29 มิ.ย. 2022 เวลา 00:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Part 2: Black Swan ของพี่มี่
(ใครยังไม่ได้อ่านพาร์ทแรก: https://www.blockdit.com/posts/62b9c51092489da5a2c070ef)
.
1. แรกเริ่มลงทุน มั่นใจมาก สุดท้ายรู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย ผ่านมาได้โดย เริ่มศึกษาหาความรู้จากคนที่เก่งกว่า ไปนั่งที่ตลาดหุ้น เจอคุณโยโย่
นี่เป็นรวมบทความของคุณโยโย่ที่กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์ในตลาดทุน http://www.goadsbook.com/assets/uploads/elearning_files/yoyos-investing-way-1629434390.pdf
.
2. น้ำท่วมปี 2554 ถือหุ้นอสังหาไว้เยอะ และซื้อ Warrant ไปด้วย คิดว่าจะเปลี่ยนชีวิต ผ่านมาได้โดย
- มี Warrant อยู่ปริมาณเยอะมาก ขายไม่ได้ Bid-Offer น้อยมาก เลยต้องถือไว้ และติดตามข่าว (มีแต่คนเชียร์ขาย ข่าวร้ายมาเยอะมาก)
- ดูสถานที่จริง พี่มี่ขับรถไปดูโครงการต่าง ๆ และพบว่า คนซื้อบ้าน ยังไงก็ซื้อที่เดิม เพราะ ที่ทำงาน โรงเรียนก็ล้วนอยู่ที่เดิม (คนไม่เปลี่ยนทำเลง่าย ๆ ขนาดนั้น) เลยทำให้ยังไม่ขาย แม้ว่าหุ้นจะขึ้นมาแล้วหนึ่งเท่า นอกจากนั้นการลงพื้นที่จริงทำให้รู้ว่า กำลังมี New S curve ใหม่ คนอยากอยู่บ้านที่สูงขึ้น คือ คอนโด
Q : ในตอนนั้นที่มีแต่ข่าวร้ายเต็มไปหมด ทำไมพี่มี่ไม่ขาย (พี่ไม้ฟืน ขาย Warrant ที่ราคา Low แล้วเอาไปซื้อหุ้นแม่ เพราะ กลัวว่าอสังหาจะยังไม่กลับมา จนทำให้ Warrant หมดอายุไป หรือกลายเป็นศูนย์)
A : พี่มี่บอก ไปคุยกับเพื่อนที่เคยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมากก่อน บอกว่าช่วงเวลานี้ไม่สมควรขาย มันจะเป็นการขายที่จุดต่ำสุด ถ้าอยากจะ Cut-loss ไปขายตอนที่น้ำท่วมลดลงดีกว่า เพราะตอนนี้ตลาดกำลัง Overreact ซึ่งพอน้ำลง ตลาดก็ขึ้นจริง เพื่อนพี่มี่ก็ขายเอาทุนออกไป แต่พี่มี่ก็ยังไม่ขาย เพราะคิดว่า Story ที่คิดไว้ก่อนหน้า (ที่น้ำจะท่วม) น่าจะยังไปต่อได้อยู่ เลยถือต่อ
ถ้าเราลองมาวิเคราะห์คำพูดของพี่มี่กันดูจะเห็นว่า
"ถ้าความรู้เราไม่มากพอ พอหุ้นลง จะทำให้ความกลัวชนะความเชื่อมั่น และจุดนึงเราจะยอมแพ้ (และมักจะเป็นจุดที่ต่ำที่สุด)"
.
3. มีความรักหุ้นเกิดขึ้น เพราะเป็นหุ้นที่เปลี่ยนชีวิต ทำให้ไม่ขายหรือขายช้ากว่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าจะเริ่มหลักฐานว่าทำผลประกอบการได้แย่ลง เมื่อขายออกมาแล้ว กลับไปมองที่จุดสูงสุด (ขาดทุนกำไร) เกิดความเจ็บปวด ซื้อหุ้นไม่ได้ไปอีกสักพัก (Loss aversion bias)
อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ได้ที่ https://shorturl.asia/toadw
.
4. ซื้อหุ้นถูก แต่ไม่ Perform (กับดักหุ้น PE ต่ำ) ในขณะที่หุ้น PE สูงๆ ผลตอบแทนดีมาก และผลประกอบการก็ดีมาก เช่นกัน เลยได้เรียนรู้ว่า PE ไม่ใช่ทุกอย่าง และอย่ามองล่วงหน้าแค่ปีเดียว (ให้ความสำคัญกับปัจจัยเชิงคุณภาพ มากกว่าปริมาณ)
การใช้ Playbook นึงในการทำกำไรและได้ผล มันไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนไปใช้ Playbook ใหม่ ที่อาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า พี่มี่ใช้เวลากว่า 4 ปี ในการเปลี่ยนแนวทางการเล่นหุ้น แบบให้ความสำคัญเชิงปริมาณมาเป็นคุณภาพ
.
จบกันไปแล้วกับ Black Swan ตอนที่ 1 ของพี่มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์
★ อย่าลืมกดติดตาม "สอนเงินให้ทำงาน"
★ มีบทความสาระดี ๆ มาให้ฝึกฝีมือกันทุกวัน
★ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา