25 มิ.ย. 2022 เวลา 01:59 • นิยาย เรื่องสั้น
[ EP 14 : ใช้สิทธิ์กับการเยียวยา ]
หนึ่งเช้าที่เหมือนเฉกเช่นทุกเช้า แตกต่างแค่แสงเช้าในแต่ละวันจะมากหรือน้อยมากกว่ากัน ฤดูกาลเช่นนี้ที่พระอาทิตย์เองขยันทำหน้าที่เร็วกว่าทุกฤดูก็ว่าได้ เวลายังเดินไม่เท่าไรแต่แสงเช้าก็โผล่ท่วมหัวปลายยอดมะม่วงข้างบ้านให้ได้และมุ่งหน้าไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอใครเลย เมื่อหยิบชายผ้าโสร่งม้วนรวบเข้าหากันแล้วเหน็บเข้าหาตัวม้วนเก็บพลิกตัวเองในท่าที่ลุกขึ้นถนัดแล้วเปิดชายมุ้งออกจากห้องนอนไปเสียบกาน้ำร้อน
  • ก่อนไปชำระร่างกาย หยิบเอกสารใบหมอนัดในกระเป๋าเล็ก ๆ แล้วใส่ไว้ในย่าม พร้อมหยิบสมุดบันทึกและเอกสารอีก 2 ชุดใส่ในย่ามใบเดิม ก่อนจะมาเปิดขวดกาแฟดำแล้วชงลงในถ้วยใบเดิม ๆ กดน้ำอุ่น จิบมันเบา ๆ เช่นทุกวันที่สัมผัส
07.25 น. พร้อมย่ามใบเดิมสะพายขึ้นบ่าเปิดรถกระบะ ก่อนมีปลายทางตามใบนัดที่มีความคิดว่าอยากลองไปแต่เช้า ๆ ดู คงจะได้ตรวจเร็วและคงเสร็จเร็วกว่าทุกครั้งแน่เลย
รถจอดเทียบฟุตบาธหน้า รพ.ตามเคยก่อนข้ามไปอีกฟาก หาข้าวเหนียวหมูปิ้งที่มีขายตรงข้าม รพ.ขุนหาญ หมูปิ้ง 2 ไม้ ตับ 1 ไม้ และข้าวเหนียว 1 ถุง ซึ่งแต่ละไม้คิดว่าคงไม่พออิ่มแน่เลยด้วยความคิดแวบแรกเท่านั้น จ่ายเงินไปในราคา 39 บาท หยิบเงินในย่ามออกมามีแต่เหรียญแต่ยังพอมีบ้าง คิดว่าราคาอาหารที่เราต้องจ่ายเพื่อประทังชีพเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าแพงนะ สำหรับคนบ้านนอก
  • ซึ่งไม่ได้มองว่าคนขายๆแพงหรอกนะ เข้าใจเศรษฐกิจแบบนี้ดี ต้องต่อสู้กันไปตามรูปแบบที่สุจริตของแต่ละบทบาทหน้าที่ไปนั่นเองเพียงแต่มองในความรู้สึกว่า หนึ่งเช้าสำหรับผู้ที่ไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ แบบเราคงแพงไปเท่านั้นเอง
หยิบอาหารเช้าใส่ย่ามและมีน้ำขวดที่เอามาจากในรถอีกก็ใส่ย่าม เอกสารและหนังสืออีกเล่มและสมุดบันทึกอีกก็อยู่ในย่าม ดูจะหนักเข้าให้ไม่น้อยสำหรับบ่าในเช้านี้ เจอะพี่คนหนึ่งซึ่งอยู่คนละตำบลกันเลยที่ยืนรอทางขึ้นตึกฉุกเฉินทักทายผมขณะเดินเข้ามายังหน้าตึก ทั้งที่ก็ปิดหน้าเพียงแค่สะพายย่ามและก็ไม่ได้สวมโสร่งเช่นเคย
  • แต่ก็ยังมีคนทักทายจำได้ ยกมือทายทักกันเล็กน้อย ถามไถ่กันพอได้สารทุกข์สุขดิบแล้วขอตัวทำหน้าที่ ส่วนผมเดินขึ้นชั้นสองไป เช็คอุณหภูมิแล้วหยิบสติกเกอร์ติดหน้าเสื้อแล้วทำการกดรับบัตรคิวใบซักประวัติและวัดความดันและน้ำหนักเช่นทุกครั้ง
67.20 กก. คือน้ำหนักในเช้านี้ที่ดูจะอยู่มาตรฐานของคนอ้วนไปแล้ว
ยังไม่ถึงสองโมงเช้าเลย เหลือเวลาอีกร่วมสิบนาที ที่มานั่งรอ แต่เช้านี้ผู้รับการบริการมารักษาอาการป่วยไข้ไม่ได้น้อยอย่างที่ผมคิดไว้เลย กลับแทบเต็มทุกเก้าอี้ที่มีนั่งเสียด้วยซ้ำทั้งที่ยังเช้าอยู่ และก็ยังมีทยอยมาอย่างต่อเนื่อง ผมหาที่นั่งได้ก็นั่งลงแล้วหยิบหนังสือเล่มเล็ก “ดาวเอย สีฟ้า” ของพี่สร้อยแก้ว คำมาลา นักเขียนที่คุ้นเคยกันอย่างดี มาเปิดอ่านรอซักประวัติทีละหน้าทันที
  • เวลาก็เดินไปเรื่อย ๆ หน้าห้องยังมีป้ายติดคำว่า “ไม่อยู่” ปรากฏที่หน้าห้องคุณหมอทุกห้องเช่นเคย
09.11 น. เสียงพยาบาลเรียกให้นั่งรอซักประวัติอีกรอบแล้ว เหลือบไปมองข้าง ๆ มีแต่คนมีอาการทางกระดูก เลยพอเดาไว้ว่าวันนี้คงเป็นวันที่หมอกระดูกออกมาพบคนไข้เป็นแน่ ทั้งเด็ก สูงวัยและวัยทำงานก็ไม่เคยได้รับการละเว้นการเจ็บป่วยเลย
  • ในขณะที่รอซักประวัติเห็นว่านานนัก จึงเดินออกไปนอกอาคารตรงรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วหยิบในย่ามออกมา กินหมูปิ้งและข้าวเหนียว พร้อมน้ำดื่มที่มี คิดว่าอาหารในเช้านี้กำลังอิ่มได้ที่ไม่ได้มากหรือน้อยไปนัก เพียงแต่ราคามันดูจะสูงไปสำหรับเราเท่านั้นเอง ก่อนจะเดินเข้ามารออีกหน ในขณะเดียวกันกับที่คุณครูก็เดินเข้าห้องพอดี
“คุณหมอใหญ่มาแล้ว” คุณพยาบาลเอ่ยขึ้นแล้วเดินไปหยิบป้ายชื่อเสียบหน้าห้อง และชื่อคนไข้ก็ถูกเรียกเข้าพบทันที รู้สึกใจชื้นแล้ว แต่ทว่าชื่อของผมเองยังไม่ได้ถูกซักประวัติเลยนี่สิ ทั้งที่มาแต่เช้า จึงเดินไปถามพยาบาลอีกหน ก่อนจะได้รับคำตอบว่า
“ขอโทษคะ นึกว่าซักประวัติแล้ว เลยวางรายชื่อเข้าพบหมอเลย”
“อ๋อครับ ไม่เป็นไรครับ”
“งั้น ซักประวัติเลยนะคะ”
“ครับ”
[บันทึกเมื่อ 25 มิถุนายน 2565]
โฆษณา