19 มิ.ย. 2022 เวลา 17:06 • ข่าว
มุมมองแบบชาวบ้านๆของผมเป็นแบบนี้ครับ
1) “โครงสร้างราคา” (cost structure)
ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวเลขคร่าวๆที่ผมเห็นผ่านตามาจากหลายแหล่ง และตัวเลขดังกล่าวเปลี่ยนแปลงตามเวลา จึงขอยกมาเพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมๆครับ
1.1) ราคาน้ำมันดีเซลในไทยสูงเป็นอันดับที่ 60 กว่าๆของโลก ในขณะที่ราคานำ้มันเบนซินในไทยสูงเป็นอันดับที่ 80 กว่าๆของโลก
1.2) ในกลุ่มอาเซียน มีทั้งประเทศที่มีนำ้มันราคาสูงกว่าและตำ่กว่าไทย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐที่มีความแตกต่างกัน และความจริงที่ว่าแต่ละประเทศมีกำลังการผลิตนำ้มันดิบที่เป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติในระดับที่แตกต่างกัน เช่น
# บรูไน มีปริมาณนำ้มันดิบสำรองภายในประเทศจำนวนมหาศาล จึงทำให้ราคาจำหน่ายนำ้มันสำเร็จรูปต่ำที่สุดในอาเซียน
# มาเลเซียไม่มีการเก็บภาษีนำ้มัน แถมรัฐยังมีเงินสนับสนุนราคานำ้มันให้อีกด้วย จึงทำให้ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ราว 16 บาท/ลิตร และราคานำ้มันดีเซลอยู่ที่ราว 17 บาท/ลิตร
# ส่วนประเทศที่มีราคานำ้มันสูงกว่าไทยได้แก่ ฟิลิปปินส์, ลาว, กัมพูชา และ สิงคโปร์
# ในขณะที่ประเทศในทวีปยุโรปอย่าง ฝรั่งเศส มีราคาขายนำ้มันเบนซินอยู่ราว 67 บาท/ลิตร และ ราคาน้ำมันดีเซลขายอยู่ราว 65 บาท/ลิตร
2) โครงสร้างราคานำ้มันขายปลีกของไทย
2.1) ราคานำ้มันดิบจะเป็นต้นทุนราว 60% ของราคาขายปลีกนำ้มันสำเร็จรูป
หากราคานำ้มันดิบเพิ่มขึ้น 1 dollar/barrel จะส่งผลให้ราคาในปั๊มขึ้นไปราว 20 สตางค์/ลิตร
2.2) ภาษีสรรพสามิต 0.975-6.5 บาท/ลิตร
2.3) ภาษีมหาดไทย (ภาษีเทศบาล) เก็บ 10% ของภาษีสรรพสามิต
2.4) เงินสมทบกองทุนนำ้มันเชื้อเพลิง
2.5) เงินสมทบกองทุนอนุรักษ์พลังงาน
2.6) ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
2.7) ค่าการตลาดราว 6.5%
2.8) ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าการตลาดอีก 7%
3) การใช้พลังงานของพี่น้องชาวไทยปี 2564
เบนซินราว 29 ล้านลิตร/วัน
ดีเซลราว 63 ล้านลิตร/วัน
โดยที่บ้านเรานำเข้านำ้มันจากต่างประเทศราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน และเราผลิตได้เองราว 2 แสนบาร์เรล/วัน
4) มุมมองอื่นๆของผมต่อราคาน้ำมัน
5) “รถ EV”
6) เทคนิคการใช้รถแบบประหยัดน้ำมัน
7) แหล่งข้อมูลที่น่าสนใจครับ
โฆษณา