#การกลับมาอีกครั้งของMBS
#ความสัมพันธ์ยุคใหม่ของซาอุฯ - ตุรเคีย
#เราจะกลบฝังคดีKhashoggiไปด้วยกัน
วันนี้ เจ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอารเบีย ที่เรามักเรียกชื่อย่อกันติดปากว่าท่าน MbS ได้เดินทางเยือนตุรเคียอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นับตั้งแต่เกิดคดีฆาตกรรมนักข่าว Jamal Khashoggi อย่างโหดเหี้ยมภายในสถานฑูตซาอุดิอารเบีย ในเมืองอิสตันบูล ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
และนับตั้งแต่คดีในวันนั้น ทางตุรเคียก็มีท่าทีห่างเหินกับซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะกับผู้นำตุรเคียสายฟาด ราเซป ไทยิป แอโดแกน ที่เคืองทางซาอุฯ หนัก ที่เลือกเมืองอิสตันบูลวางแผนลอบสังหาร และได้ส่งตัวสายลับ มือสังหารจำนวนมากเข้ามาในตุรเคีย เพียงเพื่อต้องการเก็บนักข่าวคนเดียว
และยังทำให้ท่าน MbS ต้องเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยเดินทางไปไหนเลย ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับยุค Covid-19 พอดี ที่พอมีโอกาสให้ปลีกวิเวกได้บ้าง แต่ก็นับว่า ภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของ MbS แห่งซาอุดิอารเบีย ได้รับผลกระทบอย่างมากจากคดี Khashoggi
แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียวฉันใด ดวงคนเราย่อมมีขึ้น มีลงได้เสมอฉันนั้น หลังจากที่ท่าน MbS ต้องอยู่อย่างอับแสงอยู่หลายปี ก็บังเกิดปรากฏการณ์ ที่ทำให้ซาอุดิอารเบียได้ฉายแสง กลับขึ้นมาเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจที่มีอำนาจต่อรองสูงอีกครั้ง นั่นคือสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ชาติพันธมิตรตะวันตกรวมพลังกันคว่ำบาตร ตัดขาดการซื้อขายน้ำมันกับรัสเซีย เพื่อหวังที่จะดับห้าว พระเจ้าซาร์ ปูติน
แต่พลังงานเป็นสิ่งจำเป็นที่มนุษย์ต้องกิน ต้องใช้ ในเมื่อไม่ยอมซื้อกับคนทางโน้น ก็ต้องมาซื้อกับคนทางนี้ และคนทางนี้ก็คือ ซาอุดิอารเบีย ที่เป็นผู้นำกลุ่ม OPEC ผู้กำหนดปริมาณการผลิต และราคาน้ำมันในตลาดโลกได้
เลยทำให้ MbS กลับคืนสู่เวทีการเมืองระดับโลกได้อีกครั้งที่แม้แต่ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เคยเทแบบไม่เห็นหัว ต้องยอมเสียงอ่อนลงมาง้อเสียงหวานให้ช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันให้หน่อย ไม่อย่างนั้น สหรัฐอเมริกาอาจต้องเป็นคนที่ต้องปล่อยน้ำมันสำรองในประเทศออกสู่ตลาดเองจนหมดก็เป็นได้
จึงเป็นที่มาของการพบหน้ากันอย่างหวานชื่นอีกครั้งในวันนี้ระหว่าง มกุฏราชกุมาร MbS และ แอโดแกน ผู้นำตุรเคีย จากที่เคยมึนตึงต่อกันอยู่พักหนึ่ง จนถึงขั้นประกาศว่า นี่คือการเริ่มต้นของ "ยุคใหม่" แห่งความสัมพันธ์ระหว่าง ซาอุ และ ตุรเคีย
แถมก่อนก่อนหน้าที่ MbS จะเดินทางไปหา ท่านสุลต่านแอโดแกน ที่กรุงอังการา ผู้นำตุรกีได้บินมาเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน ก่อนแล้วที่พระราชวังริมทะเลแดงที่เมืองเจดดาห์ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และก็เป็นครั้งแรกของแอโดแกนเหมือนกันที่มาเยือนซาอุดิอารเบียตั้งแต่เกิดเรื่องของ Khashoggi
ซึ่งคราวนั้น MbS ก็เป็นคนที่ออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง และท่านสุลต่านแอโดแกน ผู้ใจถึงก็เอ่ยปากแบบไม่อ้อมค้อมเลยว่า ต้องการสานสัมพันธ์กับซาอุดิอารเบียอีกครั้ง และอยากให้ทางซาอุฯ ช่วยนำเม็ดเงินเข้าไปลงทุนในตุรเคียเพิ่ม เพื่อช่วยแก้ปัญหาค่าเงินลีรา ของตุรเคียที่เข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงมากกว่า 70% ส่วนเรื่องที่เคยทำให้ขุ่นใจกัน ก็ให้มันแล้วๆไป
ในเมื่อท่านสุลต่านแอโดแกนกล้าเปิด MbS ก็กล้าให้ และถึงขั้นจัดหมายกำหนดการบินไปหา แอโดแกน ถึงทำเนียบในวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรเคีย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อตะวันตกว่า การพบปะกันระหว่างผู้นำแดนเศรษฐีน้ำมัน กับดินแดน 2 ทวีปในครั้งนี้ จะเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับคืนมาดังเดิม และเป็นการเดินหน้าสู่ยุคใหม่
และจากนี้ไป นโยบายที่รัฐบาลตุรเคียเคยตั้งกำแพงการค้ากับซาอุดิอารเบีย การยกเลิกเที่ยวบิน
ไปมาระหว่างกัน หรือแม้แต่การนำเสนอข่าวด้านลบที่กระทบความสัมพันธ์กับซาอุดิอารเบีย ก็จะถูกยกเลิกไปด้วย
ซึ่งน่าจะรวมถึงการตามล้าง ตามขยี้ข่าวเกี่ยวกับการสังหาร Jamal Khashoggi ด้วยเช่นกัน
โดยนักวิเคราะห์คาดว่า รัฐบาลตุรเคียต้องการให้ซาอุดิอารเบียช่วยเหลือในด้านการเงิน ผ่านมาตรการสายตรงแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (currency swap lines) เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ และความร่วมมือทางการค้า การลงทุน พลังงาน ด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาธุรกิจ Startups เพื่อดึงเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจของตุรเคีย
สาเหตุที่ท่านสุลต่านแอโดแกน ต้องยอมง้อบ้านซาอุดิอารเบียขนาดนี้ แม้จะเคยเหยียบตาปลากันมาหลายครั้ง เพราะปัญหาเศรษฐกิจในตุรเคียตั้งแต่เกิดวิกฤติ Covid-19 นั้น มันหนักหนาจริงๆ และสาหัสที่สุดเท่าที่ ผู้นำตุรกีที่ชื่อ ราเซป ไทยิป แอโดแกน เคยเผชิญมาตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ
และที่สำคัญคือ ปีหน้า 2023 ตุรเคียจะมีการเลือกตั้งใหญ่อีกครั้ง เท่ากับว่า แอโดแกนเหลือเวลานับถอยหลังอีกแค่ 1 ปี ที่จะต้องทำให้เศรษฐกิจตุรเคียฟื้นตัวกลับคืนมา หรืออย่างน้อยพอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้ได้
และตามหลักวิทยาศาสตร์ มันจะมีแสงได้ ก็ต้องมีพลังงาน หรือไม่ก็ต้องมีเงินทุนไปซื้อพลังงานมาใช้ ซึ่งตอนนี้ MbS ก็มีเยอะเสียด้วย ทั้ง 2 อย่างเลย
ก็เข้าตำรา วลีดาราที่ว่า ถ้ามีเงินมากพอ เราก็หายโกรธ เรื่องในอดีต ก็ให้กลบฝังอยู่ในอดีต เพราะวันนี้ มีหลายคนที่ยังต้องเอาตัวรอดจากปากเหวขึ้นมาให้ได้ก่อน พอลอยตัวได้แล้ว อนาคตค่อยมาว่ากันใหม่นาจ๊า
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
และ Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
