25 มิ.ย. 2022 เวลา 04:06 • การศึกษา
โบราณคดี (อังกฤษ: Archaeology)
Archaeology
คือ วิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเรื่องราวในอดีตของมนุษย์ โดยผ่านทางการศึกษาหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้มาจากการขุดค้น (โบราณวัตถุ) การขุดแต่ง (โบราณสถาน) และการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ประเภทต่างๆ
(ศิลาจารึก จดหมายเหตุ พงศาวดาร) โดยทั่วไปจะต้องใช้ศาสตร์ด้านอื่นๆ ประกอบด้วยเพื่อให้เรื่องราวในอดีตของมนุษย์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ศาสตร์เหล่า นั้น เช่น ประวัติศาสตร์ศิลปะธรณีวิทยา สัตววิทยา พฤกษศาสตร์ เรณูวิทยา การกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
แนวทางการศึกษาวิชาโบราณคดี โดยทั่วไปจำแนกได้ 6 ลำดับคือ
1. ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสารต่างๆ
2. การออกสำรวจภาคสนาม
3. การขุดสำรวจเพื่อประเมินความสำคัญของแหล่ง
4. การขุดค้นทางโบราณคดี
5. การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการขุดค้น
6. การสังเคราะห์ข้อมูล และ ตีความเรื่องราวของแหล่งโบราณคดีนั้นๆ
โบราณคดี มาจากคำสันสกฤต 2 คำ คือ "ปุราณะ" (เก่า) สมาสกับ "คตี" (เรื่องราว) แปลตามรูปศัพท์ว่า "เรื่องราวเก่าแก่" ซึ่งมีนัยหมายถึง การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวสมัยโบราณนั่นเอง
วิธีการศึกษาทางโบราณคดี
การศึกษาโบราณคดีเป็นการศึกษาแบบวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งเช่นเดียวกับการศึกษาทางสังคมศาสตร์ การศึกษาทาง โบราณคดีเป็นการศึกษาจากหลักฐานต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว การที่จะทราบเรื่องราวของมนุษย์ในยุคใดสมัยใดได้ละเอียดมากน้อย เพียงไร
ย่อมขึ้นอยู่กับหลักฐานที่พบการแปลความหมายและการวางตัวเป็นกลาง ไม่มีอคติในเรื่องชาตินิยมของนักโบราณคดี เรื่องราวที่ได้จึงจะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด วิธีการศึกษาทางโบราณคดีอาจแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ
1. การสำรวจ (survey) เพื่อเป็นการตรวจหาแหล่งโบราณคดี อาจทำได้โดยการตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศ การ ศึกษาจากเอกสารและการเดินสำรวจเพื่อเป็นการรวบรวมหลักฐานสำหรับประเมินค่าของแหล่งโบราณคดีนั้นๆ ในการวางแผน ขุดค้นต่อไป
2. การขุดค้น (excavation) เป็นกรรมวิธีขั้นที่สองของการศึกษาทางโบราณคดี เพื่อให้ได้หลักฐานที่ถูกต้องมากที่สุด การ ขุดค้นจะต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการทำลายหลักฐานที่ทับถมอยู่ในดินเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี จึงต้องมีการ บันทึกอย่างละเอียด และการวาดภาพหรือถ่ายภาพประกอบด้วย
3. การวิเคราะห์ (analysis) หลักฐานที่ได้จากการขุดค้น จะต้องนำมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพื่อหาแบบอย่างของรูป ร่างของสิ่งของที่ขุดได้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาต่อไป
4. การแปลความหมาย (interpretation) และการเขียนรายงานเป็นการรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่ได้จากการสำรวจ การขุดค้น และการวิเคราะห์แล้วนำมาแปลความหมายเพื่อเขียนเป็นรายงานพิมพ์ออกเผยแพร่ และจัดนิทรรศการสรุปเรื่องราวของ มนุษย์ในยุคนั้นสมัยนั้น ต่อจากนั้นก็เป็นการเก็บรักษาโบราณศิลปวัตถุที่ค้นพบ ซึ่งได้แก่ การจัดพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นประโยชน์ สำหรับการศึกษาค้นคว้า
โฆษณา