26 มิ.ย. 2022 เวลา 11:38 • ความคิดเห็น
เพื่อน
เรามีเพื่อนแท้ เรียกว่าปรึกษาช่วยเหลือ ก่นด่า ตำหนิติชมได้ 6 คน เป็นเพื่อนที่ทำงานมา ด้วยกัน 19 ปีแล้ว และคนนึงคือเพื่อนเรียนโท มีเพื่อนสมัยเรียน ป.ตรีในกลุ่มที่ยังนัดเจอ คุยกันสนิทระดับนึงคุยเรื่องในเรื่องส่วนตัวได้ 4-5 คน นัดเจอกันทักๆๆปี กับกลุ่มเพื่อนเรียนโท และเรียนตรี
ส่วนเพื่อนๆๆที่เรารัก คุยเล่นด้วยได้ บางเรื่องให้คำปรึกษา หรือเค้าหวังพึ่งเรา มี เกิน 10 คน แต่ส่วนใหญ่ อยู่ในที่ทำงาน เพราะงานเราค่อนข้างได้กินอยู่ ใช้ชีวิต นอนค้าง ด้วยกัน เลยมีเพื่อนเยอะ ด้วยเนื้องาน ทำเป็นทีม และเคยใช้ชีวิต ไปต่างจังหวัด การกิน การนอน อยู่ด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน 24-ชม. จะทำให้เห็นนิสัยจริงๆๆ
คนไหนที่เค้าถูกจริตกับเรา เค้าจะเก็บเราไว้เป็นเพื่อน เราโชคดีด้วยมั้ง ทำงานที่ไหนมา เจอแต่คนที่ดีๆๆรอบตัว คนที่ไม่ดี ไม่ใช่แนวเดียวกัน จะหลุดออกไปเอง เราเป็นคนที่คนอื่นมักมาขอคำปรึกษา นุ่น นี่ นั่นด้วย เราให้ความเห็นที่เป็นกลาง หรือไม่ ยกประสบการณ์มาให้เค้าฟัง
แต่ถ้าคนที่สนิท เราจะบอกตรงๆๆเลย ไม่ดี ถูก ผิด ใช่หรือไม่ใช่ เราคิดยังไง เราเป็นคนตรงๆๆ
และเวลาเพื่อนเตือน เพื่อนบอกเรายอมรับฟัง ผิดจริงเราแก้ไข คำว่าเพื่อนแท้ของเราคือต้องเตือนกันได้ ต้องพูดความจริงใส่กัน ช่วยเหลือยามเดือดร้อน ถ้าเพื่อนขอในสิ่งที่ทำให้ได้ เราทำให้ ถ้าเราไม่ไหว เราบอกเพื่อนตรงๆๆ ว่าอันนี้เราไม่ไหว ไม่ใช่ ช่วยไม่ได้ ลองทางเลือกอื่น
การอยู่คนเดียว
ส่วนเรื่องนี้ คือมันดีมากๆๆ ชอบมากๆๆๆ พอได้มาอยู่คนเดียว หลังจากต้องไปทำงานต่างจังหวัด และเลิกกับแฟน คนแรก มันคือความอิสระ ความใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เราเริ่มหัดกินข้าวคนเดียวในห้าง ตามร้านอาหาร ตอนนั้นอายุประมาณ 26-27 แล้ว แรกๆๆก็เขินนะ ใช้วิธีนั่งหน้าบาร์ อย่างน้อยคุยกับคนทำ คนเสิร์ฟไป หลังๆๆนั่งคนเดียว กินเนื้อย่างคนเดียว สบาย
คือมีแฟนมาตั้งแต่ ม.ปลาย และติดกันเป็นตังเม เด็กๆๆช่วงวัยรุ่น คิดว่าโลกนี้มีแค่ฉันและเธอ คบจนเรียนมหาลัย จนที่บ้านสองฝั่งเค้าเตรียมจัดงาน ไม่เคยทะเลาะกัน แต่จุดนึงเราว่าไม่ใช่ความรัก แต่พอเราบอกเลิกกัน (เราเป็นคนถาม ผช.ก่อนว่าอยากเป็นแฟนกันใช่ไหม ตอน ม.หก แล้วคือตอนจะเลิก เราถามก่อนว่า เราไม่ได้รักกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม ตอนเราย้ายไป ตจว.) โชคดีเราถาม ที่จริงมันช้าไปด้วยซ้ำ คือโล่งมาก
เพิ่งรู้เลยว่าอยู่คนเดียว มันดีกว่าแบบนี้ นี่เเอง จะกินอะไร จะไปที่ไหน ฝันอยากไปเมืองนอก ก็ได้ทำตามฝัน จนเราย้ายกลับมา กรุงเทพฯ ต้องทำงานไกลจากบ้านที่อยู่กับพ่อแม่ เลยแยกมาอยู่คนเดียว ลำบากซื้อใหม่อีกหลัง แต่มันดี ถึงมันจะกว้างไปสำหรับคนเดียว แต่มันคือบ้านที่เราสามารถทำอะไรก็ได้ จะกิน จะนอนดีก ตื่นสายขนาดไหน จะแก้ผ้าเดืน จะไม่อาบน้ำ จะไม่ถูบ้าน หรือจะทำเมื่อไหร่ก็ได้
อยู่คนเดียวมาก็เกือบๆ 15 ปีได้มั้ง มีเวลาส่วนตัว ได้แต่งบ้านแบบที่อยู่ ไม่ต้องมีเก้าอี้ที่นอนไม้ที่พ่อแม่ชอบซื้อ วางขวางหูขวางตา😂 แอบแซวบ้านใหญ่😅 เราเริ่มหัดเที่ยวคนเดียว ไปเมืองนอกคนเดียว กินเนื้อย่างคนเดียวบนโต๊ะจีนกลมๆๆอะ เราก็ทำได้ เราปั่นเรือเป็ดคนเดียว ถ้าอยากทำ เดืนเทรคกิ้งคนเดียว แต่ลงทะเบียนไว้และไปที่ๆๆปลอดภัยนะ มีแฟนแต่อยู่ห่างกัน ช่วงนึง
พอได้ทำอะไรคนเดียวบ่อยๆๆมันชินจริงๆแหละ และชอบไปไหนคนเดียว มากกว่า ถ้าจะไปคือไปกับเพื่อนที่สนิท หรือกับครอบครัว แต่เราไม่ปิดกั้นนะ เวลาออกไปเที่ยว เราคุยกับคนแปลกหน้า ตามร้าน ตามผับบาร์ที่เข้าไป แต่เราระวังตัว เคยคุยออนไลน์ จนนัดเจอเราก็ไปคนเดียว แต่บอกเพื่อนสนิทไว้เสมอ ว่าจะไปไหน ถ้าหายเกิน 24 ชม. ตามเลย
เราจะปิดโลกโซเชียลเวลาออกเที่ยวเมืองนอก แต่โพสรายงานตัว ทุกวันให้เพื่อน และที่บ้านรู้ว่าเราอยู่ไหน เค้าจะได้สบายใจ และรู้ว่าเรายังอยู่แค่นั้น เผื่อใครทำอะไรเรา เค้าเอามือถือเราไปเปิดดู คงต้องหาทางกำจัดศพเราดีๆๆแหละ เพราะถ้าเราหายไปวันนึง หรือถ้าเงียบเกิน 24ชม. บอกที่บ้านกับเพื่อนไว้ว่าให้ตามทุกทริป ไปจนพ่อบ่นกับคนอื่นบ่อยๆ
เราเป็นที่ชอบพูดคนเดียวมานานมากๆๆล่ะ เป็นคนชอบบ่นกับตัวเองด้วย เคยนั่งทำงาน แล้วพูดกับคัวเองงึมงัมๆๆ พี่ข้างๆๆเค้าทักว่า “น้องพูดกับพี่รึเปล่าคะ?” เพื่อนเราได้ยินรีบแทรกเลย ว่า “มันพูดคนเดียว” เราเลยบอกว่า ถ้าหนูคุยด้วย หนูจะเรียกชื่อพี่นะคะ หรือพูดดังๆๆ ด้วยความที่งานเรามันต้องคุย ต้องประสานงานกัน ต้องพูดกันว่าใคร จะทำอะไร ยังไง ตลอด ชม. ทำงาน
เลยไม่มีปัญหาในการอยู่กับคนอื่น
เราว่าทั้งงานเรา มันมีส่วนช่วยให้เราสามารถบาลานซ์ การใช้ชีวิตคนเดียว และอยู่ในสังคมได้ เพราะเวลาพัก หยุดงาน เรากลับมาอยู่กับตัวเอง อยู่บ้านมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด เลยไม่เหงา ปกติเราไม่ดูทีวี แต่เราดู Netflix ดูหนัง ฟังเพลง ปกติ ช่วงโควิดมา ยิ่งไม่ออกไปไหน ได้อยู่บ้านนานมากๆๆ บางทีเป็นอาทิตย์ เราเดินไปแค่รั้วบ้าน แต่ทักทายเพื่อนบ้านนะ ต้องรู้จักกันไว้
เคยบอกเพื่อนสนิท ในกลุ่มไลน์ว่ามึง “กูอยู่คนเดียว ถ้าในไลน์กลุ่ม นี่หายไปไม่อ่าน ไม่ทักกันโดยไม่แจ้งล่วงหน้าว่าเออ ไปตจว. หรือกลับบ้านใหญ่ 3-4 วัน ถ้าชับรถผ่านแวะมาดูกูด้วย ถ้าเห็นรถ ไฟไม่เปิด หรือมีกลิ่นแปลกๆๆ มากดกริ่งเรียกนะ เผื่อลื่นล้ม ตกบันได นอนโป๊ตายอืดคนเดียว อะไรแบบนี้” เราบอกเพื่อนไว้แบบนี้จริงๆๆนะ
เพราะเพื่อนสนิทเค้ารู้นิสัย รู้สันดานเรา ว่ามันดื้อ มันซน มันชอบทำอะไรเอง ปีนหลังคา ซ่อมไฟ ปีนเพดานอะไรแบบนั้น เลยบอกกันไว้ เพราะมีเพื่อนอยู่บ้านใกล้ๆๆ เราบอกว่าไม่อยากตายในสภาพที่ใครเห็นแล้วอุตจาด อย่างน้อยเพื่อนมาก่อน เอาผ้ามาคลุมก็ยังดี และให้เก็บของสำคัญ ซึ่งจะบอกเพื่อนสนิทกับที่บ้านไว้ว่าเอกสาร ของสำคัญอยู่ตรงไหน อันนี้คือสิ่งที่เราทำ เราเตรียมไว้
เพราะเราดูข่าว บางคนเสียชีวิต อยู่ในบ้านเป็นเดือน กว่าคนจะรู้ มันน่าเสียใจสำหรับครอบครัวนะ แต่พ่อแม่เราตามตลอดแหละ ถึง 70อัพ แต่ยังแข็งแรง บ่นเก่ง มีหลานสาวอีกคน เราติดกล้องวงจรปิดช่วยด้วย ทั้ง 2 บ้าน เค้าดูเรา เราดูเค้าได้ตลอด อย่างน้อยก็ช่วยได้เผื่อพ่อแม่ล้ม เป็นลม
ขอแถม เราเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัวนานแล้ว เพิ่งเสียจากมะเร็ง ตอนอายุ 12 ปีครึ่ง ช่วงหกเดือนก่อนน้องเสีย เราพามาอยู่ด้วยเพื่อดูแลแผลเค้า เพราะต้องทำแผลทุกวันเลยคุยกะเค้าทุกวัน ว่าบอกกันก่อนนะ สัญญาว่าจะลากัน จะบ้ายบายกัน ถ้าทนเจ็บไม่ไหว นอนหลับไปนะ ไม่ต้องห่วง จะได้ไม่ต้องทนทรมาน
น้องสู้มาตอนเป็นแรกๆ ผ่าตัด 2ครั้งคือสู้ ฟื้นไว เราบอกน้องให้ส่งสัญญาณถ้าไม่ไหว เพราะไม่อยากให้ตายโดดเดี่ยวที่ รพ. แบบตัวก่อนที่เคยเลี้ยง เลยคุยกันตลอด อีกตัวที่ไม่ป่วย ก็ดูแล รักกันดี เลียน้อง โอ๋กัน จนสุดท้าย นางมาจากเราไปที่บ้านใหญ่ อยู่กันครบ พ่อแม่พี่น้อง ทุกคน จากไปในอ้อมแขน ตามสัญญา เสียใจแหละ ร้องไห้แหละ แต่ไม่เหงา เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องจากกันวันนึง
เขียนยาวมาก ไม่รู้ว่าจะอ่านถึงตรงนี้รึเปล่านะ
แต่อยากจะบอกว่า เราเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมต้องการสังคม และการยอมรับจากสังคม เป็นธรรมดา จะมีเพื่อนมาก หรือน้อย ไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพ ว่าเป็นเพื่อนแบบไหน แม้มีคนเดียวแต่จริงใจ และเข้าใจเรา แค่นั้นเราว่าก็เพียงพอ เพื่อนในที่นี้ อาจจะเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง หรือญาติ หรือเพื่อนบ้าน หรือไม่ใช่ทั้งหมด เป็นใครก็ได้ ที่เราสามารถเรียกเค้าว่าเพื่อน
หรือถ้าในที่นี้ เราถือน้องหมาเรา คือเพื่อนแท้ของเราคนนึง เพราะเค้าไม่เคยทำให้เราเสียใจ แค่วันเดียวคือวันที่เค้าจากไปเราร้องไห้เพราะคิดถึง นั่นถือได้ว่าเรามีเพื่อนที่ดี คุณอาจจะชอบสัตว์ชนิดอื่นๆๆ ก็ถือว่าเป็นเพื่อนคุย ปรับทุกข์ได้ บางทีเรายังนั่งคุยกับหนังสือที่เราอ่านเลย
จะชอบอยู่คนเดียว หรือชินกับการอยู่คนเดียว แต่เมื่อถึงเวลาต้องเข้าสังคม เราต้องปรับตัวให้เข้ากับบริบททางสังคม นะเวลานั้นๆๆ คนรอบๆๆตัวเราเค้าจะให้ความเคารพ นับถือ เชื่อมั่นในการวางตัวของเรา อายุอาจเป็นเพียงตัวเลข ถ้าคุณมีความคิด ความอ่านที่น่าฟัง เปิดใจฟังเวลาใครคุยด้วย มองตา แสดงความจริงใจ และตัวตนที่แท้จริงออกไป ใช้การสื่อสารด้วยคำพูด ท่าทางที่สุภาพ นอบน้อม
บริบทที่เราพูดถึงคือ ตอนนั้นคุณอยู่ในตำแหน่ง สถานะ ฐานะอะไร เช่น เพื่อนกิน เพื่อนเรียน เพื่อนร่วมงาน หุ้นส่วน ลูกค้า พ่อค่า เจ้าของ พ่อ แม่ ลูก คนแปลกหน้าที่มาถามทาง ทุกสถานะ มันมีบริบทที่แต่งต่างกัน คือถ้าคนในสังคมให้เกียรติ สุภาพ พูดคุย สื่อสารกันดีๆๆ ค่อยๆๆเอาใจเขามาใส่ใจเรา เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิด เราฝากไว้แค่นี้แหละ
ถ้าใครอ่านจบนะ…ขอบคุณสำหรับคำถาม😂😅 คือเขียนสั้นๆๆไม่เป็นอะ
โฆษณา