้านเขามันสะพัดมากกว่าทางเรา
ไว้มีโอกาสไปจะมาเล่าให้พันทิปนะครับ
ความคิดเห็นที่ 41
ทำงานไม่ว่าที่ไหนในโลกฐานรายได้กับค่าครองชีพมันสมดุลกัน ในปท.ไทยน่าจะมีโอกาสที่ดีกว่า มีความเข้าใจพฤติกรรม
ของผู้บริโภค เรียนรู้เข้าใจการใช้ระเบียบข้อกฎหมายต่างๆของภาครัฐนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ดีกว่า
ถ้าต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเพียงใช้หลักเพิ่มรายได้ให้มากยิ่งขึ้น หารายได้จากอาชีพเสริมและรายได้ทางอ้อมอื่นๆ
หรือหางานอดิเรกที่ช่วยสร้างรายได้เพิ่ม โดยพัฒนาตนเองเพิ่มทักษะความรู้ ความสามารถ สร้างประสบการณ์ในการทำงานให้มาก
ศึกษาวิธีการทำงานอย่างชาญฉลาด ขณะเดียวกันต้องหาวิธีลดค่าใช้จ่ายประจำใหต่ำลง หลักการง่ายๆแบบนี้สามารถใช้ในชีวิตส่วนตัว
และการทำกิจการประเภทต่างๆ ทำอย่างอดทนและสม่ำเสมอ ค่อยเป็นค่อยไปสร้างสินทรัพย์เพิ่มได้ทุกวัน ในไม่ช้าก็จะมีชีวิตที่สุขสบาย
มีพร้อมทุกสิ่งต่อการดำรงชีวิต
ส่วนตัวทำกิจการตั้งแต่ปี 38 เริ่มจากเงินต้น 2 หมื่นใช้เปิดกิจการนิติบุคคล ใช้ส่วนต่างเครดิตเจ้าหนี้และลูกหนี้มาสร้างสินทรัพย์เพิ่ม
ค่อยๆสร้างกิจการให้มีรายได้เพิ่ม แล้วนำกำไรจากการค้าไปลงทุนสร้างอาคารโกดังให้เช่า ผ่านมาเกือบ 30 ปี ยังไม่ค่อยมีเงินเก็บใน
บัญชีส่วนตัว ส่วนใหญ่นำไปลงทุนทำแม่พิพม์พลาสติกอุตสาหกรรมกว่า 100 ชนิด สต็อกวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป ลงทุนสร้างสิ่ง
ปลูกสร้างอาคารโกดังกว่า 2 หมื่นตรม. แบบปลอดภาระหนี้สิน และขยายการค้าไปอีก 4 แห่ง ถึงปัจจุบันกิจการสร้างรายได้เพิ่มทุกวัน
แบบไม่มีโสหุ้ยหรือต้นทุนประจำ มีภาระหนี้สินต่ำ ค่า D/E ประมาณ 0.5-1.0%
นอกจากมีรายได้ประจำ ยังมีอิสระในการหารายได้เพิ่มทางอื่นอีก เช่น ขับรถปิ๊กอัพส่งของฝากขนส่งย่านพุทธมณฑล ใช้เวลาเพียง
30-60 นาที ช่วยเพิ่มรายได้อีกวันละ 2-3 พันบาท ปลูกว่านมงคลและบอนสีเป็นงานอดิเรกช่วยให้เพลิดเพลินแล้วขายปลีกส่งทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 44
ตอบในส่วนรถยนต์
ราคารถยนต์ในอเมริกามันถูกไงครับ ยิ่งเป็นมือ 2 ถ้าไม่ใช่รุ่นสะสม มันก็ถูกมาก เพราะการเก็บภาษีรถยนต์บ้านเค้ามันไม่แพง เนื่องจากอเมริกาเค้ามองว่ารถยนต์เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเดินทาง รถยนต์และราคาน้ำมันที่อเมริกาเค้ามองเป็นสิ่งจำเป็นรัฐบาลเก็บภาษีพวกนี้ถูกมาก ค่าเงินในอเมริกามันใหญ่คนทำงานรายชั่วโมง รายวันก็มีโอกาสซื้อของพวกนี้ได้ เพราะเค้าสนับสนุนให้มี
แต่ในประเทศไทยรถยนต์และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง บ้านเรานโยบายมอง 2 อย่างนี้คือสิ่งฟุ่มเฟือย จึงเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์และราคาน้ำมันแพงมาก เพื่อต้องการให้ประชาชนประหยัด หรือมองว่ารถยนต์ควรเป็นคนมีฐานะในการซื้อ ถ้า Ecocar คือคนวัยเริ่มต้นทำงานที่พอซื้อได้ รถอื่นต้องคนมีฐานะ รถ
สปอร์ต ต้องมีฐานะมากราคายิ่งแพงในการเก็บภาษี รถยนต์มันจึงถูกแบ่งเกรดตามระดับฐานะและเงินเดือน
ถ้าตราบใดบ้านเรายังใช้นโยบายนี้ รถยนต์กับราคาน้ำมันบ้านเราไม่มีทางถูกลงหรอก บ้านเราเก็บภาษีรถยนต์แพงในอันดับต้น ๆ ของโลก
ความคิดเห็นที่ 45
สิ่งที่น่าสนใจของประเทศพัฒนาแล้วก็คือ ค่าแรงเขาสูงขนาดนั้น แต่ทำไมราคา "วัตถุดิบ" อาหารมันไม่ได้แพงกว่าเป็นสิบเท่าอย่างประเทศค่าแรงน้อย แถมราคาของบางอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ ทำให้ยิ่งแปลกเข้าไปอีก
ประเทศที่ค่าแรงน้อยกว่า ราคาวัตถุดิบในการประกอบอาหารแพงจัง ไม่สมดุลย์กับค่าแรงเลย
ที่เน้นคำว่า วัตถุดิบ เพราะอาหารสำเร็จรูปในประเทศพัฒนาแล้ว มันจะแพงเท่าไรก็แพงไปเถอะ ตราบใดที่เราซื้อของสดมาประกอบอาหารเองมันก็ราคาถูกมาก ๆ ใช่ไหมล่ะ
ดูประเทศไทยก็ได้ พอบอกจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สินค้าอุปโภค บริโภคเตรียมตัวขึ้นกันหมด นี่ถ้าไทยค่าแรงวันละ 3,000 กลายเป็นราคา "วัตถุดิบ" อาหาร จะแพงกว่าประเทศพัฒนาแล้วเป็นสิบเท่าเลยใช่มั้ย ???
ความคิดเห็นที่ 48
เราไม่รู้จริง (และยังไม่ได้อ่านคห.ข้างบน)
แต่คิดว่า "ฟีลเหมือนต่างด้าวในไทย" นั่นแหล่ะ
ถ้าเราคนไทย (ซึ่งไม่มีวุฒิที่อเมริกายอมรับ) ก็เป็นแรงงาน,แรงงานฝีมือเบื้องต้น
เราก็เหมือน ต่างด้าวในไทย ... (ไทยมีสภาพดีกว่าพม่า เหมือนอเมริกามีสภาพดีกว่าไทย)
แต่ยังไงสิทธิ์,เกียรติ,รายได้, โอกาส ก็ยังด้อยกว่าคนในประเทศเค้า
... และค่าแรงนั้นอาจดูมากมายในไทย แต่ก็น้อยในประเทศค่าครองชีพสูง
คนไทย จึงไปมีระดับชีวิตแรงงานต่างด้าว ในอเมริกา นั่นแหล่ะ
ถ้าชอบ ก็ไปสิ !!! เป็นประชาชนชั้นสองในอเมริกา แต่ดูเริ่ดเมื่อคุยกับคนไทย (ส่วนความขม ก็ข่มไว้ในใจ)
ทั่วโลกขาดคนวัยแรงงานนะ ... ถ้ามีคุณภาพก็ไปเถอะ , หรือถ้าไม่มีคุณภาพ ก็ไปเป็นแรงงานผีน้อย (เค้าก็หลับตารับไว้ทั้งนั้นแหล่ะ ขาดแรงงานผี เหมือนไทยหลับตารับต่างด้าวไว้ เพราะคนไทยไม่ทำงานแบบนั้น)
จริงๆนะ
ความคิดเห็นที่ 50
จริงตามที่ จขกท. ถามมานะ
มีเพื่อนที่หาทางไปทำงานที่โน่น จนมีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนกัน
เพื่อนจบ ม.6 ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ เขาออกมาทำงานเพื่อส่งน้องอีก 2 คน จนจบ ป.ตรี
แล้วเขาก็หาทางจนได้ไปทำงานเมืองนอก เป็นงานในฟาร์มเห็ด ตั้งแต่ปี 2007 (15 ปีแล้ว)
ได้เงินเดือนเกือบ 1 แสน เขาใช้จ่ายกินอยู่ให้น้อยที่สุด ราว 30,000-40,000 บาท (ที่พักฟรี ฟาร์มมีให้)
เขาส่งเงินกลับมาใช้หนี้ ที่ใช้เดินทางไปทำงานหมดใน 8 เดือน แล้วอยู่ทำงานต่อจนถึงทุกวันนี้
แล้วเขาก็เอาน้องตามไปทำงานด้วย (ตอนน้องเขาทำงานอยู่ไทย ใช้วุฒิ ป.ตรี ได้ 2 หมื่นกว่า ไม่มีเงินเหลือเก็บ)
น้องเขาจบ ป.ตรี สายเกษตรกรรม พอดี ไปทำงานที่โน่น จนเลื่อนขึ้นไปเป็นระดับหัวหน้า
ได้เงินเดือนมากกว่า 1.2 แสน ค่าใช้จ่าย 5-7 หมื่น เหลือเก็บมากกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน
อยู่กัน จนหลายปี 3 คนพี่น้อง ส่งเงินมาให้ทางบ้าน สร้างบ้านราคา 5-6 ล้าน กับ
ซื้อที่ดินได้เกินหลักล้าน
เค้าได้แต่งงานกับคนที่โน่น แฟนเค้า เงินเดือน 3.5 แสน เค้าเลยลดตัวเองมาทำงานแค่ พาร์ทไทม์ ได้เดือนละ 5-7 หมื่น
อยู่บ้านแฟนราคาเกือบ 10 ล้าน เค้าขับรถราคา 1.5 ล้านที่โน่น ถ้ามาขายที่ไทย ก็ราว ๆ คันละ 3-4 ล้าน
ที่เห็นชัดคือ น้องของเขา ทำงานใช้วุฒิ ป.ตรี ที่ไทย ซึ่งถ้าทำต่อไปทั้งชีวิต ก็คงเก็บเงินตั้งตัวได้ยาก
แต่ยอมลดตัวเองไปทำงานเป็นเพียง ผู้ใช้แรงงาน ที่โน่น
ก็ยังสามารถ ตั้งตัว ลืมตาอ้าปาก สร้างฐานะจนอยู่ตัวได้เร็วกว่าที่ไทย
ความคิดเห็นที่ 54
เราอยู่เมกา เพิ่งย้ายมา2ปีกว่าจากการแต่งงานกับคนเมกัน ได้กรีนการ์ดได้เลขSSNก็หางานทำเลย จริงค่ะที่อยู่ที่นี่และทำงานซื้อบ้านซื้อรถได้ รถไม่แพง
เว่อเหมือนที่ไทย ของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่แพงมากสัมพันธ์กับรายได้ค่ะ ไข่ไก่ เนื้อต่างๆ นม โยเกิร์ต ชีส ปลาแซลมอน ผลไม้พวกตระกูลเบอร์รี่คือถูกมาก ที่แพงคืออสังหาริมทรัพย์ค่ะ แต่ก็อย่าไปซื้อบ้านที่แพงๆทำเลแพงๆก็เลี่ยงๆเอา หาบ้านที่เหมาะกับเรา ไม่ต้องใหญ่มาก
เราทำงานได้ชม.ละ18.55ดอลล่าร์ (ชม.ละ600บาท) และเงินขึ้นทุกปี มีโบนัสอีก สามารถเก็บเงินได้ในจำนวนที่เราพอใจมากค่ะ เราซื้อรถเมื่อปีที่แล้ว ผ่อนเดือนละหมื่นกว่าบาท เห็นได้ว่าค่าแรงมากกว่าที่ไทยแต่เวลาผ่อนรถ ราคาพอๆกับที่ไทยเลยหรืออาจถูกกว่าด้วย (รถSUV) เราชอบที่นี่ค่ะ และจะอยู่ที่นี่จนแก่ตาย เราว่าทุกอย่างเป็นระบบระเบียบดี ผู้คนค่อนข้างมีมารยาทในการอยู่ร่วมกัน อากาศดี
ถนนไม่มีหลุมบ่อ ไม่มีคนเอารถมาจอดข้างทางเพื่อซื้อกับข้าวหรือลงไปทานข้าว ดังนั้นถนนจะโล่งขับรถค่อนข้างง่าย แทบทุกคนขับรถตามกฎจราจรดีมาก ทางด่วนที่รัฐเราขึ้นฟรี จะไปเที่ยวน้ำตก ทะเล หรืออุทยานก็ไม่มีคนตั้งวงกินเหล้าเปิดเพลงเสียงดังให้รำคาญใจ
ปล.เราไม่ได้อยู่นิวยอร์ก ไม่ได้อยู่แคลิฟอร์เนีย
ความคิดเห็นที่ 56
ประเทศที่ดี คือประเทศที่มีอัตรา รายได้/ค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเรียกว่าค่าครองชีพ ที่ดีครับ
ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ขั้นต่ำคุณจะต้องมีชีวิตที่ไม่ลำบาก ลืมตา อ้าปากได้
ราคาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเช่าและซื้อ เมื่อเทียบกับรายได้แล้ว มีความเป็นไปได้
ราคาอาหาร การเดินทาง การสื่อสาร สมเหตุสมผล
การศึกษาดีกระจายทั่วถึง
้ถ้าเทียบแล้ว ไทยมีอาหาร ค่าเช่าบ้านที่ไม่แพงจริง แต่รายได้ในไทยส่วนใหญ่จะน้อยมากๆ
ประเทศแบบอเมริกา ถ้าคุณทำอาชีพทั่วๆไป เช่นคนขับรถเมล์ คุณก็มีรายได้พอจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ซื้ออาหารที่มีมาตรฐานดี มีลูก(เข้าเรียนฟรี รร มาตรฐานดีทุกที่ ใกล้บ้าน) แล้วครับ
ในไทยถ้าทำอาชีพเดียวกัน อาจจะลำบากกว่านั้นมาก
ความคิดเห็นที่ 59
เปรียบเทียบฟ้า กับ เหว ผมค้านเต็มที่เลยครับ มาเปรียบประเทศไทยเป็นเหว
ค่าครองชีพในอเมริกา กับ ประเทศไทยมันต่างกันมากครับ ราคาบ้านกับรถ ที่อเมริกา น่าจะถูกว่าประเทศไทยอีกครับ
ถ้าขยันในอเมริกา อันนี้คือไม่อดตายจริงครับ แต่ส่วนใหญ๋จะเป็นงานที่ต้องใช้แรงงาน ถ้าขี้เกียจก็จบครับ
ฝรั่งที่เกษียญแล้วมาเมืองไทยเพราะพวกนี้มีรัฐสวัสดิการ มาอยู่เมืองไทยได้สบาย ๆ เพราะค่าครองชีพถูกกว่า
แต่บางคนถ้ายังฝืนอยู่หลังเกษียญอาจจะต้องอดตาย
ความคิดเห็นที่ 61
เราอยู่เมกามา 5 ปีแล้วค่ะ ทำงานประจำ ตำแหน่งผจก เงินเยอะกว่าอยู่ไทยจริงค่ะ แต่เราขยันมากๆ พยายามถีบตัวเองให้สูงขึ้นๆ อยู่ไทยเคยเป็นวิศวะค่ะ และย้ายเป็นเซล์ เงินเดือนก็ดีค่ะ ไม่เดือดร้อนเลยที่ไทย ที่เมกาไม่เลือกงาน ไม่ยากจนของจริง เราคิดว่าสโลแกนนี้ใช้กับที่ไทยไม่ได้ ขยันให้ตายก็อาจไม่รวย
แต่เมกา เรื่องหาหมอคือห่วยแตก ประกันสุขภาพแพง
โดยรวมๆเราชอบชีวิตที่เมกามากกว่าค่ะ อากาศดีกว่า เราอยู่เมืองเล็กๆ มีบ้านในป่า มีสัตว์ป่า ชีวิตลงตัวมากๆ
เรื่องเงินเกษียณ เราคิดว่าถ้าจัดการดีๆ มีลงกองทุนไว้ก็พอค่ะ พวกที่บอกไม่พอ เราคิดว่าพวกนั้นไม่วางแผนค่ะ เราและสามีมีการทุนหลายกอง คิดว่าแก่ไปก็รอดนะคะ ไม่หวังพึ่งเงินรัฐอันน้อยนิด
ความคิดเห็นที่ 66
ไม่พูดถึงเรื่องเงินเดือน แต่ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตแตกต่างกันมาก คืออยู่ไทย ถ้าไม่ได้อยู่กทม.เนี่ยจะรู้เลยว่าการใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก อย่างเราอยู่ brooklynยังรู้สึกว่าการหาร้านอาหารดีๆ grocery storeสะอาดๆ สามารถหาได้
ง่ายตามข้างถนน คือเดินไปทางไหนก็เจอ แต่ถ้าอยู่ตจว.ในไทยคือหาอะไรแบบนี้ได้ยาก ความเจริญไปกระจุกอยู่ในเมืองกันหมด หรือขนาดบ้านเราเนี่ย อยู่ชลบุรี อยู่ในตัวเมือง จะหาสตาบัคกินทียังต้องถ่อไป takeaway เพราะ Deliveryไม่มีโดยรวมแล้วการใช้ชีวิตแบบสะดวกสบายในไทย ถือว่ายังสู้เมกาไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 67
หลายคนบอกว่า ในอเมริกางานสายอาชีพ หรือระดับ blue collar ก็มีรายได้ไม่แตกต่างจาก white collar มากนัก ถึงเป็นที่มาจากจอง จขกท
แต่หากมองกันจริงๆ จะพบว่าการได้มาของสิทธิ์ที่จะทำงานอะไรสักอย่าง เค้าผ่านกระบวนการกันมาในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการรับประกันคุณภาพและยกระดับวิชาชีพนั้นๆไปด้วยในตัว
ไม่ต้องอะไร แค่ใบขับขี่ในแคนาดา ยังต้องผ่านกระบวนการมากมาย ร่วมกับใช้เวลาในแต่ step ไม่ใช่สมัครวันนี้ จ่ายเงิน พรุ่งนี้เอารถออกไปขับคนเดียวได้เลย กว่าจะผ่านกระบวรการทั้งหมดจนเสร็จสิ้น นั่นก็แปลว่าเค้ามั่นใจแล้วว่าคุณจะมีคุณสมบัติการเป็นคนขับรถที่ดีได้
เคยต้องเรียกช่างประปามาซ่อมน้ำรั่วตอนอยู่แคนาดา ค่าตัวแพงมาก แต่นั่นเป็นเพราะเค้ามีใบประกอบการทำงานซึ่งกว่าจะได้มาก็ต้องเรียนต้องสอบ ต้องผ่านมาตรฐานวิชาชีพมาแล้ว ซ่อมท่อน้ำรั่วเป็นเรื่องเป็นราว มีมาติดตามผล จ่ายแพง งานจบ เรียบร้อย
ตัดภาพกลับมาไทย ท่อน้ำรั่ว ตามช่างมาซ่อม หาจุดรั่วไม่เจอ โบ๊ะๆโบกๆไป บอกว่าตรงนี้แหละ รอ 10 นาที เห็นมั้ยไม่มีน้ำซึมแล้ว บอกว่าให้รอแห้ง 24 ชม ห้ามใช้ พอเปิดน้ำอีกที ก็รั่วอีก โทรไปหาช่าง ไม่รับสายแล้วจ้า
เคสนี้ หาช่างมา 3 เจ้า กว่าจะจบงานได้ ไม่แน่ใจว่าไม่มีความรู้ หรือเพราะอะไร
หรือแม้แต่เคยนั่งรถระหว่างเมือง ตอนเข้าเมืองปลายทาง เนื่องจากท่ารถอยู่ชานเมืองอีกด้าน ไกลมาก และรถต้องผ่านแถวที่พักอยู่แล้ว เลยบอกคนขับรถขอลงตรง…ได้มั้ย คำตอบคือ ไม่ได้ รถระหว่างเมืองเราจะจอดให้คนขึ้นลงในจุดเฉพาะเท่านั้น ไม่มีการให้คนขึ้นลงนอกเหนือจากนั้น แม้รถติดจอดนิ่งๆ เค้าก็ไม่อนุญาตหรือเปิดประตูให้คนขึ้นลง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเพิ่งมาตรฐานวิชาชีพ มีกฎระเบียบ ไม่ใข่เอาใครก็ได้มาขับรถค่ะ
สรุปว่า การทำมาหาเลี้ยงชีพ มีรายได้ และคุณภาพคน ต้องทำมาเป็นระบบค่ะ ซึ่งคงยากสำหรับประเทศไทย
ความคิดเห็นที่ 70
ที่นั่น ถ้าคุณขยันและไม่ได้ฟุ่มเฟือยมากเกินไป (เข้าบาร์ กินอาหารนอกบ้าน ติดยา)
ต่อให้ทำงานธรรมดาเช่นพนักงาน Home Depot(เหมือน homepro บ้านเรา ) หรือแม้แต่คนขับรถเก็บขยะตามบ้าน
สามารถมีงานอดิเรกแพงๆอย่างมีเรือออกไปตกปลา ไปปีนเขา ไปต่างประเทศได้แน่นอนครับ
ลองกลับมาดูอาชีพที่ผมยกตัวอย่างในประเทศเราดูสิ ว่าต้องประหยัดแค่ไหนถึงจะมีงานอดิเรกแบบข้างบนได้
ยกตัวอย่างเช่นผมที่อยู่ระดับกลางลงไปล่าง ไม่สามารถมีชีวิตแบบคนที่อยู่ประเทศนั้นได้เลยในการบริโภค dairy products
ชีสก้อนเล็กก้อนนึงก็ค่าแรงต่อวัน 1/8 ของผมไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 73
คุณภาพชีวิตเค้าดีกว่าเห็นๆค่ะ มีแต่คนพูดเรื่องเงินๆทองๆ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย
-อากาศบริสุทธิ์กว่ามาก
-มีparkทุกโซน แล้วดูแลดีตัดหญ้าบ่อย มีห้องน้ำในpark
-ทางเท้าเรียบและสะอาด ไม่มีร้านมาตั้งขวาง จนไอเราต้องลงมาเดินบนถนน
-ไม่อันตรายเป็นผญก็เดินคนเดียวตอนดึกๆได้
-public transport ดีสะดวก(พอ) ไม่มีรถก็อยู่ได้สบายมีเงินเก็บไปทำอย่างอื่น
-การจราจรก็ปลอดภัยกว่าเพราะกฎแรงและใบขับขี่ได้มายากกว่า
-ไม่มีสัตว์จรจัดขี้เรื้อน พิการ หรือตัวผอมเหลือแต่กระดูกให้เราต้องมาเห็นแล้วสงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 74
ส่วนตัวไม่ได้อยู่ USA แต่คิดว่าแตกต่างที่ค่าเงินด้วยค่ะ ถ้าทำงานปกติค่าแรงขั้นต่ำต่อชั่วโมง ต่อวันเทียบกับค่าใช้จ่าย(ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ที่พัก บิลน้ำ ไฟแก๊สจิปาถะ) ราคาสูงกว่า แต่ก้อถือว่ามีเหลือพอใช้ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยมากเกินไป หรือถ้าจะเก็บเงินซื้อของที่มีมูลค่าพวกมือถือ กระเป๋าเดือนหนึ่งก้อสามารถเป็นเจ้าของได้ค่ะ
เงินที่จ่ายภาษีไป มันได้กลับมาได้อย่างชัดเจนในส่วนของคุณภาพชีวิต (พวกค่าครองชีพ การเดินทางจราจร อื่นๆที่เป็นพื้นฐาน) และรวมไปถึงกฏระเบียบที่เคร่งครัดกว่าแต่ไม่ยากที่ปฏิบัติ เพราะbase on human rights แต่ก้อมีคนบาง
ส่วนก็เห็นต่างนะค่ะ ถือว่าไม่ผิดค่ะ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ให้บริการประชาชนที่เท่าเทียมส่วนใหญ่ คุณไม่ได้อยากอยู่ในสังคมที่มีความเท่าเทียมกันรึค่ะ เค้ามีรณรงค์พวก racism, discrimination ในทุกองค์กร(เชื้อชาติ อายุ สีผิว เพศ การศึกษา วัฒนธรรม รูปร่างเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ) มันทำให้สบายใจขึ้นค่ะ
แต่การอยู่ต่างบ้านก้อไม่เหมือนบ้านเรานะค่ะ ไกลครอบครัว ต่างวัฒนธรรม ภาษา อาหารการกิน เมื่อเลือกไปอยู่ก้อต้องปรับตัวค่ะ อาจจะได้มุมมองที่กว้างขึ้นนะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 75
แนะนำแบบนี้แล้วกันครับ
ลองไปเปิด YOUTUBE พวกสำนักข่าวในอเมริกา
PBS CNN ABC CNBC FOX …
แล้วก็ลองดูสำนักข่าวท้องถิ่นต่างๆด้วยว่าเมืองเค้าเป็นยังไง
ปัญหาที่เราเผชิญอยู่ บางอย่างอเมริกาก็มี
บางอันหนัก บางอันเบา บางอันเค้าแก้ได้ บางอันก็ติดกับเรา
เงินเฟ้อ อสังหา ความรุนแรง ยาเสพติด ความเหลื่อมล้ำ
รัฐบาลเค้าก็ทำงานเหมือนบริหารบริษัท
เปลี่ยนทีนโยบายเปลี่ยน กลับหัวกลับหาง วนๆอยู่
เราหมดยุคชิงดีชิงเด่นแข่งกันโชว์เหนือแล้วละ
เราเข้าสุคยุคที่แข่งกันว่า ใครจะแย่น้อยที่สุด
ความคิดเห็นที่ 77
เทียบง่ายๆ วุฒิเดียวกัน ความขยันเท่ากัน อยู่เมกา มีคุณภาพชีวิตดีกว่าแน่นอน และถ้าขยันมากก็มีโอกาสรวยไปได้ไกลมากกว่า จนมีคำว่า American dream นั่นแหละ
ข้อเสียมีอยู่แล้ว ระบบสุขภาพ ความเสี่ยงเรื่องอาชญากรรมหรือข่าวกราดยิง การเหยียดเชื้อชาติ(ของเขาหนักกว่าบ้านเราตรงมีการทำร้าย แต่ก็มีกฎหมายคุมถ้าฟ้องศาลก็เรื่องยาว) แต่กลับกันบ้านเราก็มีปัญหาเรื่องการเข้าถึงการรักษาในบางเรื่อง ตจว.นี่แทบไม่มีหมอเฉพาะทาง ยกเว้นจังหวัดใหญ่มากๆ เข้าหาง่ายแต่
รักษาไม่ได้ก็ต้องพาเข้ากทม.อยู่ดี(หรือถ้าอยู่ภาคอื่นก็ต้องเข้ารพ.ศูนย์ของภาคนั้นๆ ญาติผู้ใหญ่ผมเคยต้องเทียวขับรถไปกลับ รวม300km เพื่อไปตรวจรักษาเดือนละหน เพราะมีหมอเฉพาะทางด้านนั้นที่เดียว) และยังดีที่เดี๋ยวนี้มีโครงการ30บาท
ส่วนเรื่องกราดยิงบ้านเราคงยังไม่มี แม้จะมีเคสเด็กแว๊นท์ยิงสุ่มๆใส่คนขับรถผ่านไปมาหรือที่บีบแตรไล่บ้าง หรือเด็กช่างไล่ยิงกันหน้าห้างกลางเมืองหลวง จนมีคนธรรมดาโดนลูกหลงบาดเจ็บหรือตายบ้าง แต่นับตัวเลขมันก็คงน้อยกว่าเมกา
อยู่ดี โดยเฉพาะถ้าเทียบกับความเสี่ยงในการตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนบ้านเรา ที่กลายเป็นเสี่ยงชีวิตที่สุดในการออกนอกบ้านแทน โดยเฉพาะถ้าคุณใช้รถสาธารณะยิ่งเสี่ยงที่สุด เรื่องอุบัติเหตุก่อนโควิทบ้านเราก็ตายจากอุบัติเหตุปีละหลักหมื่นคนมากเป็นอันดับต้นๆของโลกเพราะการละเมิดกฎจราจรกันเป็นประจำ
เรื่องเหยียดของเรายังไม่ถึงกับทำร้ายร่างกาย แต่เรื่องกีดกันเชื้อชาติด้านการงาน กับด้านครอบครัว(เช่นพ่อแม่ห้ามลูกแต่งภรรยาจาก...เข้าบ้านไม่งั้นบ้านแตก)
ยังไม่นับเรื่องความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งในไทยใครอยู่ฝั่งผู้มีอำนาจก็คงบอกไม่เห็นเดือดร้อนอะไร... (บ้านเขาก็มีเรื่องใช้เงินหรือเส้นสายแต่มันยากกว่าบ้านเรา เอาแค่เรื่องการบังคับใช้กฎจราจรเถอะ)
ค่าครองชีพสูง แต่รายได้ก็สูงตาม โดยเฉพาะคุณภาพชีวิตขั้นต่ำ สำหรับคนทำงานตั้งแต่แรงงานรายวันมันก็ดีพอสมควร โดยรวมมันก็คุ้มกว่า (ลองเทียบรายได้หักค่าครองชีพเลย เขาได้คุณภาพชีวิตดีกว่า วุฒิและงานแบบเดียวกันในบ้านเราแน่นอน ยกเว้นคุณบ้านรวยมากอยู่แล้วเลยไม่สนใจ)
ส่วนตัวจากคนรู้จักรอบข้าง ถ้าบ้านในไทยฐานะกลางๆหรือจบไม่สูง ไปทำงานที่นู่นแล้วแทบไม่อยากกลับไทยทั้งนั้น(กลับมาเที่ยวมาเยี่ยมญาติอีกเรื่องนึงนะ) ที่ไม่อยากไปหรือบอกว่าอยู่ไทยดีกว่า คือฐานะบ้านในไทยค่อนข้างดีมากอยู่แล้ว
คนเราบ้านเกิดมันย่อมคุ้นเคยที่สุด ครอบครัวพ่อแม่ เพื่อน สังคม คุ้นเคยหมด ถ้าอยู่สบายคุณภาพชีวิตดี ไม่ลำบากแต่เกิด ก็คงไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปที่อื่น แต่ถ้าฐานะ ภาระเริ่มต้น ไม่ได้สบายมาก การไปแสวงหาโอกาสที่อื่น ก็อาจจะได้ผลดีกว่า คนที่ไม่ได้ไป หรือไปแล้วไม่ชอบเพราะอยู่ไทยซื้อความสบายง่ายกว่า ก็ย่อมไม่เข้าใจหรือมองว่าไม่ดีไป ชีวิตใครชีวิตมันครับ
ความคิดเห็นที่ 80
ประเทศที่พัฒนาแล้วจะให้โอกาสทุกคนในสังคมเพื่อสิ่งที่ดีกว่าครับ ถ้าไม่ทำตัวเองจนตกต่ำ ยังไงก็จะพออยู่พอกินหรืออาจสร้างตัวได้ถ้ามีความสามารถ ระบบอุปถัมภ์เส้นสายมีน้อยหรือแทบไม่มีเลย ทุกคนจะให้ค่าความสำคัญกับคนที่มีความสามารถไม่ใช่ว่าเป็นลูกท่านหลานใคร ถ้าขยันไม่เลือกงานและเก็บเงินเป็น
ไม่นานก็สร้างตัวได้ที่พอจะทราบก็เพราะตอนเด็กๆผมมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาภาคฤดูร้อนที่ต่างประเทศทุกปีตั้งแต่อยู่ม.2จนจเรียนบมหาลัย ผมเคยอยากจะไปลองใช้ชีวิตและทำงานหาประสบการณ์ที่นิวซีแลนด์หรือออสเตรเลีย แต่ครอบครัวขอให้ช่วยกิจการที่บ้านก่อนเลยต้องพับโครงการไป ตอนนี้อายุจะสามสิบแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปทำตามฝันครับ
ความคิดเห็นที่ 81
ถ้าเป็นคนไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ถ้ามีโอกาสไปทำงานอเมริการายได้ขั้นต่ำมันยังสูงไง อย่างน้อยเดือนนึงก็เป็นแสนบาท ขยัน ประหยัด เก็บเงิน พอมีโอกาสบ้าง เพราะบางอย่างที่นั่นถูก แต่บางอย่างแพงเช่นเจ็บป่วยมา หมดตัวเอาเลยถ้าไม่มีประกัน
แต่ถ้าไม่มีความรู้ความสามารถ จะมาทำงานรับค่าแรงขั้นต่ำในไทย ปีไหน จะมีโอกาสตั้งตัวได้ละ แก่ตัวไปไม่มีบำนาญอีก มันจะอยู่ได้ไหม แล้วดันเกิดไปขยันมีลูก มีเมีย ยิ่งพากันลำบาก เข้าไปอีก ในไทยมันเปิดโอกาสให้ค่าแรงขั้นต่ำมีกินไปวัน ๆ
ที่จริงอยู่ไทยมีความรู้ความสามารถการศึกษา เงินเดือนหลายแสนบาท มันน่าอยู่ทั้งนั้นละ แต่ถ้ามีรายได้ขั้นต่ำจะพบว่าเมืองไทยมันไม่น่าอยู่
ความคิดเห็นที่ 82
ถ้าพูดตามตรง ที่นั่นโอกาสดีกว่าแน่นอน
แต่ถ้าไปแล้วคือทำงานอย่างเดียว ห้ามป่วยเด็ดขาด
เพราะ medical bills เค้าแพง ประกันที่ซื้อก้อไม่ได้
ครอบคลุมทุกโรค. อีกอย่างคือ rent ก้อแพงพอกัน
มันไม่ใช่เช่าเดือน 3000 บาทแบบบ้านเรา
คนไทยที่ไปที่นั่น'ส่วนใหญ่' มักจะพอมีคนรุ้จักถึงจะไป
พอได้ช่วยเหลือเวลามีเหตุไม่คาดฝัน
หลักๆคือค่าแรงเค้าดีกว่า แต่คุณก้อต้องแลกกับ
ความเหงา ความโดดเดี่ยว ถ้าคิดว่าจะไปเข้าสังคมกับคนไทย
ที่โน่นก้อต้องชั่งใจหน่อย เค้าอาจจะหาประโยชน์จากคุณลับหลัง
ที่โน่นคงามแตกต่างทางภาษา เชื้อชาติมันก้อมี
ถ้าคิดว่ารับได้ ก้อลองดู แต่หลักๆคือเงินล้วนๆ จะไป
ที่นั่นไม่งจ่ายืต้องฝ่าด่านวีซ่าอรหันต์ ซึ่งส่วนใหญ่ต้อง
มีคนรับรอง และคนระบรองต้องมีทรัพย์สินในธนาคาร
สถานฑูตเค้าจะเช็คเลย หลายคนมีเงินเก็บเป็นล้าน
คนระยรองมีเงินสิบล้าน วีซ่าไม่ผ่านถมเถ เพราะเค้ารู้ว่า
ไอ้คนนี้กะไปขุดทองเพิ่ม กะไปชุบตัว
ความคิดเห็นที่ 83
ถ้ามีโอกาส ก็ลองขวนขวายไปก่อนก็ได้ เป็นประสบการณ์ชีวิตไป ....
นี้ไม่เคยไปหรอกนะคะ เเต่ถ้าจะเทียบแบบบาง คห ว่า กรณี เพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในประเทศไทย
ความรู้สึกส่วนตัว ก็มองว่าเค้าก็เป็นคนนะค่ะ เราไม่เห็นว่าจะรังเกียจิ หรือจะไป
ด้อยค่าอะไรเค้า
เเละ ประชากรในประเทศเรา มันมีความเลื่อมล่ำกันอยู่แแล้ว
ประชากรชั้นหนึ่งในประเทศก็คือต้องรวยมีเงินเปล่าคะ ไม่ใช่คนจน คนใช้เเรงงาน หรือแม้เเต่รัดับ office ธรรมดา ถ้าทำงานระดับแรงงาน
ส่วนตัวที่สัมผัส ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เค้ามีคุณภาพชีวิตที่ไม่ต่างกันมากนัก
หมายถึง เเรงงาน ไทย VS แรงงานเพื่อนบ้าน ส่วนเรื่องการเเพทย์ คนฐานเเรงงาน คนไทย เข้าถึงได้ก็จริง
เเต่ก็ไม่ได้สะดวก แถมอนาคตเราก็ไม่รู้ว่า มันจะยังมีอยู่มั๊ย ดังนั้น ถ้าทำงานเเรงงาน หรืองานระดับ Office ที่ไม่ใช่เฉพาะทางมาก
ไม่ได้ป่วยเรื้อรัง และสู้งานเเรงงานในต่างแดน ก็ลองหาช่องทางไปก่อน
เพราะถ้าไปไม่รอด ก็กลับมาทำงานเเรงงานไทย ก็ได้ ช่วงที่ยังมีเเรงทำงานอยู่
บาง comment ว่าประชากรชั้น 2 ว่าซ่าน .... ถามก่อน อยู่นี้ก็ใช่ว่าจะเป็นประชากรชั้น 1
ความคิดเห็นที่ 84
ถ้าเป็นคนชั้นกลาง >> อเมริกา ตั้งตัวง่ายกว่าไทย
ในที่นี้คือมนุษย์เงินเดือนระดับกลาง ๆ ถึงสูง (เช่น อยู่ไทยเดือนละ 20,000-200,000 บาท)
หรือมีธุรกิจเล็ก ๆ เช่น ซักรีด ร้านอาหาร คือ มี skill หากินได้ ไม่ถึงกับรวย แต่มีพอจ่ายประกัน
ที่ว่าตั้งตัวง่ายกว่าเพราะ
1. คนส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง ดังนั้นเกือบทุกคนเสียภาษี
ทำให้คุณภาพชีวิตพื้นฐานดีกว่า โรงเรียนของรัฐก็มีคุณภาพดี ไม่ต้องจ่ายเงินเข้าเอกชน
ต่างจากไทยที่มีคนจ่ายภาษีแค่ 10% อุ้มคนทั้งประเทศ สวัสดิการก็ได้เท่าที่เห็น
ใครอยากได้อะไรพิเศษ ๆ อยากให้ลูกพูดอังกฤษคล่อง ก็ต้องจ่ายเอง
2. ค่ากินอยู่พื้นฐานถูกกว่า ทั้งอาหาร (ถ้าทำกินเอง ซึ่งฝรั่งส่วนใหญ่ก็ทำกินเอง) เสื้อผ้า
ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน หรือราคารถยนต์ มีแต่บ้านหรือค่าเช่าที่แพงกว่า หรืองานบริการต่าง ๆ
เช่น ตัดผม จ้างคนตัดหญ้า จ้างคนเลี้ยงเด็ก กินอาหารตามร้าน อันนี้แพงกว่าไทยมาก
แต่ถ้าเป็นคนรวย หรือยากจนไปเลย >> อยู่ไทยสบายกว่า
คนจนในไทย มีสิทธิ์รักษา 30 บาท ปัจจุบันแทบจะไม่ต่างกับสิทธิ์ข้าราชการแล้ว (บางอย่างดีกว่าด้วย)
ความเป็นอยู่ ยังไงก็ไม่มีคำว่า อดตาย หนาวตาย ขอบริจาค ขอข้าววัดกิน ก็อยู่ได้
ที่สำคัญ -- มีอภิสิทธิ์กลาย ๆ แบบที่เห็นในข่าว ขายของริมถนน สร้างเพิงริมคลอง สร้างสลัมในพื้นที่คนอื่น
เหมือนจะลำบากแต่อยู่กันมาได้ตั้งแต่ปู่ยันหลาน ไม่เห็นมีใครทำอะไร
ถ้าเป็นเมืองนอก ต่อให้จนคุณก็เบียดเบียนคนอื่นไม่ได้ กฏหมายก็ไม่ให้ และสังคมก็ไม่ยอมรับ
คนรวยมาก ๆ ที่จริงอยู่ไหนก็สบายแหละ แต่เมืองนอกเค้าไม่เห่อคนรวย ไม่มีอภิสิทธิ์
(คนไทยเห่อคนรวยจริง ๆ นะ ขนาดไม่ได้ผลประโยชน์จากเค้า แต่ก็ต้องขอเอาใจ ให้สิทธิพิเศษไว้ก่อน ไม่รู้ทำไม)
ลูกสาวปธน.บุชเคยถูกจับฐานขับรถขณะเมา โดนปรับ โดนภาคทัณฑ์ ส่วนบ้านเราลูกมหาเศรษฐีขับชนคนตายไม่โดนดำเนินคดี
ความคิดเห็นที่ 85
ถ้าไปแล้วอยู่ได้แบบถูกกฏหมาย มีความสามารถ ขยันทำงาน ยังไงก็รวยครับ
แต่ถ้าไปแล้ว อยู่แบบผิดกฏหมาย ก็ไม่ต่างกับแรงงานหนีเข้าประเทศครับ
น้องเพื่อน หนีไปอยู่แบบผิดกฏหมาย อยู่มา 5 ปีแล้ว ยังไม่มีอะไรเลย
เช่าห้องอยู่ไปวันๆ บางเดือนกลับมาขอเงินที่บ้านอีกต่างหาก
เพราะ การอยู่แบบผิดกฏหมาย การทำงานก็ยากลำบาก ทำได้แต่งานแบบ part time ทำงานประจำไม่ได้
ยิ่งเป็นคนไม่มีความสามารถเฉพาะทางอีก อยู่ไป 5 ปีแล้วยังทำงานร้านอาหารไทยอยู่เลย
อายุก็ 30 กว่าละ อยู่จนมีลูกแล้ว 1 คนด้วย
ความคิดเห็นที่ 89
ชีวิตที่นั่นมีโอกาศเยอะกว่าครับ ส่วนเรื่องรถราคามันถูกจริงครับ
ส่วนตัวผมมองว่าชีวิตที่ USA ยังไงก็ดีกว่า ตัดรวย-จนออกไป
- อากาศดีมีครบทุก Season มี Park ให้เดินเล่นออกกำลังกาย เจอ Hiils ข้างถนนก็จอดรถลงไป Hiking ได้ , ได้ทำกิจกรรม Outdoor /Camping เยอะมาก
- ทางเดิน/ริมถนนอะไรต่างๆดีกว่ามาก
- Downtown ที่เป็น Downtown ไว้ทำงาน/ธุรกิจจริงๆสวยงาม ไม่ใช่ตึกระฟ้าปะปนกับที่อยู่อาศัยกับสลัมมั่วไปหมดเหมือนเรา
- อาหารหลากหลายมากมีครบทุกชาติ ใครบอกอยู่เมกา แล้วไม่รู้จะกินไรนี่.........อยู่ในรูหรือไง
รวยมาก ๆแต่ชอบอยู่ไทย ก็สูด pm 2.5 กับแดดร้อนๆ35องศา ไร้กิจกรรม(เพราะประเทศไม่มีไรเลย) เฉี่ยวชนกันมอไซด์และรถส่งของต่อไปครับ
ไม่ต้องบอกนะว่าทะเลสวย มีป่ามีภูเขา มีร้าน Cafe ปลายนาให้เหมือนกัน
ผมมองว่า Fake ชิล กว่าจะได้แต่ละรูปปาดเหงื่อที่หน้ากี่รอบ ถ่ายเสร็จก็มานั่งหลบแดดโพสรูป
ความคิดเห็นที่ 90
ขยันเท่ากัน อายุประมาณเดียวกัน
เงินเดือนไทย 15000-30000 บาท
เงินเดือนสหรัฐ ประมาณ 4000-6000 เหรียญต่อเดือน
- ค่าบ้านไทย 3000-5000 บาท
ประมาณ 1/4 ของ เงินเดือน
แต่ขนาดแค่ 20-30 ตารางเมตรนะ
- ค่าบ้านสหรัฐ 500-1000 เหรียญต่อเดือน
ประมาณ 1/6 ของเงินเดือน
แต่ขนาดและสภาพคือ 50-60 ตารางเมตร ไม่ใช่สลัมหรือชุมชนคนรายได้น้อยนะ
- ค่าอาหารไทย วันละ 300 บาท คือ 9000 บาทต่อเดือน
ประมาณ 2/4 ของเงินเดือน
- ค่าอาหารสหรัฐ คือ วันละ 30-40 เหรียญต่อวัน เดือนหนึ่งก็ประมาณ 1000 เหรียญ
ประมาณ 1/6 ของเงินเดือน
.
โดยรวมก็คือ ทำงานหนักเท่ากัน ค่าครองชีพแพงกว่า แต่ได้เงินเยอะกว่า
ความคิดเห็นที่ 91
เรื่องเงินเรื่องทองหลายๆท่านวิเคราะห์ไปหมดแล้ว แต่มีเรื่องนึงที่อยากพิมพ์ คืออเมริกามันไม่ค่อยน่าอยู่แบบเมื่อก่อนตั้งแต่ตอนโดนัล ทรัมป์เป็นปธน. แล้วแกปลุกพวกขวาจัดขึ้นมาตอนหาเสียง ตอนหลังนี่พวกgopหลายๆคนlorent boebert majorie greeenลากเรื่องศาสนามาปนกับการเมืองอีกตอนนี้แทบจะเป็นคริสเตียนตาลีบันกลายๆ โคตรบ้าบอ
โฆษณา