1 ก.ค. 2022 เวลา 01:00 • การเกษตร
เป็นเกษตรกร รับมือยังไงกับต้นทุนปุ๋ย และค่าแรงที่สูง ไม่คุ้มค่าหลังการเก็บเกี่ยว ?
1
ในพื้นที่แต่ละภูมิภาคผลผลิตที่ได้นั้นมากน้อยย่อมขึ้นอยู่กับอากาศ ดิน น้ำ ลม ของแต่ละพื้นที่
อย่างพื้นที่แล้งน้ำ ไม่มีชลประทานผ่าน ต้องรอฝนฟ้า ยิ่งต้องมีความเสี่ยงสูงในการลงทุน
ดังนั้นการคำนวนปริมาณน้ำฝนในแต่ละฤดูจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก  ว่าฝนตกตอนไหนถึงเริ่มปลูกได้ และจะยังตกต่อเนื่องจนต้นไม้รอดตาย จนถึงฤดูเก็บเกี่ยว
การปรับหน้าดินหากมีแทรกเตอร์เป็นของตัวเองจะลดต้นทุนในการจ้างในแต่ละปีได้ดีมาก เพราะรถแทรกเตอร์ ใช้ตั้งแต่เริ่มการปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยวผลิตผล
และการปรับหน้าดินเพื่อเริ่มการปลูกเป็นสิ่งสำคัญมากลำดับต้นๆ หากมีการปรับหน้าดินที่ดี ไม่มีเศษรากหญ้า รากไม้ มากเกินไป ก็ทำให้วัชพืชที่ขึ้นหลังการปลูกผลิตผล มีวัชพืชน้อย ง่ายแก่การกำจัดออก ทำให้ประหยัดค่ายา ค่าแรงงานไปได้มาก
การลงปุ๋ยก่อนการปลูกทุกครั้งที่เริ่มปลูกผลิตผล จะไม่จำเป็นอีกต่อไป หากเราปลูกพืชแบบหมุนเวียน เช่นการปลูกข้าวโพดเพื่อปรับสภาพดิน หลังการปลูกมันสำปะหลัง เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวโพดก็สามารถปลูกมันสำปะหลังได้เลย ไม่ต้องลงปุ๋ยอีกก็ได้ หรือการใช้ปุ๋ยคอกมาหว่าน แทนปุ๋ยเคมีก็ประหยัดต้นทุนไปได้มาก
ปุ๋ยน้ำหรือฮอโมนส์สามารถนำมาใช้แทนปุ๋ยเคมีได้ หรือการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ จุลินทรีย์ สังเคราะห์แสงเอง พ่นในตอนเช้าทำให้ต้นไม้โตไว และสามารถ ลดต้นทุนได้
การปลูกและเก็บเกี่ยวหากปลูกจำนวนหลายๆไร่ หากใช้เครื่องจักรแทนการจ้างคนจะคุ้มค่ามากกว่าทั้งเวลา และค่าจ้าง
การเป็นเกษตกรจึงไม่ใช่ เรื่องง่ายๆสำหรับใครหลายๆคน  ต้องขยัน ใส่ใจ และละเอียดอ่อน คาดการฟ้าฝนอากาศต้องเก่งด้วย😁
Anutida
ชีวิตลูกสาวเกษตรกร
มือใหม่หัดเขียน ติชมและเป็นกำลังใจได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ารับชมค่ะ🥰
โฆษณา