[sydNEY: The Storiographer] 1) จากประสบการณ์ของผม ผมยึดปรัชญาที่ผมคิดดังนี้ครับ “คุณนำเสนอสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด โดยที่ผู้เข้ามาติดตามสิ่งที่คุณหยิบยื่นให้ สามารถใช้เวลาน้อยที่สุดกับสิ่งเหล่านั้น”

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

26 มิ.ย. 2022 เวลา 15:02 • การตลาด

1) จากประสบการณ์ของผม ผมยึดปรัชญาที่ผมคิดดังนี้ครับ

“คุณนำเสนอสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด โดยที่ผู้เข้ามาติดตามสิ่งที่คุณหยิบยื่นให้ สามารถใช้เวลาน้อยที่สุดกับสิ่งเหล่านั้น”

youtube.com

Lamborghini Huracán Tecnica - Take All Your Souls To Drive

The new Huracán Tecnica does not have one soul but three: blending sophisticated design, topnotch performance and exhilarating driving to create the perfect ...

เรียนรู้เพิ่มเติม

ผมมองว่าเป็นเรื่องของ “inputs/outlputs” ครับ

“การเขียน” หรือการ “สร้างสรรค์” ภาพถ่าย, ภาพวาด, Vlog ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “outputs” ที่ต้องอาศัย “วัตถุดิบ” หรือ “inputs” เป็นต้นทุน

เปรียบเหมือนสวมบทเป็น “ผู้รับ” แล้วกลับไปเป็น “ผู้ให้”

2) ผมเองคิดว่า “การเล่าเรื่องราว” (storytelling) ที่ดี ควรจะมีองค์ประกอบพื้นฐาน เช่น

“เป็นเรื่องจริง”

“เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ (สาระ/บันเทิง)”

“เป็นเรื่องที่มีประสบการณ์ตรง”

โดยหากมีทั้งสามองค์ประกอบพื้นฐานดังกล่าว ผมเชื่อว่า “การเล่าเรื่อง” ไม่ว่าจะผ่านกระบวนการใด ก็จะสามารถสร้าง “พลัง” ในเรื่องที่เราเล่าได้ ไม่มากก็น้อยครับ

ยกตัวอย่าง เช่น

ผมตอบคำถาม เพื่อนๆบน platform นี้ที่มักมีคำถามเกี่ยวกับ “การค้นหาความชอบของตัวเอง” โดยหยิบยกเรื่องราวจริงๆของผมมาเป็นกรณีศึกษาดังนี้ครับ

”life is a long game”

ชีวิตยังมีโอกาสเปลี่ยนงานอีกเยอะ ลองทำไปให้รู้ว่า “อะไรที่ไม่ชอบแน่ๆ” และอะไรที่ยังไม่แน่ใจว่า “ชอบจริงๆอย่างที่คิดหรือไม่?”

เมื่อคุณได้มีโอกาส “ลงมือทำ” คำตอบจะปรากฎเอง

อย่างผมเคยเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหาร ผู้บริหารเข้มงวดเรื่องยอดขายที่ต้องทำยอดแข่งกับสาขาอื่นๆ พวกเขาจึงอบรมเรื่องเทคนิคการขาย (up selling) เพื่อช่วยให้พนักงานมีทักษะที่จำเป็น และจัดแข่งการทำยอดในสาขาที่ผมทำงานอยู่และสาขาอื่นๆ

ผลออกมาผมได้รางวัลที่หนึ่งจากสาขาของผม และตั้งแต่นั้นผมชื่นชอบงานขายขึ้นมาทันที ทั้งที่ผมชอบงานด้านเทคโนโลยีมาตลอด ไม่ค่อยชอบคุยกับผู้คน จนถึงวันนี้ people skills ของผมได้มาจากการทำงานในร้านอาหาร!

3) วิธีสร้าง Fan Club ที่ผมมองว่า “ได้ผล”