28 มิ.ย. 2022 เวลา 05:12 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ในยุคข้าวยากหมากแพง แค่หายใจเข้าก็ยังแพง หากเรามีงบการจ่าย การกิน
การเที่ยวเท่าเดิม แต่ตอนนี้การกิน เที่ยว พัก แบบเดิมทำให้เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
วันนี้แม่โอ๋จึงมาขอแชร์วิธีบริหาร Budget กันใหม่ ซึ่งกฎเหล็กก็คือ
“ต้องปรับและเปลี่ยน”
ภาพจาก  www.shutterstock.com
หุ้นตก บิตคอยน์ดิ่ง ของแพงตั้งแต่มาม่า น้ำมัน ไข่ หมู ผัก…เอาเป็นว่าวิถีชีวิตในช่วงข้าวยากหมากแพงนี้…แค่หายใจก็แพงขึ้นแล้ว
วันนี้แม่โอ๋ขอมาแชร์วิถีชีวิตและการใช้เงินแบบแม่ลูกสอง มีรายได้เสริมหลักจากการลงทุน แน่นอนทุกคนมีวิถีต่างกัน รายได้ต่างกัน แต่คนที่มีครอบครัวมีลูก เรามีสิ่งคล้ายกันคือ “รายรับ” (ปัจจุบันและที่ผ่านมา) “รายจ่าย” ที่สำคัญมากสุดคือลูก…
อันนี้ขอแชร์นะคะ สามีของแม่โอ๋เป็นสายฝา…
เขาเพิ่งเรียนรู้วัฒนธรรมของฝั่งที่ไม่ใช่เอเชียว่าไม่เหมือนของเขา
เนื่องจากระบบสวัสดิการของรัฐสำหรับการเลี้ยงลูกของต่างประเทศนั้นดีได้มาตรฐานระดับพ่อแม่สบายใจได้ คือเขาจะบาลานซ์ว่าเราหารายได้เท่าไร
จ่ายภาษีเท่าไร เขาก็ให้สวัสดิการในระดับการใช้ชีวิตตามความเป็นอยู่เรา
อันนี้มันสอนหลักสังคมศาสตร์และการจัดการบริหารการเงินของรัฐให้สะท้อนการใช้วิถีชีวิตตามความสามารถทางรายได้เราเหมือนกันนะ
ถือซะว่าขอเมาท์และแชร์ความเห็นในวิถีส่วนบุคคลกันมากหน่อยนะคะ เผื่อใครชอบเผื่อใครนำไปใช้หรือนำไปปรับเป็นวิถีตนได้ หรือใครเห็นว่าไม่ดี ก็จะได้ไปเมาท์ต่อว่าอย่าทำอย่างยายแม่โอ๋คนนี้
อะไรที่เกิดขึ้นในวันนี้…คือผลของการกระทำในอดีต
เงินเหลือในวันนี้คือเงินเก็บในอดีต รายรับในวันนี้เกิดจากการทำงานตั้งแต่ต้นเดือนและผลตอบแทนการลงทุนในอดีต
และแน่นอน…หนี้ในวันนี้ คือผลของการใช้จ่ายในอดีต
ถ้าอย่างนั้นเราคงจะทำวันนี้ให้ถูก ให้ดี และไม่สร้างภาระให้ตัวเองใน 3-6-12 เดือนข้างหน้า
เริ่มจากตอนนี้ในบ้านเราเอง บั๊ดเจ็ตรายจ่ายจะมาจากรายได้ของคนเดียวคือสามี รายได้เราคือเก็บ ส่วนเงินพิเศษและโบนัส หรือนำไปลงทุน …อันนี้เราเรียนรู้และปรับตัวช่วงสถานการณ์โควิด -19 ครั้งนี้ที่ฆ่าทฤษฎีการเงินเรื่องเกี่ยวกับเงินเก็บไปครึ่งโลก…10% เงินเก็บ 3 เดือนเท่ากับรายจ่าย 6 เดือน…บลาๆๆ คือมีอีกเยอะ แต่สุดท้ายสถานการณ์ไม่คาดคิดยืดเยื้อยาวจนเกือบ 3 ปี โลกถึงเริ่มกลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้ง
แม่โอ๋เจอทฤษฎีนึงแล้วชอบ เลยเริ่มปรับบั๊ดเจ็ตครอบครัวตามเขา คือใช้เงินให้เท่ากับรายได้ของหนึ่งคน หากมีคนหารายได้ 2 คน ที่เหลือเราสามารถบริหารได้สบายใจขึ้น
และเมื่อโควิด-19 เริ่มซา รายได้เริ่มกลับมา แต่เราก็ยังมาพบปะกับสงครามที่ดูเหมือนจะเป็นสงครามโลก (ทางการค้า) ก็ยังดีที่เขาสู้กันด้วยอาวุธที่ไม่ทำร้ายเข่าฆ่ากันไปทั่วโลก แต่เนื่องด้วยมาตรการทางการค้าต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ ก็เท่ากับว่าเราเข้าร่วมสงครามกันแล้วนั่นแหละ
ก่อนหน้านั้นเราเคยคุยกันแล้วเรื่องแบ่งเงินสามส่วน เข้า เก็บ จ่าย ทีนี้หากเราพยายามจะเก็บหรือจ่ายเท่าเดิม…หรือสูงกว่าเดิมแบบพอให้เหลือเก็บทั้งที่รายได้เท่าเดิม ข้าวของก็บริโภคเท่าเดิม แล้วเราควรทำอย่างไร
คราวนี้เราต้องกลับมาที่มายด์เซ็ตและนิสัย
บอกก่อนว่านิสัยเปลี่ยนกันได้ เริ่มวันนี้ก็ไม่สาย ใบ้หวยที่เลข 7-21-90
ใครอยากรู้รายละเอียด ลองย้อนไปอ่านบทความที่แล้วนะคะ
เอาเป็นว่า 90 วันเราก็ทำได้แล้ว
ก่อนอื่นนะ…ใครมีเก็บมากน้อยแปะไว้ก่อน มาดูว่าหากเรามีงบการจ่าย การกิน การเที่ยวเท่าเดิม แต่ตอนนี้การกิน เที่ยว พัก แบบเดิม เรากลับต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
อันนี้สำคัญว่า เราก็ต้องพยายามปรับลด… ซึ่งมีสองอย่างที่ควรลด
แต่อย่าบอกนะว่าลดเงินเก็บ…ไม่เอาสิ
สิ่งที่เราควรจะลดคือจำนวนของที่บริโภค หรือลดราคาของที่ต้องใช้ ยกตัวอย่างนะ กินกาแฟสดตาร์บัคส์อาทิตย์ละ 3 แก้ว ก็ให้เหลืออาทิตย์ละแก้วหรือ 2 อาทิตย์แก้ว กินอาหารนอกบ้านอาทิตย์ละ 3 ครั้ง อันนี้แล้วแต่บ้าน อาจลดจำนวนหรือลดระดับราคาร้านอาหารหรือพยายามกระจายให้ไม่เกินงบ
เอาจริงๆ เราต้องมาทำการปรับกระปุกสัดส่วนของรายจ่ายหลักกันก่อน
แยกหมวดของที่จำเป็น ขาดไม่ได้ คืออาหาร ยารักษาโรค (แนะนำทำประกัน) โรงเรียนลูก บ้าน (อันนี้ถ้าเช่าอยู่ก็อาจลดได้ ถ้าผ่อนอยู่ก็อย่าลืมรีไฟแนนซ์เมื่อทำได้ หยุด! รีไฟแนนซ์เมื่อครบเพื่อได้เรตโปรโมชั่น ไม่ใช่รีฯ เพิ่มวงเงินมาใช้นะ) รถ หรือค่าเดินทาง
หมวดเหล่านี้ต้องมาก่อน เพราะคำว่าสิ่งจำเป็นมันมีหลายระดับ กินเพื่อรักษาสุขภาพ กินให้อิ่มท้อง กินให้อิ่มใจ อย่าอ้างว่าของขึ้นก็ต้องขึ้นตาม
หมวดอาหารนี่เป็นหมวดหลักในการลดค่าใช้จ่าย
เพราะเรามักคิดว่าเสียเงินมื้อย่อยไม่มาก และมันหิว แต่หมวดนี้เราลด เราเลิก
เราละได้ เช่น ยังคงกินกาแฟสดทุกวัน แต่ลดจากแก้วละเกือบร้อย
เปลี่ยนเป็นร้านประจำที่ถูกลงเพื่อให้ใช้เงินเท่าเดิม
หรือเพื่อให้เหลือได้กินร้านประจำได้บ้าง
คนที่เป็นแม่บ้านก็ลองดูกันหน่อย หันมากินอาหารที่บ้านบ้าง กินที่ร้านอาหารทั่วไปบ้าง แต่อย่ายึดติดว่าก็ซื้อร้านเดิมมาตลอด เขาขึ้นราคาจะให้ทำไง เราลด ปรับเปลี่ยนเอาเองได้ตามเหมาะสมนะคะ
เมื่อถึงเวลาปรับบั๊ดเจ็ต รีเซ็ตความสำคัญ อันนี้ต้องบอกว่าแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน วิถีชีวิตคนไม่เหมือนกัน คนไม่กินกาแฟบอกกาแฟคือสินค้าสิ้นเปลือง คนดื่มกาแฟอย่างแม่โอ๋บอกกาแฟสำคัญกว่าอาหารเช้า การดื่มกาแฟของแม่โอ๋จึงต้องอยู่ในบัดเจ็ต เพราะฉะนั้นใครจะใช้ลด ใช้ละ หรือจะใช้ลูกผสมทั้งสองแบบ ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนเลย
แต่กฎเหล็กคือ “ต้องปรับและเปลี่ยน”
มีบ้านคนรู้จักค่ะ สามีฝรั่งเคยมีรายได้สูงลิบ แล้วถูกให้ออกจากงาน สิ่งที่บ้านเขาเลือกทำเพื่อปรับเปลี่ยนรายจ่ายคือ…ขายบ้าน แต่ยังเก็บโรงเรียนเรียนอินเตอร์ที่ลูกเรียนเอาไว้ คือเลือกจ่ายค่าเทอมเพื่อให้ลูกเรียนที่เดิม แต่ยอมย้ายไปอยู่บ้านเล็กลง ในขณะที่บางครอบครัวอาจเลือกย้ายโรงเรียนลูก
นี่คือสิ่งที่แม่โอ๋บอกว่าความสำคัญของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ธรรมชาติฝรั่งติดบ้านน้อยกว่าคนไทย แต่สิ่งสำคัญคือจะเห็นว่าทั้งสองครอบครัวเลือกละ ลด ปรับการใช้จ่ายให้อยู่ในบัดเจ็ต
อย่าไปตัดสินบ้านอื่น เอาตัวเองเป็นหลัก ดูว่าลดหรือละอะไรแล้วมีความสุขความสบายใจสูงกว่า
เรื่องเที่ยวพักผ่อนก็เป็นอีกเรื่องนึง เด็กต้องสนุก ต้องมีโมเมนต์ดีๆ ในกับชีวิต การที่มีเงินจำกัด แล้วต้องให้ลูกเลิกทำกิจกรรม ท่องเที่ยวและหาประสบการณ์ แม่โอ๋ขอใช้ความรู้ที่ได้มาจากการเทรนเรื่องเด็กมาตัดสินเลยว่าผิด
แต่…การเปิดโลก กระตุ้นต่อมความสุขเด็กๆ
อาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากอย่างที่เราคิด ความสุขของเรากับเด็กต่างกัน
อาหารดีๆ โรงแรมหรูๆ พากันไปเที่ยวต่างประเทศ
อาจเป็นสิ่งดีที่สุดที่เราอยากทำให้ลูก แต่ในความเป็นจริงอาจไม่จำเป็น…
ตุ๊กตาบาร์บี้ รถบังคับวิทยุ อาจทำให้เด็กยิ้มไม่หุบ…
แต่การไปขี่จักรยานเล่นกับพ่อแม่ เล่นบอร์ดเกมกับครอบครัว
ขี่เรือถีบในสวนสาธารณะกับครอบครัว เข้าครัวกับพ่อแม่
หรือการไปสวนสัตว์ก็อาจทำให้ต่อมความสุขทำงานได้ไม่ต่างกันนัก
เพียงแต่ต้นทุนต่างกันลิบลับ ขณะเดียวกันความทรงจำที่เก็บในสมอง
อาจมีค่ามากกว่าการได้เล่นของเล่นทันสมัยเสียด้วยซ้ำ
บ้านแม่โอ๋ค้นพบคำตอบเรื่องเที่ยวจากสถานการณ์โควิด-19…การไปเที่ยวทะเล ภูเขา นั้นใช้บั๊ดเจ็ตไม่สูงเท่าไร แต่เด็กๆ มีความสุขและสามารถเปิดโลกได้ใกล้เคียงกับการไปเที่ยวเมืองนอกเลยทีเดียว…โดยที่ราคาที่ต้องจ่ายต่างกันเกินครึ่ง!พอเห็นภาพสิ่งที่แม่โอ๋หมายถึงมั้ยคะ
ดังนั้นถ้าตอนนี้ต้องลด เลิก ละอะไรบางอย่างลง…เราอาจทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องลดละความสุขในครอบครัวเลยก็ได้
เรื่องโดย : แม่โอ๋ พรศริน เมธีวัชรานนท์
คอลัมน์ "บริหารเงินสไตล์คุณแม่ลูกสอง"
"บทความด้านบริหารการเงินฉบับง่ายๆ พร้อมเกร็ดน่ารู้ ควรรู้ ต้องรู้
เกี่ยวกับศาสตร์การเงิน เพื่อวางรากฐานความมั่งคั่งให้ตนเองและครอบครัว"
เติมอาหารสมองและพลังใจด้วยคอนเทนต์สาระจาก 2read
กดถูกใจ กดติดตามเพจ กดไลก์โพสต์นี้ให้เราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ🙏
โฆษณา