(1) Technology can be bought. เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่คนซื้อได้ แต่สิ่งที่ยากมากคือ การหา Talents กับการสร้าง Culture องค์กร เพราะมันเป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้
(2) Great Resignation มุมมองของ Talents เปลี่ยนไป ทำให้มีคนลาออกจำนวนมาก องค์กรต้องเตรียมความพร้อม เพราะการว่าจ้างจะมีโมเดลใหม่ๆ เช่น Freelance Model คนทำงานรุ่นใหม่จะถามว่า จบโปรเจกต์นี้จะได้เท่าไหร่ ถ้าทำงานนี้สำเร็จจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่ คือ ไม่คุยเรื่องเงินเดือนที่จะออกทุกๆ เดือนแล้ว
(3) Great Resilence บริษัทต้องเอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างยืดหยุ่น และคนทำงานไม่สามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้ทุกคนได้ จึงต้องพัฒนาตัวเองให้รู้ลึกหรือคมในบางสิ่งบางอย่าง และปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
(4) โลกซับซ้อนขึ้น นักการตลาดจะแบ่งเซ็กเมนต์ด้วยช่วงอายุ 20-30 / 30-40 / 40-50 ปี แบบเดิมไม่ได้แล้ว มีหนังสือออกใหม่ที่พูดถึงเทรนด์นี้ คือ Stage (Not Age): How to Understand and Serve People Over 60--the Fastest Growing, Most Dynamic Market in the World ซึ่งแบ่งเซ็กเมนต์มากถึง 18 Stages ดังนั้น การทำตลาด การเข้าถึงลูกค้ายุคต่อไป ต้องหาคำตอบก่อนว่า คุณหรือลูกค้าอยู่ใน Life Stage ไหนของชีวิต
4. อภิชาติ ขันธวิธิ Managing Director at QGEN / HR The Next Gen
(1) การทำงานแบบ Remote Working จะเป็นแนวโน้มการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และจากงานวิจัยของ QGen พบว่า คนที่คุ้นเคยกับการทำงานแบบ Work from home หรือ Work From Anywhere จะพิจารณาการเข้าทำงานในบริษัทนั้นๆ ว่าเปิดให้ WFH หรือไม่ การสมัครงานของคนที่มีทางเลือก มีความสามารถ ถ้าไม่ยืดหยุ่น เขาไม่สมัคร
(3) The way we work จะเปลี่ยนไปอีกมาก ต่อไปจะเป็นยุคของ Satya Narayana Nadella ซีอีโอ ไมโครซอฟท์ โดยสิ่งที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก คือ แว่นตา VR และซอฟต์แวร์ Microsoft Teams (co-operating system) ซึ่งจะนำมาใช้งานแทนอีเมล
(4) ใน 5 ปีข้างหน้า คนในวงการครีเอทีฟจะเป็น Nano Entrepreneur คนที่มีไอเดียที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และทำงานแบบ Nano contract ลิงก์กับประเด็น Digital Inclusion ที่รัฐจะต้องให้ Connectivity และ Digital ID เพื่อทำให้ผู้คนเข้าเรียนหรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ คนที่เกิดต่างจังหวัดก็จะมีโอกาสเท่ากับคนที่อยู่ในเมือง