21 มิ.ย. 2022 เวลา 02:12 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เจาะรายละเอียดกองทุน​ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund, Class B
วันนี้เอา 1 ในกองทุนลดหย่อนภาษีมาเจาะรายละเอียดให้ดูกันเลยว่าถ้าซื้อไปตอนนี้อีก 10 ปีจะมีโอกาสทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน
บอกก่อนว่าเป็นกองที่มีความเสี่ยงสูง เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้
KFGGSSF และ KFGGRMF หรือ ONE-UGG-ASSF และ ONE-UGERMF
ทั้ง 4 กองทุนนี้ลงทุนในกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund, Class B เหมือนกัน
เลือกว่าเป็น SSF หรือ RMF และเลือกระหว่างบลจ.กรุงศรีหรือบลจ.วรรณ
<ความแตกต่างที่ได้ชัดเจนคือค่าใช้จ่ายกองทุนรวมที่ของบลจ.กรุงศรีจะถูกกว่า>
รายละเอียดส่วนของกองทุนหลัก
มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลก โดยสไตล์การเลือกหุ้นจะเลือกจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโตสูง-สูงมากในระยะยาว
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 31 พ.ค. 2022 หุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนถืออยู่ในพอร์ตรวมกันแล้วมีสัดส่วนประมาณ 51%
1.Tesla 6.6%
2.Amazon 6.5%
3.Meituan 5.9%
4.Nvidia 5.5%
5.ASML 5.4%
6.Tencent 5.3%
7.Kering 4.8%
8.Illuminaa 4.5%
9.Moderna 4.2%
10.BioNTech 3.1%
แต่ละบริษัทมีขนาด Market Cap. สูงในระดับต้นๆ อย่างเช่น Amezon มีมูลค่าสูงถึง 1​ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
พอร์ต​เน้นที่หุ้นเติบโต​ขนาดใหญ่
โดยหุ้นมากกว่า 50% เป็นบริษัทใน USA, 24% อยู่ใน Emerging Market และ 19% ใน Europe
ปัจจุบันกองทุนมีหุ้นในพอร์ตทั้งหมด 38 หลักทรัพย์ (กำหนดไว้ที่ 30 - 60 หลักทรัพย์)
มูลค่ากองทุน 2,095.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 73,349.5 ล้านบาท)
และกองทุนยังมีเงินสดในมืออยู่ประมาณ 2.31% (48.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของ 10 บริษัทนี้ เกือบทุกบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นส่วนกำไรสุทธิมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง
แต่ราคาหุ้นร่วงจากจุดสูงสุดแล้วมากกว่า 50% และ NAV ของกองทุนก็ร่วงลงมาไม่แพ้กัน
กองทุนใช้ดัชนีหุ้นโลก MSCI ACWI เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน
โดยตั้งแต่เริ่มจัดตั้ง กองทุนสามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนี MSCI ACWI
แต่ระหว่างทางก็มีความผันผวนมากกว่า เวลาขึ้นก็ขึ้นมากกว่า เวลาลงก็ลงมากกว่าเช่นกัน
อย่างช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก็ติดลบไปถึง 40% ขณะที่ ACWI ติดลบไปประมาณ 10%
Morningstar Rating​ 4​ ดาว
ข้อมูลผู้จัดการกองทุน (เอาข้อมูลมาให้ดู 2 คนจากทั้งหมด 5 คน)
Mark Urquhart เป็นผู้จัดการอาวุโสในทีม Long Term Global Growth ที่เริ่มตั้งตั้งแต่ปี 2003 Mark เข้ามาทำงานร่วมกับ Baillie Gifford ตั้งแต่ปี 1996 เริ่มต้นจากการเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนและผู้จัดการดูแลหุ้นสหรัฐ หุ้นอังกฤษ และหุ้นญี่ปุ่น
Mark จบจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดในปี 1992 และจะจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์กในปี 1996 สาขารัฐศาสตร์
John MacDougall เป็นผู้จัดการในทีม Long Term Global Growth (LTGG) เข้าร่วมกับบริษัทตั้งแต่ปี 2016
๋John เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทสาขาประเทศจีน
เคยดูแลการลงทุนในส่วนของอเมริกาเหนือ และเคยอยู่ในทีมที่ดูแลการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเค้าเป็นคนบริหารกองทุน Shin Nippon Investment Trust ที่ลงทุนในบริษัทขนาดเล็กถึงปานกลางที่มีโอกาสเติบโตสูง
หลังจากนั้นก็เข้าทีม Global Discovery ซึ่งเป็นทีมที่โฟกัสหาบริษัทขนาดเล็ก มีนวัตกรรมที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
John จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดสาขาประวัติศาสตร์สมัยโบราณและประวัติศาสตร์สมัยใหม่
Morningstar​ Analyst Rating​ : ระดับ Silver
จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 คนมีความรู้และประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนมายาวนาน
สบายใจได้ว่าผู้จัดการกองทุนคัดเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีและโอกาสเติบโตสูงได้ในอนาคต
ทั้ง 4 กองทุนของไทยที่บอกข้างต้นสามารถซื้อขายผ่านแอป Finnomena ได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
จังหวะที่ราคาลดลงถือเป็นโอกาสได้ของคุณภาพดีต้นทุนถูก ถือระยะยาวโอกาสกำไรสูงค่ะ
#dari_mana #darifreedomwealth #Finnomena #กองทุน #Fund #Mutualfund #วางแผนการเงิน #ประกันและการลงทุน #กองทุนหุ้นโลก #กองทุนลดหย่อนภาษี #ลดหย่อนภาษี #SSF #RMF
โฆษณา