20 มิ.ย. 2022 เวลา 07:27 • ความคิดเห็น
อะไรบ้างที่รับรู้ถึงการมีอยู่แต่มองไม่เห็น
เรื่องของคำว่า จิต..จุติลงมาอาศัยกาย ..กายสัตว์ หรือกายมนุษย์ เมื่อไปจุติที่กายสัตว์ จิตนั้นก็ยึดอยู่ในสังขารสัตว์การรับรู้อะไรก็เป็นแบบสัตว์ มาจุติในสังขารที่พ่อแม่สงเคราะห์ให้กายมนุษย์ จิตนั้นก็ได้อาศัยกายมนุษย์ ภายใต้เนื้อหนังที่จิตนั้นอาศัย ประกอบไปด้วยอะไรบ้างที่มองไม่เห็น
ในคำว่าจิต..นั้นก็คือ..
ตัวเราเป็นจิตดวงหนึ่งที่มาอาศัยอยู่ในกายเป็นสังขารที่ก่อตัวขึ้นมาด้วยอากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อายตนะสิบสอง พร้อมด้วยจิตรวมกันเป็นสังขาร
อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมตัวกันด้วยอายตนะที่ก่อตัวรวบรวมกรรมประกอบขึ้นมาจากกรรมที่ทำไว้ จิตนั้นเป็นสังขตที่พัวพันกับธาตุสี่อายตนะและอารมณ์
จิตเราจึงหลงวนเวียนกับโลกที่เกิดขึ้นในตน
มียึดถือในสิ่งที่เกิดในตนทั้งอุปทาน อารมณ์ วิบากที่เกิดในตนในลักษณะอัตตา เป็นกิเลสที่ร้อยรัดสรรพสัตว์ไว้ด้วยนิสัยสันดานสัญชาติญาณให้จมอยู่ในเวรกรรม โดยไม่มีสติตื่นขึ้นมาดูกลั่นกรองหาเหตุหาผลให้รู้แจ้งสิ่งที่เกิดในตนเป็นลักษณะของอารมณ์ที่เป็นศัตรูเข้ามาทำร้ายจิตของตน อารมณ์เหล่านี้ไม่มีตัวตน
หากจิตเรามีสติรู้สึกตัวระลึกรู้จักสิ่งที่เกิดในตนนั้นไม่มีตัวตน หากจิตไปยึดถืออารมณ์ไว้ ความเป็นตัวตนองอารมณ์ก็มีอิทธิฤทธิ์ต่อจิตของตน ต้องเป็นทาสของอารมณ์ ผู้ที่มีสติระลึกรู้ก็รักษาจิตของตนก็ระมัดระวังจิตของตนให้ปราศจากอารมณ์เข้ามาคลุกเคล้าจิตของตน ให้จิตอิสระจากอารมณ์ด้วยสติไม่ประมาทอารมณ์ที่เกิดในตนเพื่อมิให้เกิดกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ปกติทั่วไป จิตของคนเรามันอ่อน สติก็อ่อน ..จิตอ่อนสติก็อ่อนแอ มันก็เลยฝืนอารมณ์ไม่ได้ สติก็เป็นสติของอารมณ์ ไม่ใช่สติของจิต ที่มันก็ล้วนมองไม่เห็น จึงต้องอาศัยนำมากายฝึกหัด มันเหมือนกับม้าที่ฝึกได้หรือไม่ได้ เค้าจึงมีเรื่องของมาอาชาไนย ที่ฝึกได้ ฝึกให้จิตเข้มแข็งขึ้น เข้มแข็งต่ออารมณ์ตนเอง หยุดยั้งอารมณ์ตนเอง แล้วก็ให้เกิดเป็นสติของจิต ไม่ใช่สติที่ตามอารมณ์
การปฏิบัติธรรม เพื่อให้รู้จักตัวเองหรือจิตของตัวเองจึงเป็นเรื่องยาก..จิตยังเป็นที่อยู่ที่อาศัยของตัวกระทำ(ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็นที่จะไปรู้จักได้) และบุญบารมี
ตามไปปกติ การใช้ชีวิตของคนเรา เราไม่รู้ตัว มันเกิดเป็นการสะสม ..สะสมกรรม โดยไม่รู้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะจิตเราอยู่ใต้อารมณ์ เป็นทาสอารมณ์ มีการใช้วิญญาณทั้งหก ใช้กายวาจาใจ เป็นกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วยอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ..เราเองไม่รู้ตัวเลยว่า มีการเก็บบึกทึกเรื่องราวต่างๆ เป็นสีดำสีม่วงทาทับลงที่ธาตุทั้งสี่ โดยไม่รู้ตัว แล้วคนเราก็เกิดมาไม่รู้กี่ชาติ..มันก็สะสมเก็บติดกับธาตุสี่อยู่ตลอดเวลา
แล้วก็ไม่รู้ว่า จะชำระสะสางเรื่องกรรมที่ติดกับธาตุทั้งสี่นี้ออกไปอย่างไร มันจึงต้องเกิดตาย อยู่กับกรรม ที่เราก็มองไม่เห็น เค้าจึงว่ามีชีวิต เหมือนคนตาบอด ที่มีแต่อารมณ์นำไป ไปอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ พบเห็นสิ่งใดที่ว่ามีความสำคัญ จิตก็หลงไปยึด เอาเป็นของตน ตามแต่ที่อารมณ์จะบันดาลให้มีกรรม สุขทุกอยู่ในกรรม ที่ไม่รู้จัก มองก็ไม่เห็น
ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้ เค้าจึงว่ารู้ได้แค่ที่ตาเห็นหูได้ยิน แล้วก็ปิดจิตของตัวเองที่เรียนรู้จัก สิ่งที่มองไม่เห็น นั้นมาจากไหนบ้าง ที่เป็นอารมณ์นึกคิดอยู่ภายในกาย
โฆษณา