28 มิ.ย. 2022 เวลา 01:07 • ไลฟ์สไตล์
“ประกันชีวิตเรายังทำให้แก่ตัวเองได้เลย
ประกันตัวเองให้ได้ก่อน ว่าจะไม่ตกต่ำจมสู่อบายภูมิ
ปิดอบายภูมิตัวเองได้หรือยัง
มันจะมีกิจอันใดสำคัญกว่านี้”
“ …​ ถามว่า ฆราวาสสามารถบรรลุธรรมหลุดพ้นได้ไหม ?​
เป็นคำถามยอดฮิตเลย ญาติโยมปฏิบัติธรรมอยู่ทางบ้าน ย่อมอยากรู้คำถามนี้ว่า ปฏิบัติไปเนี่ยโยมสามารถเข้าถึงจุดหลุดพ้น หมดจดโดยสิ้นเชิงได้ไหม
ก็ต้องตอบว่า มันก็ดำเนินไปได้โดยลำดับนั่นแหละ
ตั้งแต่การเดินตามมรรค การชำระตนจนกิเลสเบาบาง หนี้เวรหนี้กรรม เบาบางลงไปเรื่อย ๆ สามารถเข้าถึงความบริสุทธิ์ได้ชั่วครู่ชั่วคราว ที่เรียกว่า หลุดพ้นได้ชั่วคราว
เพราะว่าถ้าไม่เข้าถึง มันไม่มีกำลังในการชำระตน มันต้องเข้าถึง มันถึงจะได้ระดับในการชำระตน
ชำระล้างกันไป ชำระล้างกันไป จนถึงจุดหนึ่ง มีกำลังมากพอที่จะเคลียร์หนี้ในระดับใหญ่
ถ้ามีกำลังพอ สามารถชาร์จหนี้ในระดับใหญ่ได้ ที่เรียกว่า พระโสดาบัน ตกกระแสธรรมในเบื้องต้น อริยบุคคลในเบื้องต้น
ครั้งหนึ่งพระองค์ช้อนดินขึ้นมา เท่าปลายเล็บ แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ดินเท่าปลายเล็บของตถาคต กับ ดินทั้งป่าในมหาปฐพีนี้ อันไหนจะมากกว่ากัน
ภิกษุกราบทูลว่า ดินทั้งป่าในมหาปฐพีนี้ มากกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าข้า
ฉันใด ความทุกข์ของหมู่สัตว์ในวัฏฏะ เทียบเท่าดินในมหาปฐพี ไม่รู้ว่าสะสมอะไรกันมาบ้าง หนี้เวรหนี้กรรม ทั้งหลายทั้งปวง รอวันเวลาที่จะชดใช้ชำระกันไป
แต่ความทุกข์ของพระโสดาบัน เหลือเพียงแค่ดินเท่าปลายเล็บ
เราไม่รู้หรอกว่า เรามีหนี้เวรเท่าไหร่ แต่ถ้าชำระในส่วนแรกได้หมดแล้ว มันหายวาบไปหมดเลย มันเหลือนิดเดียว พระโสดาบันจึงปิดอบายภูมิแล้ว ไม่ตกต่ำกว่านี้แล้ว
เป็นผู้เที่ยงตรงต่อพระนิพพาน เรียกว่า ตกกระแสธรรม เกิดอีกได้ไม่เกินเจ็ดชาติ เพราะว่า หนี้เวรมันเหลือนิดเดียวเอง
ประกันชีวิตเรายังทำให้แก่ตัวเองได้เลย
ประกันตัวเองให้ได้ก่อน ว่าจะไม่ตกต่ำจมสู่อบายภูมิ
ปิดอบายภูมิตัวเองได้หรือยัง
มันจะมีกิจอันใดสำคัญกว่านี้
ก้าวแรกนำไปสู่การปิดอบายภูมิ เป็นผู้เที่ยงตรงต่อพระนิพพาน เกิดอีกไม่เกินเจ็ดชาติ จากนั้นก็ชำระกันต่อไป
พระโสดาบัน ก็เป็นผู้ที่เรียกว่า ละสังโยชน์เบื้องสามได้ขาดสะบั้นแล้ว
ละสักกายทิฏฐิ ความหลงยึดมั่นว่ากายเป็นตัวเราเป็นของเรา ละได้แล้ว รู้แล้วว่ามันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ก็คือร่างกาย ก็คือผลของกรรมเก่านั่นเอง
เป็นผู้ที่มีความมั่นคงต่อพระรัตนตรัยแล้ว เพราะว่าละความลังเลสงสัยได้ขาดสะบั้นแล้ว วิจิกิจฉา
เป็นผู้ที่มีศีลอันหมดจดแล้ว ละพวกสีลพรตปรามาส การประพฤตินอกทางได้หมดแล้ว
เนี่ยอารมณ์พระโสดาบัน ละสังโยชน์เบื้องสามได้ขาดสะบั้น ฆราวาสทำได้ ฆราวาสชั้นดีนั่นเอง
เรียกว่าละการยึดมั่นในกายได้มากแล้ว มีศีลบริสุทธิ์ มีศรัทธามั่นคงต่อพระรัตนตรัย
จากนั้นก็เดินตามมรรคแบบนี้ชำระต่อไป ระดับที่สองสกทาคามี ก็เบาบางลงไป
จนระดับที่สาม อนาคามี สามารถละเรื่องกามราคะได้ เรื่องปฏิฆะได้ ตรงนี้นี่แทบจะวางทุกอย่างในโลกลงได้หมดแล้ว อนาคามี ประพฤติพรหมจรรย์แล้ว ศีลแปดโดยธรรมชาติ โดยสภาวธรรมแล้ว
ถึงไม่ได้สมาทานศีล 8 ภูมิจิตระดับอนาคามี ประพฤติพรหมจรรย์โดยธรรมชาติ ถ้าภูมิจิตภูมิธรรมไปถึงตรงนั้น มันก็แทบวางทุกอย่างในโลกลงละ ก็เรียกว่าประพฤติพรหมจรรย์ ฆราวาสจะมาถึงตรงนี้ได้
แล้วจะรู้ได้ด้วยตัวเองเลยว่า เราเนี่ยวางต่าง ๆ ลงได้มาก เพราะฉะนั้นพันธะยึดโยง มันตัดออกไปมากแล้ว เชือกจากเป็นล้าน ๆ เส้น ก็เหลือแค่ ที่มันผูกไว้มากก็เหลือไม่เยอะแล้ว พันธะยึดโยงทั้งหลายทั้งปวง
แต่ฆราวาส ถ้าจะข้ามจากจุดนี้ อนาคามีก็ยังมีเชือกอยู่ ยังมีพันธะยึดโยง ยังเข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือนเรือที่ออกทะเลได้แต่ก็ไปได้ตามเชือกที่ถึงนั่นแหละ ยังไม่สามารถพ้นออกไปโดยสิ้นเชิงได้
เพราะว่ายังมีสิ่งยึดโยงอยู่ ยังเหลือความมีความเป็นอยู่ สังโยชน์เบื้องปลาย รูปราคะ อรูปราคะ มานะทิฏฐิที่เบาบางมาก แต่ก็ยังมีอยู่ อวิชชา
ถ้าโดยกายภาพก็ยังเหลือสิ่งที่เรียกว่า ความมีความเป็นอยู่นั่นเอง
นั่นก็ทรัพย์สมบัติเรา นั่นก็ลูกเรา แต่อนาคามีไม่หยาบขนาดนี้
แต่ถ้าเป็นปุถุชนก็ ไอ้ความมีความเป็น นั่นก็ภรรยาเรา นั่นก็สามีเรา นั่นก็ลูกเรา นั่นก็ทรัพย์สมบัติเรา นั่นก็รถเรา นั่นก็ที่ดินเรา
ไอ้กายภาพที่ความมีความเป็น ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยสภาวธรรมมันก็คือสิ่งยึดโยงนั่นเอง พันธะยึดโยง เปรียบเหมือนเชือกแต่ละเส้น แต่ละเส้น แต่ละเส้น ที่ผูกปมไว้แล้ว
แล้วมันจะพ้นไปได้ยังไง ถ้าเรายังมีความีความเป็นอยู่ วิถีของสมณะจึงเกิดขึ้นไงเล่า
มันต้องตัดความมีความเป็น ตั้งแต่ระดับกายภาพ วิถีของสมณะจึงเป็นวิถีของการทิ้งโลก สละทุกอย่าง จากเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วทั้งปวง ก็ทิ้งหมด
ความมีความเป็นทั้งหลายทั้งปวง ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ทั้งหลายทั้งปวง อันเป็นสมมติมายาของโลกทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องทิ้งหมด
เมื่อกายภาพ เราได้ขาดจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ทางสภาวะมันถึงจะมีโอกาสไปถึงจุดที่ … ตัดเชือกเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลง จึงจะพ้นออกไปได้โดยสิ้นเชิงได้
ถ้าถามว่าฆราวาสบรรลุธรรมได้ไหม … เข้าถึงได้โดยลำดับ ถึงระดับอนาคามี ย่อมรู้ด้วยตัวเอง
ถ้าจะก้าวกว่าจากนั้น ก็คือ ต้องทิ้งโลกแล้ว วางทุกอย่างลง หมดสิ้นเยื่อใยทั้งหมด
ทุกเยื่อใยที่เรามีต่อสิ่งต่าง ๆ ในโลก มันคือพันธะ
มันคือเชือกแต่ละเส้น แต่ละเส้น ทั้งนั้นเลย
สิ้นอาลัยในตัณหา
หากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องของใจ มันก็ใช่
แต่ใจมันก็เนื่องด้วยกายภาพเช่นกัน
ไม่อย่างนั้นวิถีสมณะจึงไม่เกิดขึ้น
พระพุทธเจ้าคงไม่ดั้นด้นออกจากวังเข้าป่า แล้วคงไม่นำพาพุทธบริษัท สมัยพุธกาลระดับพระราชา เสนาบดี มหาเศรษฐีทั้งหลายทั้งปวง ที่ตระหนักถึงโทษภัยในวัฏสงสาร พากันสละเรือน ออกบวชไม่เกี่ยวข้องกับเรือน
ถ้าการอยู่ครองเรือนมันสามารถก้าวข้ามได้จริง
มันคงไม่มีผู้ใดทิ้ง ไปอยู่ในวิถีสมณะหรอก
แต่ทำได้โดยลำดับลำดา
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อญานมันแก่รอบจริง ๆ
มันก็ต้องทิ้งทุกอย่าง ดำเนินสู่วิถีสมณะนั่นเอง
ละความมีความเป็นทั้งปวง จึงจะสามารถตัดเชือกเส้นสุดท้ายลงได้ แล้วพ้นออกไป บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง
เพราะสภาวธรรมระดับที่เรียกว่า พระนิพพาน ต้องระดับพระอรหันต์เท่านั้น ถึงจะเข้าถึงสิ่งนี้
อนาคามียังสัมผัสความบริสุทธิ์ได้ แต่มันไม่ถึงจุดนั้นหรอก จุดที่จะผลิบานบริบูรณ์ ที่จะไปเข้าถึงความบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงนั่นเอง … “
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา