28 มิ.ย. 2022 เวลา 10:30 • ไลฟ์สไตล์
SPRiNG รวบรวมเทรนด์การทำงานที่ได้รับฟังจากเหล่า Speakers ในงาน Creative Talk Conference : CTC 2022 The Future of Everything มาให้อ่านกัน
www.springnews.co.th
1. จอมทรัพย์ สิทธิพิทยา Founder of Exzy
(1) มองว่า Human กับ Robot จะทำงานร่วมกันมากขึ้น หรือทำงานเป็นคู่ Companionship และจะมีคนที่คุยภาษาคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้นเพื่อสร้าง Use Cases เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟ มีความแม่นยำกว่าบาริสต้าที่มีความอาร์ต แต่หากทำงานร่วมกันได้ Value ก็จะสูงขึ้น
(2) เรื่อง Metaverse มิติที่คนมองคือ โลกเสมือนจริง แต่จริงๆ สิ่งที่ควรจะมองคือ เราจะใช้ประโยชน์อย่างไรจาก “โลกเสมือนที่ไม่จริง” หรือมองให้ง่ายขึ้น ให้คิดว่า การทำงานใน Metaverse ก็คือ เกม ซึ่งจะมีผู้เล่นที่เหมาะกับฉากนั้นๆ เช่น สร้างฉาก Virtual Factory ให้พนักงานเข้าไปสร้างสายพานการผลิตรถยนต์ในนั้น เหมือนกำลังเล่นเกมในโลกเสมือน
2. นิรันดร์ ประวิทย์ธนา CEO of Ava Advisory
(1) ตอนนี้ AI ก้าวข้ามขีดจำกัดบางอย่างแล้ว สามารถตัดมนุษย์ออกจากระบบการผลิตได้เกือบ 100% หลังจากนี้ มนุษย์จะเริ่มถูกตัดออกจากสมการมากขึ้น คนทำงานในอนาคตอาจต้องเรียนรู้ว่า งานที่จะทำและไม่ชนกับระบบอัตโนมัติ (Automation) คืองานที่เกี่ยวกับ Human Touch, Creative และ Emotional
(2) คนสร้าง Innovation ต้องคิดเยอะขึ้นและต้องหาเงิน จากที่ขาดทุนเพราะ Innovator สร้างของที่ดีแล้วรอเติบโต ต่อจากนี้ Innovator ต้องสร้างธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีน้อยลง แต่สร้างรายได้มากขึ้น ควบคู่กับการหาเงิน คือ ต้องมองเรื่อง Financial ไปด้วย นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก
3. สุธีรพันธุ์ สักรวัตร รองผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์
(1) Technology can be bought. เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่คนซื้อได้ แต่สิ่งที่ยากมากคือ การหา Talents กับการสร้าง Culture องค์กร เพราะมันเป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้
(2) Great Resignation มุมมองของ Talents เปลี่ยนไป ทำให้มีคนลาออกจำนวนมาก องค์กรต้องเตรียมความพร้อม เพราะการว่าจ้างจะมีโมเดลใหม่ๆ เช่น Freelance Model คนทำงานรุ่นใหม่จะถามว่า จบโปรเจกต์นี้จะได้เท่าไหร่ ถ้าทำงานนี้สำเร็จจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่ คือ ไม่คุยเรื่องเงินเดือนที่จะออกทุกๆ เดือนแล้ว
(3) Great Resilence บริษัทต้องเอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างยืดหยุ่น และคนทำงานไม่สามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้ทุกคนได้ จึงต้องพัฒนาตัวเองให้รู้ลึกหรือคมในบางสิ่งบางอย่าง และปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
(4) โลกซับซ้อนขึ้น นักการตลาดจะแบ่งเซ็กเมนต์ด้วยช่วงอายุ 20-30 / 30-40 / 40-50 ปี แบบเดิมไม่ได้แล้ว มีหนังสือออกใหม่ที่พูดถึงเทรนด์นี้ คือ Stage (Not Age): How to Understand and Serve People Over 60--the Fastest Growing, Most Dynamic Market in the World ซึ่งแบ่งเซ็กเมนต์มากถึง 18 Stages ดังนั้น การทำตลาด การเข้าถึงลูกค้ายุคต่อไป ต้องหาคำตอบก่อนว่า คุณหรือลูกค้าอยู่ใน Life Stage ไหนของชีวิต
4. อภิชาติ ขันธวิธิ Managing Director at QGEN / HR The Next Gen
(1) การทำงานแบบ Remote Working จะเป็นแนวโน้มการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และจากงานวิจัยของ QGen พบว่า คนที่คุ้นเคยกับการทำงานแบบ Work from home หรือ Work From Anywhere จะพิจารณาการเข้าทำงานในบริษัทนั้นๆ ว่าเปิดให้ WFH หรือไม่ การสมัครงานของคนที่มีทางเลือก มีความสามารถ ถ้าไม่ยืดหยุ่น เขาไม่สมัคร
(2) คนทำงานต้องต้องปรับตัวเร็วกว่าเดิม รู้ลึกกว่าเดิม และรู้กว้างมากยิ่งขึ้น รู้ลึกหมายถึงลงลึกให้ Advance กว่าเดิม หมายถึง เราสอนคนอื่นได้ แปลว่าคุณรู้ลึกในเรื่องนั้นจริงๆ แล้วเขาทำได้ ในเรื่องของการรู้กว้าง เราต้องการเห็นคนเติบโตขึ้นกว่าเดิม มี 3 ประเด็นที่ทำให้คนทำงานเติบโตขึ้น ได้แก่
  • Growth Mindset มีความอยากที่จะเติบโต เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก อัตราเร่งของความเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเดิม แต่ก่อน 3 ปี เดี๋ยวนี้อาจจะใช้เวลาแค่ 1 ปี เราจึงมีโอกาสน้อยลงในการตัดสินใจผิดพลาด โดยใช้ Data Literacy ใช้ Data ประกอบการตัดสินใจ
  • Leadership & People Management ผู้นำกับการบริหารคนผู้นำหรือผู้บริหารจำเป็นต้องพูดคุยกับทีมมากขึ้น เพราะคนมีพลวัต (Dynamic) จะใช้วิธีเดิมๆ ในการบริหารจัดการคนยุคนี้ไม่ได้
  • Problem Solving ต้องมีทักษะในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
5. จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder and Group CEO บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
(1) ทีมงานของ Bitkub ใช้มากกว่า 70 แอปพลิเคชัน จ่ายแบบ Subscription รายเดือน เช่นแอป Monday, Slack ประสิทธิภาพของงานที่ได้คือ บริษัทโต 2000% การที่ Bitkub ลงทุนในแอปหลายล้านบาท ให้พนักงานเข้าถึงเทคโนโลยีที่เป็น World Class Technology เพื่อช่วยเพิ่ม Productivity ให้ทีมงาน ถ้าไม่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล บริษัทคงไม่สามารถโตได้ขนาดนี้
(2) เทรนด์ต่อไปที่องค์กรจะใช้งานเพื่อลดต้นทุน เรียกว่า Subscription-based หรือ Subscription Economy ซึ่งจะสมัครใช้บริการหรือเลิกใช้เมื่อไหร่ก็ได้เพราะเป็นแบบการจ่ายรายเดือน เหมือนกับการจ่ายค่า Subscription ให้ Netflix
(3) The way we work จะเปลี่ยนไปอีกมาก ต่อไปจะเป็นยุคของ Satya Narayana Nadella ซีอีโอ ไมโครซอฟท์ โดยสิ่งที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก คือ แว่นตา VR และซอฟต์แวร์ Microsoft Teams (co-operating system) ซึ่งจะนำมาใช้งานแทนอีเมล
(4) ใน 5 ปีข้างหน้า คนในวงการครีเอทีฟจะเป็น Nano Entrepreneur คนที่มีไอเดียที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และทำงานแบบ Nano contract ลิงก์กับประเด็น Digital Inclusion ที่รัฐจะต้องให้ Connectivity และ Digital ID เพื่อทำให้ผู้คนเข้าเรียนหรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ คนที่เกิดต่างจังหวัดก็จะมีโอกาสเท่ากับคนที่อยู่ในเมือง
(5) ปัจจุบัน Talents ไม่พอที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ ตอนนี้หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยจึงแย่ง Talents กัน สิ่งที่องค์กรต้องมีเพื่อดึงดูด Talents คือ Digitalization ซัพพอร์ตด้านเทคโนโลยีดิจิทัล, Flexiblility มีความยืดหยุ่น ทำงานจากที่ไหนก็ได้ แล้วนัดเจอนัดประชุมกันบ้าง และสุดท้าย Empathy ความเห็นอกเห็นใจ
#เทรนด์การทำงาน #hybridwork #SPRiNG
โฆษณา