25 มิ.ย. 2022 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
สินค้า sustainable กับอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา
British Retail Consortium (BRC) ได้เปิดเผยข้อมูลว่า อัตราเงินเฟ้อสำหรับสินค้าอาหารเมื่อเดือนเมษายน 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ได้แก่ การท่องเที่ยว ยกเลิกการสมัครใช้บริการ Netflix หรือรับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง ซึ่งมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคจะมีการทำอาหารรับประทานเองที่บ้านเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผู้บริโภคยังหาทางในการลดการอุปโภคบริโภคสินค้าที่จำเป็น โดย บริษัท Nielsen ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้บริโภคมีการ บริโภคโปรตีนลดลงร้อยละ 7.8
บริษัท Quantilope ได้ทำการศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคที่คำนึงถึงราคามากขึ้นว่าจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์สินค้าที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (sustainable) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เช่น สินค้าออร์แกนิก สินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้/ สามารถรีไซเคิลได้
จากการศึกษาพบว่าเป็นที่ชัดเจนว่าผู้ซื้อมีความกระตือรือร้นที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ผู้บริโภคจำนวนมาก ยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อ โดยหนึ่งในสามของผู้บริโภคที่ทำการสำรวจยอมจ่ายภาษีมากขึ้นหากถูก นำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ หนึ่งในห้าของผู้บริโภคที่ทำการสำรวจในความสำคัญกับส่วนผสมจากธรรมชาติและบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากกว่าราคา อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคจำนวนร้อยละ 66 ยังเห็นราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้า
ซึ่งบริษัท Quantilope เห็นว่า สินค้า sustainable มีราคาสูงกว่าสินค้าปกติซึ่งอาจจะเป็นการกีดกันด้านสิ่งแวดล้อมบริโภคบางกลมซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภคและเป้าหมายในด้านสิ่งแวดล้อม
จากการศึกษาของบริษัท Quantilope ยังสามารถแบ่งกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
(1.) กลุ่มผู้บริโภคที่ตรวจสอบส่วนผสม – ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญต่อส่วนผสมของสินค้าอาหารที่ซื้อ เช่น ต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม โดยเชื่อมั่นว่ามีอิทธิพลเชิงบวกต่อโลก รวมถึง สุขภาพของผู้บริโภค ทั้งนี้ ราคาเป็นอุปสรรคต่อผู้บริโภคกลุ่มนี้น้อยที่สุด และมีแนวโน้มที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
(2.) กลุ่มนักรบขยะ (waste warriors) – ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิล/ นำกลับมาใช้ใหม่ได้ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกน้อยลง โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุ
(3.) กลุ่มตรวจสอบโดยรวม (broad brushers) – ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยรวมทั้งประเด็นในการลดการใช้พลาสติก การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ รวมถึง การปกป้องสัตว์และสัตว์ป่า
โดยสรุป ปัจจัยด้านราคายังคงมีผลต่อตลาดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้บริโภคยังคงตัดสินใจในการ ซื้อสินค้าด้วยความระมัดระวัง โดยแบรนด์จำเป็นต้องปรับราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้า
จากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะประหยัดโดยพิจารณาลดการใช้จ่ายสำหรับสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นต่างๆ รวมถึงลดการบริโภคสินค้าอาหารประเภทโปรตีน ในส่วนสินค้าประเภท sustainable และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้น มีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังมีแนวโน้มที่ยังคงซื้อสินค้าในกลุ่มดังกล่าว
แต่ยังเป็นเพียงกลุ่มน้อยเนื่องจากสินค้าในกลุ่ม sustainable และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีราคาสูงกว่าสินค้าปกติ ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับราคาสินค้าให้เหมาะสม รวมทั้ง สร้างความตระหนักรู้ต่อผู้บริโภคถึงคุณสมบัติของสินค้าโดยเฉพาะส่วนประกอบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคที่ตรวจสอบส่วนผสมตลอดจน พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าวเป็นกลมผู้มีอำนาจสิ่งแวดล้อมซึ่งมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โฆษณา