2 ก.ค. 2022 เวลา 06:21 • บันเทิง
Elvis
ตั้งแต่โควิดมาไม่ได้ชมภาพยนตร์ในโรงหนังเลย แต่สำหรับหนังอัตชีวประวัติของราชาแห่งร็อคแอนด์โรลคนนี้ แฟนพันธ์แท้อย่างเราคงพลาดไม่ได้ ตอนแรกยังอดคิดไม่ได้ว่าหนังจะเล่าเรื่องราวชีวิตของเอลวิสออกมาอย่างไร เพราะแทบไม่มีอะไรที่แฟนๆอย่างเราไม่เคยรับรู้มาก่อน อยากรู้ว่าผู้กำกับฝีมือขั้นเทพแบบ บาซ เลอมานน์ (Romeo&Juliat 2539, Moulin Rouge 2544)จะบอกเล่าอย่างไรให้ไม่ซ้ำกับหนังเอลวิสเรื่องอื่นๆที่เคยทำกันมา แล้วก็ต้องขอบอกว่าเกินคาดมากๆ
แน่นอนว่าเรื่องที่สร้างชีวิตจริงมันก็ต้องคงไว้ตามนั้น แต่เรื่องนี้กลับทวิสท์เล่าจากมุมมองของผู้พัน ทอม พาร์กเกอร์ ที่แฟนเพลงของเอลวิสส่วนใหญ่จะโทษว่าเขาเป็นคนที่เอาเปรียบและทำให้เอลวิสตกต่ำลงจนเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย(อันเนื่องมาจากการใช้ยา)ในวัยเพียง 44 ปี
ความสัมพันธ์แบบตัดกันไม่ขาดระหว่างผู้ที่ปั้นให้เขามีชื่อเสียง แต่กลับปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ เพียงเพื่อหวังเอาใจตลาดอเมริกันชน จนประกายดาราที่มาจากพรสวรรค์แท้จริงนั้นต้องหม่นหมองลงจนดับไปในที่สุด ทอม แฮงค์ เล่นบทผู้พันแบบสบายๆดูไม่ร้ายมากแต่ก็ดูไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ทั้งที่เป็นจากมุมมองของตัวเขาเอง
แฟนเอลวิสทุกคนคงรู้ว่าเอลวิสเป็นคนที่รักและติดแม่มากๆ เพลง That’s All Right Mama เพลงดังเพลงแรกของเขา ก็เป็นเพลงที่เอลวิสบันทึกเสียงเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับแม่แกลดิส ที่รักยิ่ง อิทธิพลเรื่องความเชื่อความศรัทธาในศาสนาก็มาจากแม่ของเขา ซีนที่เอลวิสกอดเสื้อผ้าของแม่ร่ำไห้เพราะศูนย์เสียเธอไปนั้นบอกเล่าว่าเขาศูนย์เสียความมั่นคงในจิตใจและศูนย์เสียตัวตนพร้อมกับการจากไปของเธอ
ในหนังให้ความสำคัญกับชีวิตวัยเด็กที่ถนนบีล ซึ่งเป็นถิ่นคนดำ เอลวิสหลงไหลในดนตรีแบบอาฟริกันอเมริกันเป็นอย่างมาก ฉากที่เด็กชายผิวขาวเข้าไปในโบสถ์เต๊นท์ของคนดำที่ยากจนซึ่งกำลังขับกล่อมเพลงกอสเปลกันอยู่จนพลังแห่งดนตรีนั้นเข้าสิงสู่ในเบื้องลึกของจิตใจเขาไปแล้ว ผู้กำกับยังเอาเพลงจากศิลปินดนตรีโซลและบลูส์มาตัดสลับกับเพลงของเขาอยู่อีกหลายๆตอนเพื่อเน้นย้ำให้เห็นว่านี่คือเพลงและดนตรีที่เป็นตัวจริงเสียงจริงของเอลวิสอีกด้วย
ออสติน บัทเลอร์ถึงแม้หน้าตาจะไม่หล่อเหลาทรงเสน่ห์เทียบกับตัวจริง แต่อารมณ์อินเนอร์กินขาด ท่าทาง แววตา น้ำเสียง ทำให้เราหลงลืมไปได้ว่าเขาคือเอลวิสตัวจริง พี่แกเล่นแบบทุ่มพลังเต็มที่ ทั้งร้องเต้นเล่นกีตาร์เหมือนมากๆขอยอมรับเลย ส่วนเสื้อผ้าหน้าผมก็หายห่วง ได้ข่าวว่าชุดของเอลวิสและพริสซิลล่า ภรรยาคนสวยออกแบบโดย Prada และ Miu Miu ด้วยนะ
เพลงที่นำมาประกอบทุกเพลง แน่นอนว่าเป็นเพลงของเอลวิส แต่ไม่ได้ใส่มาแบบลุ่นๆมีเรื่องราวและอารมณ์ที่เหมาะเจาะกับเรื่องราว มีการตัดต่อสลับฉึบฉับกับเพลงของศิลปินผิวดำที่มีอิทธิพลกับเอลวิส เพลง Unchained Melody ตอนไฟแนลก็มีการใช้ฟุตเตทการแสดงสุดท้ายของเอลวิสใส่เข้าไปต่อกันกับการแสดงของบัทเลอร์จนแยกไม่ออก
หนังมีการเล่นกับกราฟิก เล่นกับสไตล์เยอะมากจนดูแทบไม่ทัน บอกเลยว่าดูสนุกทั้งภาพ เสียงและดีไซน์ มีข้อด้อยอยู่บ้างคือหนังยาวมากถึงสองชั่วโมงครึ่งซึ่งอาจยาวไปสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนานุแฟนตัวจริงแบบเรา
โฆษณา