Pattern2. ได้แก่คุณแม่ที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยมากไม่เกิน1ชม คุณแม่กลุ่มนี้ส่วนมากได้ลองผ่านขบวนการคลอดตามธรรมชาติมาแล้วแต่ไปไม่ถึงปลายทาง ซึ่งก็แล้วแต่คน บางคนอาจจะเพิ่งอยู่ในขบวนการรอคลอดสักไม่กี่ชม. ในขณะที่บางคนก็เนิ่นนานข้ามคืน
แต่ในที่สุดทุกคนหลังได้การประเมินจากคุณหมอที่ดูแลแล้วว่าเชิงกรานแคบเมื่อเทียบกับตัวเด็กคงไม่สามารถคลอดตามธรรมชาติได้ก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางการคลอดมาผ่าแทน! อ่าวแล้วทำไมไม่ประเมินแต่แรกล่ะ จะได้ไปอยู่ในpattern 1ไปเลย!
ไม่ต้องมาปวดท้องรอคลอด ต้องตอบแทนคุณหมอสูติเลยว่า เนื่องจากเชิงกรานแต่ละคนแม้จะผ่านการวัดการประเมินการทำนายยังไงก็ไม่สามารถฟันธงได้จะคลอดได้หรือไม่ นอกจากได้ลองคลอดดูเท่านั้นและประเมินจาก ความก้าวหน้าของขบวนการว่าไปตามที่ธรรมชาติสร้างมาหรือไม่เท่านั้น สิ่งที่จะพอประเมินได้คร่าวๆก็จากประสบการณ์ของผู้ป่วย
หากเคยคลอดบุตรมาก่อน และถ้าบุตรคนนี้ตัวไม่ใหญ่เกินมาตราฐานก็น่าจะคลอดได้แต่ก็เป็นต้ววัดที่ไม่100%เป็นต้น ด้วยเหตุนี้คุณแม่ในกลุ่มนี้จะผ่านการเจ็บปวด (ปวดท้องคลอด) มานานหลายชม แม้จะได้ยาบรรเทาอาการปวดคลอดไปแล้วแต่คงช่วยอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากปวดท้องคลอดบุตรถือเป็นความปวดที่สูงสุดอันนึงของมนุษยชาติเลยก็ว่าได้
เมื่อมาถึงห้องผ่าตัด คุณแม่แต่ละท่านจะโทรมมาก แต่ละคนหน้าเมือกมาเลย เหงื่อออก สายตาสับสน ดูกังวล และจะทุรนทุรายจากอาการปวดบิดเป็นระลอกๆ ต้องคอยปลอดประโลม กันไป จับมือให้กำลังใจ
ขณะเดี่ยวกันก็ต้องคอยตอบคำถามประวัติของคนไข้ เช็คความถูกต้อง สติคนไข้ก็จะเปรอๆ จากยาฉีดแก้ปวดคลอดที่ได้มา ทั้งปวดท้อง ทั้งกลัวผ่าตัด ทั้งต้องมาตอบคำถาม ทั้งต้องทำตามคำสั่งย้ายเตียง สารพัดปะดังเข้ามา เจอใครก็ไม่รูจักสักคนในห้องผ่าตัด เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับตนเอง เหตุการณ์จะผ่านไปไวมาก
ใครสั่งให้ทำไรก็ทำตามแบบเบลอๆ คุณแม่กลุ่มนี้หลังผ่าตัดเสร็จไปถามบางท่านจำอะไรไม่ค่อยได้เลย ยิ่งเวลาผ่านไปหลักปีและกลับมาผ่าใหม่อีกรอบในลูกคนถัดมาก็จะเข้ามาอยู่ในpattren1(เนื่องจากเคยผ่าตัดแล้วท้องต่อไปก็ต้องผ่าตลอดเพื่อป้องกันมดลูกแตกในกรณีคลอดเอง ซึ่งส่วนมากหมอสูติจะไม่เสี่ยงจับเข้าpattren1เลยค่ะ )
พอท้องหลังเข้าpattern1แล้วถามประสบการณ์ท้องแรกทุกคนจะบอกว่ามันไวมากจำอะไรไม่ได้เลย ต้องมาเตรียมตัวให้ความร่วมมือในการทำหัตการกันใหม่
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
