23 มิ.ย. 2022 เวลา 03:52 • ประวัติศาสตร์
“ศีรษะโมโกโมไก (Mokomokai heads)” ศีรษะชาวเมารี
ภาพที่เห็นในหัวบทความ ถือว่าเป็นเป็นภาพที่มีเรื่องราวน่าสนใจ
1
ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าศีรษะมนุษย์จำนวนมากนี้ คือ “โฮราชิโอ กอร์ดอน โรบลีย์ (Horatio Gordon Robley)” ทหารชาวอังกฤษ โดยศีรษะด้านหลังนั้นคือศีรษะของชาวเมารีที่ได้รับการเก็บรักษา โดยชาวเมารีก็คือชนพื้นเมืองของนิวซีแลนด์
1
ใบหน้าของศีรษะแต่ละอันนั้นได้รับการตกแต่งด้วยรอยสักที่เรียกว่า “ทาโมโก (Ta moko)” โดยในศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 ขาวยุโรปต่างคลั่งไคล้และต้องการจะเป็นเจ้าของศีรษะของชาวเมารี
1
และด้วยความต้องการศีรษะของชาวเมารีนี้เอง ทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วัฒนธรรมของชาวเมารีเสื่อมลง
โฮราชิโอ กอร์ดอน โรบลีย์ (Horatio Gordon Robley)
การสักทาโมโก เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยมีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถสักทาโมโกได้ ส่วนผู้หญิงนั้น อนุญาตเฉพาะหญิงที่มีสถานะสูงเท่านั้นจึงจะสักทาโมโกที่ริมฝีปากและคาง
เชื่อกันว่ารอยสักทาโมโกเป็นเหมือนสื่อกลางระหว่างบุคคลและบรรพบุรุษ และยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะของบุคคล โดยผู้ที่สักทาโมโก มักจะเป็นบุคคลสำคัญ เช่น หัวหน้าเผ่า นักรบชั้นสูง
เมื่อบุคคลที่สักทาโมโกเสียชีวิต ศีรษะของผู้นั้นก็จะถูกนำไปเก็บรักษาด้วยกรรมวิธีเฉพาะ และนอกจากนั้น ศีรษะของศัตรูก็ถูกนำมาเก็บรักษาและแสดงในฐานะของรางวัลจากสงคราม อีกทั้งยังใช้เป็นสิ่งในการแลกเปลี่ยนระหว่างชนเผ่าต่างๆ
ต้นศตวรรษที่ 19 เมื่อชาวยุโรปได้เข้ามาในนิวซีแลนด์ พ่อค้า ชาวเรือ ชาวอาณานิคม ต่างก็นำอาวุธปืนเข้ามาด้วย
ปืนเหล่านี้สร้างความสนใจแก่ชนพื้นเมืองนิวซีแลนด์ เนื่องจากอาวุธปืนจะทำให้พวกตนได้เปรียบเผ่าอื่นๆ
ชาวยุโรปต่างก็สนใจในศีรษะโมโกโมไก (ศีรษะชนเผ่า) และยินดีจะแลกอาวุธปืนกับศีรษะโมโกโมไก
และด้วยเหตุนี้ ความต้องการศีรษะโมโกโมไกก็เริ่มขยาย ทำให้มีการแลกเปลี่ยนปืนคาบศิลากับศีรษะโมโกโมไก และในไม่ช้า ก็เกิดเป็นความขัดแย้ง
1
เพื่อที่จะปกป้องตนเองจากเผ่าอื่นๆ ชนเผ่าต่างๆ ก็ยอมที่จะแลกศีรษะโมโกโมไกกับปืนคาบศิลา โดยชนเผ่าต่างๆ จะโจมตีชนเผ่าอื่นๆ เพื่อจะเอาศีรษะของศัตรูมาทำศีรษะโมโกโมไก
ช่วงที่ความต้องการศีรษะโมโกโมไกพุ่งสุดขีด อยู่ในช่วงระหว่างค.ศ.1820-1831 (พ.ศ.2363-2374) ก่อนที่ในปีค.ศ.1831 (พ.ศ.2374) ข้าหลวงแห่งนิวเซาท์เวลส์ได้ออกกฎห้ามการแลกเปลี่ยนศีรษะโมโกโมไก อีกทั้งความต้องการอาวุธปืนเริ่มลดลง
1
เมื่อถึงค.ศ.1840 (พ.ศ.2383) การค้าศีรษะโมโกโมไกก็ได้สิ้นสุดลง
ในทุกวันนี้ ศีรษะโมโกโมไกจำนวนมากได้ถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์และคอลเล็คชั่นส่วนตัวต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งทางนิวซีแลนด์ก็มีความพยายามที่จะนำกลับมาเก็บรักษา
โฆษณา