1 ก.ค. 2022 เวลา 04:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุป BIG DEBT CRISES EP 8.1
วัฎจักรหนี้พร้อมเงินฝืด
4 ภาวะตกต่ำ
ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยการลดดอกเบี้ยจะช่วยประคองเศรษฐกิจได้ เพราะกระตุ้นความมั่งคั่ง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดภาระหนี้ที่ต้องชำระ แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่ทำได้เมื่อดอกเบี้ยลดลงไปจนเหลือ 0%
ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำอาจเกิดได้จากความสามารถในการชำระหนี้ หรือปัญหาดด้านกระแสเงินสด เช่นองค์กรณือาจมีสินทรัพย์ที่เพียงพอแต่ไม่มีกระแสเงินสดมาชำระหนี้
การเข้าสู่ช่วงตกต่ำสามารถนำบทเรียนในอดีตมาแก้ไขได้ เช่นการอัดฉีดเงินทุน การแปลงมาเป็นของรัฐ แต่วิธีการเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เพราะวิกฤติหนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการกู้โดยธนาคารเงา(แหล่งเงินกู้ที่ไม่ได้ควบคุมโดยธนาคารกลาง)หรือเครื่องมือทางการเงินต่างๆ
มีการเข้าใจผิดว่าวิกฤตหนี้ที่เกิดขึ้นเกิดจากการโยกเงินไปอีกที่หนึ่ง ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมขาดสภาพคล่อง แต่ความจริงคือการไม่สอดคล้องกันของเงินที่มีอยู่ กับมูลค่ายสินค้าและบริการในระบบ หากธนาคารพิมพ์เงินหรือเพิ่มจำนวนเงินในระบบ จะทำให้เจ้าหนี้กังวลเรื่องเงินที่จะได้คืนนั้นมูลค่าจะลดลง
เงินส่วนใหญ่ที่อยู่ในระบบนั้นคือเครดิต เช่น เวลาคุณซื้อของด้วยเครดิต "คุณกำลังสัญญาว่าจะจ่ายคืนในอนาคต" ซึ่งไม่มีเงินจริงๆอยู่ในการตกลงกันมักจะมีแค่การสัญญา ถ้าคุณไม่สามารถจ่ายคืนได้ เครดิตก็จะหายไปหรืออีกอย่างคือความคาดหวังของเจ้าหนี้ที่จะได้เงินคืนในอนาคตได้หายไป
การที่ผู้คนพบว่าความมั่งคั่งของตนเองนั้นมาจากคำมั่นสัญญาที่จะได้รับเงินคืนในอนาคต เมื่อถึงตอนที่คำสัญญาไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเหล่านักลงทุนจะพยายามทดสอบความสามารถในการคืนเงินสด หากไม่สำเร็จจะเกิดความตื่นตระหนกทำให้คนเริ่มแห่ถอนเงินในธนาคาร และธนาคารจะขาดเงินสดทำให้ต้องเร่งทวงเงินคืนจากลูกหนี้ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการชำระหนี้
ความกลัวได้ถาโถมเข้าสู่เศรษฐกิจ ทำให้นำไปสู่ความต้องการเงินสด จนกระทั่งขาดแคลน เงินที่ผู้คนได้รับไม่เพียงพอต่อการใช้หนี้ ต้องนำทรัพย์สินไปขาย และลดการใช้จ่าย ทำให้ความน่าเชื่อถือของลูกหนี้ลดลง เพราะ
  • 1.
    มูลค่ากหลักทรัพย์ลดลง
  • 2.
    รายได้ต่อหนี้ลดลง
จากการลดลงของราคาสินทรัพย์ ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการลดลง แม้ว่าหนี้จะถูกปรับให้ลดลงแล้ว แต่ภาระหนี้ที่ต้องจ่ายเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนกับรายได้จะคงเท่าเดิมอยู่ ซึ่งไม่ได้ทำให้สถาการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด
โฆษณา