24 มิ.ย. 2022 เวลา 07:37 • ความคิดเห็น
ถ้าไม่มีโควิด จะไม่มีสงครามยูเครน....
ถึงรัสเซียจะอ้างเหตุผลในการบุกยูเครนรอบนี้ว่า เป็นเพราะยูเครนพยายามตีตัวออกห่าง อยากเข้าร่วมกับสหภาพยุโรป จะเอาจรวดมาจ่อหน้าบ้าน อย่างที่หลายคนชอบพูดกัน
...หรือเหตุผลอะไรก็ตาม...
แต่เชื่อเถอะ ถ้าไม่มีโควิดนำร่องมา รัสเซียจะไม่มีทางกล้าบุกยูเครนแน่นอน
1
ที่จริงแล้วความพยายามเข้าสหภาพยุโรปของยูเครน มีมาตั้งแต่ปี 2008 ถ้ารัสเซียซีเรียสจริงๆกับเรื่องนี้ก็คงบุกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ
เป็นที่น่าสังเกตุว่าการบุกยูเครนรอบแรกในปี 2014 นั้น เกิดขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป (วิกฤติยูโรโซน) ในปี 2010 ไม่นาน
2
ซึ่งถ้าเราดูที่วิกฤติเศรษฐกิจจากโควิดรอบนี้ จนถึงช่วงเปิดสงคราม ก็ไม่ต่างกันนัก
คือราวๆ 2-3 ปี หลังค่ายตะวันตกนั้นอ่อนแอลงเพราะสภาวะเศรษฐกิจ รัสเซียก็บุกทันทีเหมือนกัน
2
...พูดง่ายๆคือ ที่จริงรัสเซียนั้นจ้องจะเปิดศึกอยู่ตลอดนั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับข้ออ้างเอาจรวดมาจ่ออะไรหรอก
...ขอเพียงยุโรปอ่อนแอเมื่อไหร่พวกเขาก็จะเปิดสงครามทันที อย่างที่เห็น
1
รอบแรก 2014 รัสเซียทำไม่สำเร็จ เหตุผลนึงคือพวกเขาไม่สามารถกดดันยุโรปและเศรษฐกิจโลกด้วยพลังงานและอาหารได้มากพอ
ตอนนั้น กำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกและสหรัฐนั้นค่อนข้างสูง ลำพังรัสเซียชาติเดียวจึงไม่สามารถกดดันอะไรค่ายตะวันตกได้มากนัก โอเปกก็ไม่เล่นด้วย
...แถมการเปิดศึกในปี 2014 นอกจากรัสเซียจะไม่ชนะแล้ว ยังทำให้ GDP ของรัสเซียหายไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ในอีกสี่ปีถัดมาเพราะผลจากการโดนเตะออกมาจาก G8 ข้อหารุกรานชาวบ้าน
2
...นั่นคงทำให้ปูตินแค้นหนักกว่าเก่าและต้องการเอาคืนให้ได้มากขึ้น...
สงครามรอบนี้ การใช้พลังงานข่มขู่ สำเร็จเพราะโควิด ไม่ใช่เพราะรัสเซียเอง หรือการคว่ำบาตรของตะวันตก
จริงอยู่ที่รัสเซียอาจเป็นผู้ผลิตน้ำมันเบอร์สองของโลก
แต่เชื่อหรือไม่ ถ้าไม่มีโควิดก่อนหน้านี้ รัสเซียจะทำแบบที่ทำตอนนี้ไม่ได้ หรือทำได้ก็มีผลไม่มากขนาดที่เป็นอยู่
เหตุผลคือ โควิดนั้นทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันล้มหายตายจากกันไปเยอะมากทีเดียว แม้แต่ในตะวันออกกลางก็ต้องลดกำลังการผลิตลง เพราะไม่มีที่จะเก็บ
บ่อน้ำมัน ไม่ใช่ก๊อกน้ำ ที่จะปิดเปิดกันได้ง่ายๆอย่างที่เข้าใจกัน
1
การปิดหลุมปิดแท่น คือต้องถมเลย ดังนั้นกำลังการผลิตที่หายไปจากผลของโควิด มันจึงเรียกกลับมาได้ไม่ง่ายนัก แม้จะมีความพยายามเร่งของผู้ผลิตเองก็ตาม แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร
1
ปูตินรู้เรื่องนี้ดี ว่าถ้าตัดน้ำมันรัสเซียออกจากระบบยุโรปและเศรษฐกิจโลก จะต้องวิกฤติ
ดังนั้นมันจึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะบุกยูเครนหลังโควิด เพราะความได้เปรียบส่วนนี้เป็นอย่างมากนั่นเอง
แต่เชื่อว่า เดิมทีปูตินนั้นคงไม่ได้คาดว่ายุโรปจะแบนน้ำมันหรือพลังงานหรอก เขาคงคิดว่าจะขู่ไม่ขายให้เองเสียมากกว่า
แบบเดียวกับเรื่องปุ๋ยตอนนี้นั่นแหละ ที่รัสเซียแบนตัวเองจากระบบของโลก เพื่อให้มันแพง
...แต่ไม่ว่าใครแบนใคร มันก็ให้ผลไม่ต่างกันกับเศรษฐกิจโลก คือ ราคาพลังงานพุ่ง ข้าวของแพงกันไปทั้งโลก...
เงินเฟ้อจากโควิด และจุดอ่อนของประชาธิปไตย...
ที่จริงแล้ว ต่อให้ไม่มีสงครามยูเครนรอบนี้ เงินมันก็เฟ้อทั่วโลกอยู่แล้ว เพราะในช่วงโควิด ทุกประเทศในโลก ใช้มาตรการฉีดเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนกันหมด
เงินมันเฟ้ออยู่แล้วจากมาตรการพวกนี้ เราจะเห็นว่าในประเทศใหญ่ๆ มีปัญหามาตั้งแต่ก่อนสงครามแล้ว เมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ราวปลายปีก่อน
...ถ้าไม่มีสงคราม ประเทศต่างๆก็จะเริ่มหยุดอัดฉีด ใช้มาตรการทางการเงิน มาซับระบบไปตามกลไกของมัน
...แต่นั่นต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก กว่าจะเข้ารูปเข้ารอย...
แถมราคาพลังงานยังไงซะมันก็ต้องสูง จากกำลังผลิตที่หายไป อย่างที่บอกไปแล้ว เงินมันก็ยิ่งเฟ้อ แม้จะไม่มีสงครามก็ตาม
2
ปูตินสบช่องตรงนี้แหละ เมื่อเขารู้ว่าเงินมันเฟ้ออยู่แล้ว ก็ใช้สงครามนี่แหละทำให้มันเฟ้อมากเข้าไปอีก เพื่อเล่นงานชาติตะวันตก
รัสเซียเอง ถึงจะได้รับผลกระทบกระอักเหมือนกัน สำหรับชาวบ้านตาฟ้าๆ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ปูตินจะต้องสนใจนัก นี่คือความได้เปรียบของเผด็จการอำนาจนิยม
...มาตรการคว่ำบาตร มันไม่เคยได้ผลกับผู้นำแนวนี้อยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้สนใจชาวบ้านมากนัก
...ตัวอย่างคือเกาหลีเหนือ เราจะเห็นว่า มีโรคระบาด ยาก็ขาดแคลน คนก็ไม่ใช่ว่าสบาย แต่คิมจองอึน ก็ยังทดลองระเบิดของตัวเองต่อไป โดยไม่สนใจเรื่องของประชาชนมากนัก
...ใครต่อต้านก็เก็บซะ สำหรับผู้นำแนวนี้ มันจึงง่ายที่จะไม่ต้องมองชาวบ้าน มองแต่ภาพรวม ตราบใดที่รัฐมีเงินสนองตัณหาตัวเอง มีเงินทำสงคราม ก็ใช้ได้แล้ว การคว่ำบาตรมันจึงไม่ค่อยได้ผล
ตรงข้ามกับประเทศประชาธิปไตย ที่เสียงของชาวบ้านนั้นมีความสำคัญอย่างมาก
ข้าวของแพงแบบนี้ ก็แน่นอนว่าประชาชนในประเทศตะวันตกต้องบ่น.
สิ่งนี้ทำให้รัฐบาลค่ายตะวันตก มีความยากลำบากมาก ในการตัดสินใจทำสงคราม หรือการสนับสนุนใดๆ ต่อยูเครน หรือแม้กระทั่งท่าทีต่อรัสเซียเอง
1
...คือ จะสนับสนุนยูเครนมากไป ชาวบ้านก็ด่าว่าเอาเงินไปผลาญ หรือการแบนรัสเซียก็อาจทำให้ชาวบ้านมองได้ว่านั่นทำให้ของแพง
...นี่คือข้อเสียเปรียบอย่างมากของประเทศประชาธิปไตยในภาวะวิกฤตแบบนี้...
ปูตินทราบเรื่องนี้ดี และคงดีดลูกคิดรางแก้วมานานแล้วว่าคุ้มค่าการทำสงคราม มีโอกาสชนะมาก
ทำให้รอบนี้พวกเขาเทหมดหน้าตักสำหรับสงครามยูเครน เพราะเขาเชื่อว่าจะคว่ำตะวันตกและสหรัฐได้แน่ๆ
1
...ไงก็ต้องพังกันไปข้างแหละ ถึงขั้นนี้แล้ว ขาดก็แต่การรบกันตรงๆ ด้วยอาวุธเท่านั้นแหละ
1
ถ้าจะรบกันด้วยอาวุธจริงๆ ทางปูตินนีะพร้อมรบแน่ เขามั่นใจว่าเขาคุมสถานการณ์ในบ้านได้ เขาจะปราบปรามประชาชนที่ต่อต้านได้แบบไม่ลังเล หากขัดขวางเขา คนจะอดอยาก เดือดร้อน เขาก็มองว่าเป็นการเสียสละเพื่อสงคราม ใครขวางก็ปราบซะ ข้อหาไม่รักชาติ
แต่ตะวันตกนั้นทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะชาวบ้านคงด่าเละแน่ ถ้าปากท้องชาวบ้านยังเป็นแบบนี้
และธรรมชาติของนักการเมือง ยังไงซะก็ต้องคิดเรื่องฐานเสียง
ความพร้อมของค่ายตะวันตกที่จะทำสงครามต้อนนี้
จึงเรียกว่าแทบไม่มีเลย ด้วยเหตุผลหลักๆทางเศรษฐกิจ
และนี่คือข้อเสียเปรียบของระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นช่องให้ปูตินใช้อยู่ในตอนนี้ เพื่อกดดันค่ายตะวันตก
...ทำให้รัสเซียดูเหมือนได้เปรียบค่อนข้างมาก ในช่วงต้นของสงคราม ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ทั้งหมดที่พูดมา เราน่าจะเห็นได้ว่าหากไม่มีโควิด รัสเซียจะไม่ได้เปรียบมาก จนกล้าทำสงครามแน่ๆ
เขาเลือกช่วงเวลาที่ตะวันตกอ่อนแอที่สุด เพื่อทำสิ่งที่ตัวเองฝัน คือการฟื้นฟูจักรวรรดิรัสเซีย
1
...ในมุมนึงก็ต้องบอกว่าปูตินฉลาดนั่นแหละ...
...แต่อีกมุมนึงก็คือขาดมนุษยธรรมอย่างรุนแรง เพราะคนเดือดร้อนไม่ใช่แค่คู่กรณีคือยุโรปกับสหรัฐ
...แต่มันคือคนทั้งโลก ...
1
ปัจจุบัน เรื่องอาหารถูกพูดถึงมากกว่าน้ำมันเสียอีก
ซึ่งน่าขำที่ปูตินบอกว่าเพราะตะวันตกแบนพวกเขา
เพราะความจริง ไม่มีมติใดๆในการแบนอาหารจากรัสเซียเลย แม้กระทั่งในอียูเองก็ไม่ได้แบน เป็นรัสเซียเองนั่นแหละที่ไม่ส่งออก โดยอ้างเรื่องการชำระเงิน และการปิดทะเลดำ
1
...นี่ก็น่าจะชัดแล้วว่า อะไรกันแน่ที่อยู่ในหัวของปูติน....
รัสเซียภายใต้ปูตินนั้น จะอย่างไรก็ต้องรีบสร้างสงคราม
ต่อให้ไม่มีเรื่องยูเครน พวกเขาก็สร้างเรื่องอื่นแน่ๆ
เพราะจุดประสงค์จริงๆของปูติน คือต้องการโค่นค่ายตะวันตกเป็นหลัก
พวกเขาต้องสร้างสงครามให้ได้ก่อนปี 2035 ซึ่งประเทศใหญ่ๆในโลก ขีดเส้นไว้เพื่อการเปลี่ยนผ่านยุคน้ำมัน
...ดังนั้น หลังปี 2035 รัสเซียจะไม่มีกำลังต่อรองในลักษณะนี้อีกแล้ว เสียงของพวกเขาในฐานะผู้ส่งออกพลังงาน จะเบามากจนแทบไม่มีน้ำหนัก
ดังนั้นโควิด และสงคราม จึงมาได้ถูกที่ถูกเวลาเหลือเกินสำหรับรัสเซีย
...และจีน...
เอาจริงๆนะ ถ้าดูไทม์ไลน์เรื่องราวแล้ว มันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
...หมายถึงโควิดนั่นแหละ...
2019 โควิดเริ่มระบาดในจีน ที่มาของโรคยังถูกถกเถียงกันอยู่ถึงตอนนี้
2020 ทุกประเทศถูกสถานการณ์บีบให้ต้องฉีดเงิน เพื่อช่วยชาวบ้าน และอุตสาหกรรมน้ำมันก็พังในช่วงนั้น โดยรัสเซียนี่แหละ เป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของสงครามทุบราคาน้ำมัน จนเชลล์ออยล์สหรัฐตายไปอื้อซ่า
2021 กลางปี จีนเร่มไม่ส่งออกปุ๋ย ด้วยข้ออ้างเรื่องความมั่นคง ทำให้สินค้าเกษตรเริ่มมีต้นทุนสูงตั้งแต่ตอนนั้น (ทำไมจีนต้องไม่ส่งออกปุ๋ย มันไม่มีเหตุผลชัดเจน หรือพวกเขารู้อะไรล่วงหน้า มันแปลกไหมล่ะ)
2022 รัสเซียบุกในสภาพแวดล้อมที่ได้เปรียบเต็มที่
...จะให้คิดไงล่ะ มันบังเอิญ...
...หรือใครจงใจกันแน่ ที่สร้างสถานการณ์ทั้งหมดขึ้นมา เพื่อความได้เปรียบของตัวเอง ในเป้าหมายที่ใหญ่กว่า...
...คนที่ต้องการสงคราม เขาไม่แคร์อยู่แล้วว่าใครจะตาย แม้เป็นคนของตัวเอง เขาก็ถือว่าเป็นการเสียสละเพื่อชาติ
...มันอาจฟังดูเป็นทฤษฎีสมคบคิดมาก แต่มันก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ถ้าดูปัจจัยรอบๆ ของสิ่งที่ผ่านมา
1
...ลองคิดดูกันเองเถอะครับ ว่าอะไร เป็นยังไง...
...มีคำกล่าว่า
" เรื่องบังเอิญในโลก ที่พอดีเกินไปนั้น ไม่มีจริง..."
...ทั้งหมดนี้คือความบังเอิญจริงๆ หรือใครทำให้เหมือนบังเอิญกันแน่ล่ะ...
...คำถามนี้ คงไม่มีคำตอบ ไปตลอดกาลแน่ๆ...
ภาพ Bloomberg.com
โฆษณา