2 ก.ค. 2022 เวลา 08:40 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว The Northman โดย Filmment
คะแนนเฉลี่ยของ The Northman จาก Filmment
#เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวการล่าล้างแค้นของเจ้าชายแอมเล็ต หลังจากที่พ่อของเขาถูกญาติคนสนิทสังหารอย่างโหดเหี้ยมเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ ขณะที่แม่ของเขาถูกจับตัวไป เจ้าชายแอมเล็ตต้องระหกระเหินเดินทางเอาชีวิตรอด ก่อนที่เขาจะกลับมาทำตามคำสาบานที่เคยให้ไว้กับตัวเอง ซึ่งก็คือการล้างแค้นให้พ่อและช่วยแม่ของเขาจากพันธนาการ เพื่อกู้คืนเกียรติยศของครอบครัวให้ได้
ภาพยนตร์ล่าล้างแค้นที่เต็มไปด้วยส่วนผสมอันหลากหลาย
#ความเห็น
แม้ว่าเนื้อเรื่องย่อและการโปรโมตของภาพยนตร์นั้นจะนำเสนอ The Northman ออกมาในฐานะภาพยนตร์แอ็คชั่นทั่วไป แต่บอกกันตรงนี้ก่อนเลยครับว่า ภาพยนตร์เรื่อง The Northman ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน ด้วยการเล่าเรื่องที่เฉพาะตัวและส่วนผสมที่ผิดแปลกจากขนบของภาพยนตร์ทั่วไปครับ โดย The Northman นั้นขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยปมของการล้างแค้น ในขณะเดียวกันก็ฉาบเคลือบด้วยเทพนิยายนอร์สโบราณ และเรื่องราวแนวดาร์คแฟนตาซีอันเหนือธรรมชาติ
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมถูกบรรยากาศอันน่าหลงใหลของภาพยนตร์กลืนกินอย่างไม่มีเงื่อนไข จนทำให้ผมสามารถดำดิ่งไปกับเรื่องราวของภาพยนตร์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบครับ
บรรยากาศอันแสนเฉพาะตัวของ The Northman
ด้วยความที่ภาพยนตร์มีส่วนผสมของเรื่องราวจากหลายหลายแหล่งที่มา ทำให้ภาพยนตร์มีหลายเลเยอร์ให้ค้นหา ยกตัวอย่างเช่น ตัวผมเองไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับตำนานของเทพนอร์สหรือเรื่องราวของชาวไวกิ้งมากเท่าไรนัก ทั้งในเชิงของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ สงคราม วัฒนธรรม หรือกระทั่งพิธีกรรมศักดิ์สิทธิและความเชื่อที่ภาพยนตร์ใช้อ้างอิงในการเล่าเรื่อง แต่ผมก็ยังสามารถซึมซับกับองค์ประกอบอื่นของภาพยนตร์ได้อย่างไม่ขัดเขิน
แก่นกลางของภาพยนตร์โฟกัสที่การล้างแค้น
นอกจากนี้หากมองอย่างเป็นธรรมแล้ว เมื่อนำเอาภาพยนตร์เรื่อง The Northman มากะเทาะเปลือกออกแล้วเพ่งมองไปที่เส้นเรื่องหลักเพียงอย่างเดียวก็จะพบว่า ภาพยนตร์มีการดำเนินเรื่องที่เรียบง่ายอันว่าด้วยการล้างแค้นของตัวละครหลักเพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ องค์ประกอบโดยรอบของภาพยนตร์จึงเป็นดั่งส่วนเสริมที่หากใครกินเป็น ก็น่าจะเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น แต่หากเป็นเมนูที่ไม่ถูกปาก ก็สามารถเลือกมองข้ามไปได้โดยที่ยังสามารถเข้าใจเส้นเรื่องหลักได้เช่นกัน
จากส่วนผสมที่หลากหลายของภาพยนตร์ ทำให้ The Northman กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีการเล่าเรื่องอันแสนเฉพาะตัว แต่สิ่งที่แลกมาก็คือความแบนราบไร้มิติของตัวละครครับ
ตัวละครหลักของภาพยนตร์ที่ไม่ได้ถูกสำรวจมากนัก
นอกจากความแค้นภายในจิตใจของเจ้าชายแอมเล็ตแล้ว ผู้ชมไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิด ตัวตน รวมถึงการเติบโตขึ้นของตัวละครนี้เลย นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังมีความขัดแย้งกันในตัวเอง โดยเฉพาะการสร้างตัวละครอย่างแอมเล็ตให้เติบโตมาเป็นนักรบไวกิ้ง ที่พร้อมจะล่าสังหารและบุกรุกดินแดนของผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยม ทั้งที่ตัวเขาเองก็เคยเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำแบบเดียวกันมาก่อนในวัยเด็ก จึงทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนและไม่รู้ว่าจะนิยามความเป็นตัวละครนี้อย่างไร
แต่ถึงกระนั้นภาพยนตร์ก็ยังสามารถสร้างโมเมนต์ที่ยอดเยี่ยมให้กับเรื่องราวได้ ด้วยการเปิดเผยเรื่องราวชวนช็อคที่ผู้ชมคาดไม่ถึงเกี่ยวกับอดีตของเจ้าชายแอมเล็ต แต่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์ไม่สามารถหยิบเอาเรื่องราวดังกล่าวมาท้าทายจิตใจอันดำมืดของตัวละครได้มากเท่าไรนัก
แม่และราชินีผู้กุมความลับของเจ้าชายแอมเล็ต
ทุกอย่างของภาพยนตร์ถูกถ่ายทอดผ่านงาน Production ที่ยอดเยี่ยม โดดเด่นที่สุดก็คือการกำกับภาพ ที่สามารถออกแบบการเคลื่อนกล้องรวมถึงแสงและเงา ให้สอดรับกับการเล่าเรื่องได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีฉาก Long Take ที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ในภาพยนตร์ได้อย่างลงตัวอีกด้วย
ขณะที่ฉากแอ็คชั่นของภาพยนตร์นั้นแม้จะมีให้เห็นไม่มากนัก แต่ทุกฉากล้วนผ่านการคิดและออกแบบอย่างสร้างสรรค์ โดยสามารถถ่ายทอดความดิบเถื่อนของเหล่าตัวละครออกมาได้อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้งาน Production Design หรือการออกแบบฉากยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถใช้สถานที่ในการถ่ายทำได้อย่างคุ้มค่า เมื่อผสมรวมกับจังหวะการตัดต่อที่ไม่ได้รวดเร็วจนเกินไป และเพลงประกอบอันทรงพลังของภาพยนตร์ จึงทำให้ภาพรวมของ The Northman นั้นเป็นประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งเรื่องของปีนี้
อีกหนึ่งประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยม
ถึงตรงนี้ก็คงต้องย้ำกันอีกสักครั้งครับว่า ภาพยนตร์เรื่อง The Northman นั้นไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมถูกภาพยนตร์ลักพาตัวเข้าไปยังโลกที่มันสร้างขึ้นได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ด้วยองค์ประกอบที่แปลกใหม่ของภาพยนตร์แนวล้างแค้น ที่ผสมผสานเข้ากับเทพนิยายปรัมปราและเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ นอกจากนี้ยังถ่ายทอดทุกอย่างออกมาอย่างมีศิลปะที่ไม่ได้เข้าถึงได้ยากจนเกินไปนัก ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง The Northman กลายเป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ไปแบบไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกวันนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง The Northman นะครับ เพราะฉะนั้นหากผู้อ่านท่านไหนยังไม่ได้รับชมสามารถข้ามไปก่อนได้เลยครับ และประเด็นตกผลึกที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
จงฉลาดพอที่จะเป็นคนโง่
Heimir the Fool
นักบวชผู้มอบแง่คิดสำคัญ
คำพูดดังกล่าวเป็นคำสอนของนักบวชคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ทำพิธีกรรมลึกลับให้กับเจ้าชายแอมเล็ตและพ่อของเขาในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งในพิธีกรรมดังกล่าวนั้น แอมเล็ตต้องกล่าวคำปฏิญาณมากมาย แต่ประโยคที่สะกิดใจผมที่สุดก็คือ จงฉลาดพอที่จะเป็นคนโง่ ซึ่งมันสามารถตีความได้ในหลากหลายแง่มุมครับ แต่หากแปลอย่างตรงตัวให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ การทำตัวให้เหมือนแก้วเปล่าที่พร้อมจะรับข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอนั่นเอง โดยประโยคดังกล่าวก็ส่งผลกับเรื่องราวในหลายมิติเช่นกันครับ
การที่แอมเล็ตเติบโตขึ้นมาในฐานะเจ้าชายและเป็นทายาทโดยตรงของกษัตริย์นั้น ทำให้เขาไม่เคยมองเห็นภัยร้ายที่อยู่ใกล้ตัวเลยครับ ซึ่งภัยร้ายดังกล่าวก็คือ เฟียร์เนอร์ อาแท้ๆ ของเขา ผู้วางแผนลอบสังหารพ่อของแอมเล็ตอย่างโหดเหี้ยม พร้อมกับบีบบังคับให้แม่ของเขามาเป็นภรรยาโดยที่เธอไม่เต็มใจ และขึ้นครองราชย์ในฐานะกษัตริย์คนใหม่ในทันที นั่นจึงทำให้เจ้าชายแอมเล็ตสัญญากับตัวเองว่า เขาจะต้องล้างแค้นให้พ่อ เขาจะต้องช่วยแม่ และเขาจะต้องฆ่าเฟียร์เนอร์ให้ได้
ครอบครัวที่แตกสลายของเจ้าชายแอมเล็ต
เมื่อแอมเล็ตเติบโตขึ้น เขากลายเป็นนักรบไวกิ้งผู้โหดเหี้ยม และมีฝีมือในการรบแบบไม่เป็นสองรองใคร จนกระทั่งเมื่อสบโอกาส แอมเล็ตจึงปลอมตัวเป็นทาสเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับอาของเขาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเริ่มภารกิจชำระแค้นเพื่อทวงคืนเกียรติยศให้กับพ่อของเขาอีกครั้ง
ก่อนที่แอมเล็ตจะได้ค้นพบกับความจริงอันโหดร้าย เมื่อแม่ของเขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารพ่อของเขาเอง ขณะที่เธอก็เต็มใจที่จะอยู่กับอาของเขามาตั้งแต่แรก นอกจากนี้แอมเล็ตยังได้ค้นพบว่า แม่และพ่อของเขาไม่เคยรักกันเลย หากแต่ทั้งคู่แต่งงานกันเพราะพ่อของเขาต้องการจะมีลูกสืบสกุลเท่านั้น นั่นหมายความว่าความเชื่อที่แอมเล็ตยึดมั่นถือมั่นมาตั้งแต่เด็กว่า พ่อของเขาคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และเขาถูกหักหลังจากน้องชายแท้ๆ ของตัวเองนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดครับ
ผู้อยู่เบื้องหลังของแผนการร้าย
โดยประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเรื่องที่แม่ของเขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยถ้าแอมเล็ตนั้นฉลาดพอที่จะโง่ในเรื่องนี้ มันก็จะทำให้เขาหาคำตอบถึงปูมหลังที่แท้จริงของตัวเขาเอง แทนที่จะมุ่งอยู่แต่การล้างแค้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นอกจากมุมมองของการเรียนรู้และหาคำตอบแล้ว ประโยคที่ว่า จงฉลาดพอที่จะเป็นคนโง่ ยังถูกท้าทายในมิติของศักดิ์ศรีด้วยเช่นกันครับ เมื่อภาพยนตร์มอบทางเลือกสำคัญให้กับแอมเล็ตตามคำทำนายของนักบวชที่ว่า แอมเล็ตจะต้องเลือกระหว่างความเมตตาต่อสายเลือด หรือความเกลียดชังที่มีต่อศัตรู
เจ้าชายแอมเล็ตกับความรักครั้งแรกของชีวิต
โดยแอมเล็ตมีโอกาสอันดีที่จะหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนรักอย่าง โอลก้า แม่มดสาวที่ตั้งท้องลูกแฝดของเขาอยู่ แต่เขากลับเลือกที่จะชำระแค้นให้กับพ่อของตัวเอง จนสุดท้าย แม้ว่าแอมเล็ตจะสามารถล้างแค้นได้สำเร็จ แต่เขาเองก็พลาดท่าเสียชีวิตระหว่างการศึกเช่นกัน
ในมุมหนึ่งประโยคที่ว่า จงฉลาดพอที่จะเป็นคนโง่ นั้นยังอาจหมายถึง จงฉลาดพอที่จะลดอัตตาของตัวเองด้วยเช่นกันครับ เพราะหากแอมเล็ตเลือกที่จะยอมแพ้ในศึกครั้งนี้ แม้ว่าความแค้นของเขาจะไม่ได้ถูกชำระ แต่มันก็แลกมากับการที่เขาและโอลก้าจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยมีเลยนับตั้งแต่พ่อของเขาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
สิ่งที่เจ้าชายแอมเล็ตต้องยอมแลกกับศักดิ์ศรีและชัยชนะ
ทางเลือกที่แอมเล็ตได้รับนั้นจึงเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนมาถึงผู้ชมครับว่า บางครั้งการเลือกที่จะยอมแพ้ ยอมเป็นคนโง่ หรือยอมโดนดูถูกว่าเป็นคนที่ไร้ศักดิ์ศรี มันก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดก็เป็นได้ เพราะความไม่รู้ย่อมนำมาซึ่งการหาคำตอบเสมอ ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
#TheNorthman #HouseSamyan #Filmment
โฆษณา