Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สปอยนิยาย แฟนตาซีกำลังภายใน
•
ติดตาม
2 ก.ค. 2022 เวลา 13:31 • นิยาย เรื่องสั้น
สปอยนิยาย เทพยุทธ์เหนือโลก ตอนที่ 1: ผู้รับใช้
รุ่งอรุณของวันใหม่ เฉิงเฟิงตื่นขึ้นในช่วงเช้ามืด เขาล้างหน้าจัดระเบียบความเรียบร้อยของเตียงนอนก่อนจะถือไม้กวาดที่อยู่ในมุมหนึ่งของห้องเล็กๆ
และเดินออกมาเพียงผู้เดียว เขายืนอยู่ที่หน้าประตู ดวงตาทั้งคู่มองไปยังท้องฟ้าสีเทายามเช้า ก่อนที่เขาจะปิดนัยย์ตาสูดหายใจลึกๆ
เพื่อซึมซับอากาศที่บริสุทธิ์และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งความสงบสุขในยามเช้า จากนั้นเขาได้ลืมตาพร้อมกุมกระชับไม้กวาดในมือ
และเริ่มทำความสะอาด กวาดพื้นที่รอบๆที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่น เศษซากของวิเศษและใบไม้ที่ร่วงโรยลงมา
เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีน้ำเงินที่มีความเรียบง่ายและสะอาด ริ้ว รอยเสื้อผ้าที่จางลงจากการสวมใส่ด้วยระยะเวลายาวนานทำให้เด็กหนุ่มเช่นเขาดูมีอายุมากขึ้น
กระดูกสันหลังของเฉิงเฟิงยึดตรง แม้ว่าเขากำลังทำงานที่อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดแต่ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างพิถีพิถันซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจในการทำงานอย่างยิ่ง
การกระทำของเขานิ่งสงบดุจธาราสองมือที่จับกุมไม้กวาดออกแรงตวัดเพียงเล็กน้อยเขาหมุนข้อมือทั้งสองไปมา ไม้กวาดที่อยู่ในมือจึงเปรียบเสมือนแขนทั้งสองที่กระทำอย่างคล่องแคล่ว
จากการก้าวเดินและการขยับไปมาของร่างกาย เศษซากของวิเศษและเศษฝุ่นที่สะสมอยู่บนพื้นดินได้เคลื่อนไหวไปมาพร้อมกับเขา ราวกับว่ามันมีชีวิตเฉิงเฟิงเป็นศิษย์ฝึกหัดแห่งหอประลองยุทธ์หลิงชิว
สามปีก่อนเขาได้เข้ามาในสำนักและเริ่มฝึกฝนวิชายุทธ์ แต่จนถึงบัดนี้เขายังคงฝึกยุทธุ์อยู่ในขั้นกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 ศิษย์คนอื่นๆที่เข้าสำนักพร้อมกับเขาต่างฝึกฝนวิชายุทธ์อยู่ในระดับขั้นสูง
ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนต่างได้รับโอกาสอันแสนวิเศษ เข้าสู่ สำนักนิกายอื่นๆ ที่อยู่ในระดับสูง แต่ตัวเขาเองกลับทำได้เพียงถอนหายใจอย่างสิ้นหวังอยู่ทุกวันอยู่ร่ำไปสามปี
กายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 ระดับการฝึกยุทธ์เช่นนี้ไม่สามารถใช้คำพูดธรรมดาอธิบายพรรณนาได้ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเขานั้นโง่เขลายิ่งนัก เมื่อโง่เขลาไร้สติปัญญาเช่นนี้
เฉิงเฟิงจึงทำได้เพียงรับหน้าที่ผู้รับใช้กวาดทำความสะอาด บริเวณด้านนอกอย่างขยัน ขันแข็งเพื่อให้ตนเองสามารถดำรงชีวิต ฝึกฝนวิชายุทธ์อยู่ใน
หอประลองยุทธ์หลิงชิวแห่งนี้ต่อไป หอประลองยุทธ์หลิงชิวเป็นสำนักที่วิเศษกว่าสำนัก อื่นๆ เพราะเอกลักษณ์ที่วิเศษเช่นนี้จึงทำให้ศิษย์ที่อยู่ในระดับ ล่างต่างแข่งขันแย่งชิงอย่างเหี้ยมโหด ภายในสำนักหลิงชิว แห่งนี้ ผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นจึงจะสามารถไต่เต้าไปยัง ระดับที่สูง ผู้ไร้ซึ่งความสามารถจะถูกกำจัดออกไป ผู้อ่อนแอที่ อาศัยอยู่ภายในสำนักหลิงชิวจะถูกหมายหัวและถูกกำจัด ออกจากการแข่งขันทั้งหมด
ในสำนักอื่นๆ ยังมองเห็นมิตรภาพจากการช่วยเหลือของพี่น้อง มิตรสหายทั้งหลาย แต่ภายในสำนักหลิงชิวแห่งนี้ไม่มีคำว่ามิตรภาพ !! หากท่านต้องการเดินทางไปยังระดับที่สูงสุด เพื่อ บรรลุเป้าหมายที่ตนเองตั้งไว้ มีเพียงการเหยียบย่ำพี่น้องมิตร สหายทั้งปวง และ ก้าวผ่านเลือดอันบริสุทธิ์ของพวกเขา แล้วตัวของท่านจะกลายเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติทั้งปวงระบบที่เข้มงวดของหอประลองยุทธ์หลิงชิว เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วราชวงศ์ฮั่น
แม้ไม่ได้เป็นสำนักที่มีขนาดใหญ่ แต่ความโหดเหี้ยมในการแข่งขันแย่งชิงของศิษย์สาวกของพวกเขาไม่เป็นสองรองใครทั้งสิ้น !! ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ท าให้ทักษะการต่อสู้ของศิษย์แต่ละคนมีความโหดร้าย ดุดัน และแข็งแกร่ง เมื่อพวกเขาเดินทางออกมาท่องยุทธภพ ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างความโกรธเคืองให้แก่พวกเขาแม้แต่น้อยหอประลองยุทธุ์หลิงชิวมีกฎที่ศักดิ์สิทธิ์ 1 ข้อ ศิษย์ที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามายังหอประลองยุทธ์หลิงชิว ภายในระยะเวลา 3 ปี เป็นการทดสอบการฝึกยุทธ์ของพวกเขา
ความเป็นอยู่เสื้อผ้าอาภรณ์อาหารต่างๆ จะเป็นความ รับผิดชอบของหอประลองยุทธ์หลิงชิว ศิษย์ที่เข้ามามีหน้าที่ มุ่งเน้นการฝึกยุทธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในระยะเวลาภายใน สามปี ถ้าหากสามารถฝึกยุทธ์จนก้าวผ่านขันกายาเริงอารมณ์ ขั้นที่ 3 จะสามารถก้าวไปสู่ส านักหรือนิกายที่ยิ่งใหญ่และเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายหรือสำนักนั้นๆ ได้ เพื่อให้ยอดฝีมือเหล่านั้นสอนวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งให้แก่พวกเขา
แต่กระนั้นศิษย์ที่สามารถก้าวผ่านขั้นกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 สามารถเลือกจะไม่เข้าสู่นิกายหรือสำนักต่างๆ และฝึกฝนวิชายุทธ์ด้วย ตนเอง แต่วิธีการปฏิบัติในการฝึกยุทธ์ มีอาจารย์ที่ให้คำปรึกษาคำแนะนำ การหาแนวทางของตนเองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากขอบเขตการชี้วัดมาตรฐานเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าหอประลองยุทธ์หลิงชิวยังมีกฏที่มีความยืดหยุนและเสรีภาพใน การเลือกเส้นทางชีวิตของตน
ในช่วงระยะเวลาสามปีถ้าหากศิษย์นั้นยังไม่สามารถก้าวผ่านขั้น กายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 เขาผู้นั้นจะถูกขับออกจากหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว หรือถูกลดระดับกลายเป็นศิษย์ฝึกหัด ศิษย์ฝึกหัดคือสถานะปัจจุบันของเฉิงเฟิง ! นอกจากนี้เขายัง เป็นความอัปยศของหอประลองยุทธ์หลิงชิว เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่นๆ ศิษย์ฝึกหัดมีสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันอย่างมากเพราะเขาเดินทางมาถึงจุดนี้อาหารการกิน เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ต้องจัดหาและจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง
3
หอประลองยุทธ์หลิงชิวจะไม่ยอมสูญเสียทรัพยากรใดๆ ในการฝึกสอนให้แก่เขาแม้แต่น้อย เมื่อถูกลดระดับให้เป็นเพียงศิษย์ฝึกหัด ชั่วชีวิตของเขาจะไม่มีวันโงหัวขึ้นมาจากความอัปยศนี้ นอกจากในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาจะสามารถแสดงอำนาจพลังที่แข็งแกร่งของเขาอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้หอประลองยุทธ์หลิงชิวเห็นว่าเขามีคุณสมบัติคู่ควรที่จะเข้าสู่นิกายหรือสำนักอื่นๆ หอประลองยุทธ์หลิงชิวมีศิษย์ทั้งหมด 3000 คน แล้วศิษย์
ฝึกหัดล่ะมีกี่คน ? ศิษย์ฝึกหัดมีทั้งหมดไม่ถึง 10 คน ! เฉิงเฟิงเองมีโชควาสนาที่เลวร้ายอยู่ในกลุ่มคนของศิษย์ฝึกหัดที่ต้อยต่ำศิษย์ฝึกหัดที่ต้องการใช้ชีวิตรอดอยู่ในหอประลองยุทธ์ต่อไปมีความยากยิ่งเฉกเช่นการเดินทางไปยังฟ้าสวรรค์ เช่นที่อยู่อาศัยปัจจุบันของหยางไค่ เป็นกระท่อมเล็กๆ ที่เขาสร้างขึ้นจากท่อนไม้เก่าๆ หลังคาของกระท่อมเป็รูรั่วเล็กๆ หลายจุด ซึ่งตัวเขา เองยังไม่มีเวลาจัดการซ่อมแซม
เมื่อฝนตกลงมาภายในกระท่อมเล็กๆ จะเปียกชื้นและยากต่อการระบายน้ำออกไปเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อผ้าที่เขาซื้อเอง อาหารที่เขากินประจำทุกวันยังเป็นเขาเองที่จัดการทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างจะ เป็นตัวเขาเองที่ต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียวแม้แต่สถานที่ตั้งของกระท่อมเล็กๆ ยังเป็นสถานที่ห่างไกลจาก หอประลองยุทธ์และเป็นสถานที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ไม่มีแม้แต่คนย่างกรายเข้ามาจากการปฏิบัติที่โหดร้ายเช่นนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนทั่วไปไม่สามารถจะทนต่อไปได้
นี้ยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมศิษย์ฝึกหัดแห่งหอประลองยุทธ์หลิงชิวมีจำนวนที่เล็กน้อยเช่นนี้ ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ทดลองฝึกวิชายุทธ์และไม่สามารถก้าวผ่านขั้นดับชีพกายา พวกเขาต่างเลือกที่จะออกไปจากหอประลองยุทธ์แห่งนี้ แต่เฉิงเฟิงเลือกที่จะอยู่ต่อเมื่อถูกผู้คนขับไล่ออกจากสำนัก แล้วถูกกระทำเช่นนี้จะเป็นไรไปเล่า ?ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อถูกลดระดับลงให้เป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดเฉิงเฟิงถูกมอบหมายให้รับงานผู้รับใช้ที่กวาดบริเวณด้านนอก
เพื่อให้ตนเองสามารถยืนหยัดในหอประลองยุทธ์หลิงชิวแห่งนี้ต่อไปหรืออาจะกล่าวได้ว่าเฉิงเฟิงเป็นศิษย์ฝึกหัดแห่งหอประลองยุทธ์หลิงชิว และยังเป็นผู้รับใช้ที่กวาดบริเวณด้านนอกอีกด้วย แต่การเป็นผู้รับใช้กวาดทำความสะอาดเช่นนี้ บางครั้งมันไม่สามารถบรรเทาความหิวโหยและความอบอุ่นของเฉิงเฟิง หลายครั้งที่ต้องอดมื้อกินมื้อ เมื่อมีอากาศที่หนาวเย็นพัดผ่านไม่มีใครเลยที่กล่าวถามความความเป็นอยู่ที่ทุกข์ทรมาณเช่นนี้
ซึ่งทำให้เขาต้องใช้ชีวิตผ่านไปทุกๆวันด้วยความโดดเดี่ยวอ้างว่างและน่ารันทด แต่ชีวิตต้องพบเจอกับความยากลำบากเช่นนี้ เฉิงเฟิงไม่เคยมีความคิดที่จะก้าวถอยหลังและออกจากหอประลองยุทธ์หลิงชิว เมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มีระยะเวลาที่น่าตื่นเต้น เส้นทางชีวิตที่ตนเองเลือกที่จะก้าวเดิน ต้องอดทนและก้าวเดินต่อไป การยอมแพ้ในระหว่างทางไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายควรกระทำเฉิงเฟิงมีนิสัยที่ดื้อรั้น
เมื่อมันไม่ใช่อุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ นักหนาสาหัสเจียนตาย เขาจะไม่มีวันหันหลังกลับไปแน่ !!เฉิงเฟิงกวาดฝุ่นออกจากพื้นที่บริเวณรอบๆ ทุกๆ พื้นที่ต่างสะอาดเรียบร้อย ไม่เหลือไว้แม้แต่ร่องรอยของเศษฝุ่น ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นมาทีละนิดแม้ว่าการกวาดพื้นไม่ได้ใช้พลังงานมากมาย แต่ว่าการที่ไม่มีอาหารใดๆตกถึงท้องตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้ร่างกายของเฉิงเฟิงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ซึ่งสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงทั้งหมดเป็นเพราะร่างกายที่อ่อนแออาหารสามมื้อ ได้กินเพียงสองมื้อ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเฉิงเฟิงร่างกายของพวกเขาต้องอ่อนแออย่างแน่นอนเมื่อเวลาผ่านไป เหล่าศิษย์ของหอประลองยุทธ์หลิงชิวต่างรวมกลุ่มกัน ศิษย์เหล่านี้ต่างตื่นเข้ามาในเวลาเช้าตรู่ แต่พวกเขาไม่ไปฝึกยุทธ์ทันทีแต่กลับมาล้อมรอบร่างกายของเฉิงเฟิงสายตาของพวกเขาประกายความสนใจต่อเฉิงเฟิง สายตาของ
คนบางคนกลับประกายด้วยความโลภ
เสมือนว่าเฉิงเฟิงเป็นหญิงงามที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนจนทำให้พวกเขาต้องจ้องมองอย่างไม่วางตาและต้องการที่จะอยู่ที่นี้ต่อไปแต่บรรยากาศที่เหล่าศิษย์แห่งหอประลองยุทธ์ล้อมรอบเฉิงเฟิงยังเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ขุ่นมัว และยังมีบรรยากาศแห่งการแย่งชิงแข่งขันประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาทั้งหมดต่างมองไปยังศิษย์ที่อยู่รอบๆ ตัวด้วยความระมัดระวังและลักษณะที่ไม่เป็นมิตรต่อกันคนที่อยู่ในฝูงชนทนต่อความหน้าด้านของตนเองไม่ได้จึงกล่าวเบาๆ :
“คนมากมายเช่นนี้ รู้สึกมันจะมากเกินไป ”ฉับพลันมีคนกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว : “เจ้าคิดว่าเยอะไป เจ้าก็เดินออกไปซะ ไม่มีใครต้องการให้เจ้าอยู่ต่อ ”คำพูดที่กล่าวออกมาทำให้เขาคนนั้นไม่กล้าที่จะโต้แย้งอีก ทุกคนต่างรู้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงมารวมตัวอยู่ที่นี้ ทำไมพวกเขาจึงจ้องมองไปยังเฉิงเฟิง เพราะพวกเขากำลังรอเวลาที่กำลังจะมาถึง อีกไม่นานจะถึงเวลาที่พวกเขารอคอย ถ้าออกไปจากตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียดายหรือไง ? ถ้าหากสามารถคว้า
รางวัลแรกมาได้ ในวันนี้จะเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ดีที่สุดความเคลื่อนไหวรอบๆ บริเวณ เฉิงเฟิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนแต่การแสดงออกของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขบวนแห่เช่นนี้
เขาเองต้องพบเจอกับมันทุก 5 วันต่อ 1 ครั้ง 1 เดือน ใน 1 เดือน เขาต้องพบเจอกับมันถึง 6 ครั้ง ซึ่งมันไม่ได้ท าให้เขารู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย นอกจากนั้นเขายังสังเกตเห็นจำนวนของฝูง
ชนที่อยู่ด้านหน้าลดลงไปอย่างมาก
อาจเป็นเพราะพวกเขายังไม่มารวมกันทั้งหมดดังนั้นเขาจึงกวาดบริเวณด้านนอกเรื่อยๆ เขาไม่สนใจเหล่าฝูงชนที่อยู่รอบๆ บริเวณ เขากวาดไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้นจากการเคลื่อนไหวของเวลา หลังจากนั้นไม่นานมากนัก ฝูงชนที่อยู่รอบๆ บริเวณ หยางไค่ เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการ
ประมาณการคร่าวๆ ในตอนนี้ฝูงชนน่าจะมีประมาณ 30-40 คนทันใดนั้น เฉิงเฟิงหยุดการเคลื่อนไหว เขานั่งลงในช่วงกลาของถนน และสูดลมหายใจเข้าไป
เพื่อเรียกคืนความแข็งแกร่งทางกายภาพให้แก่ร่างกายของตนเองเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวเช่นนี้ ฝูงชนที่รวมตัวอยู่บริเวณรอบของเฉิงเฟิงได้แยกย้ายออกจากกันทันที พวกเขาได้ล้อมรอบให้เขาอยู่ตรงกลาง บรรยากาศการแข่งขันที่ตึงเครียดได้เข้าสู่ในระดับใหม่อย่างกะทันหัน แม้แต่การไหลเวียนของอากาศยังหยุดนิ่งทันทีเหล่าศิษย์ที่อยู่ในบริเวณนี้ไม่มีใครมองหน้าใคร พวกเขาต่างมองไปยังเฉิงเฟิงที่นั่งอยู่บนพื้นถนนถ้าบุคคลอื่นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้
พวกเขาต้องเข้าใจผิดว่าผู้ที่อยู่ศูนย์กลางต้องเป็นผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นผู้คนที่มากมายจะล้อมรอบเขาเพื่อเผชิญหน้ากับเขาเช่นนั้นทำไม ? แต่ในความเป็นจริง เฉิงเฟิงเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดที่อยู่ในการบ่มเพาะร่างกายในขั้นที่ 3 เท่านั้น ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างแข็งแกร่งกว่าเขาทั้งหมด“เฉิงเฟิง เจ้าอย่าพยายามอีกเลย อีกประเดี๋ยว พวกเราจะประชาทัณฑ์เจ้าเอง ทุกคนต่างต้องรักษาเวลาไม่ใช่หรือไง ? ”
เมื่อเห็นเฉิงเฟิงเป็นเช่นนี้ มีบางคนที่รู้สึกเหยียดหยาม ดูหมิ่นเขาทันทีมีการบ่มเพาะวิชายุทธ์เพียงกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 จะพยายามฝึกยุทธ์ให้ตนเองผงาดขึ้นมาอีกทำไม ? ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็แพ้อยู่ดี ยอมแพ้ตั้งแต่แรกมันดีกว่า มีเหตุผลอันใดที่ต้องอุดอู้อยู่ที่นี้ต่อไป ?
“ใช่ ใช่ ใช่ เฉิงเฟิงโปรดพิจารณาเข้าใจความรู้สึกของเหล่าพี่น้องทั้งหลายด้วยซิ พี่น้องทั้งหลายนั้นไม่เหมือนกับเจ้าหลังจากประลองยุทธ์ในครั้งนี้ พวกข้าทั้งหลายยังต้องฝึกฝนบ่มเพาะวิชายุทธ์ต่อไป ”
คำกล่าวเช่นนี้เสมือนว่าเฉิงเฟิงกำลังชนะการประลองยุทธ์กับพวกเขา การกระทำของหยางไค่ที่กำลังพักฟื้นเพื่อฟื้นฟูพลังภายในนั้นดูเหมือนว่าเฉิงเฟิงไม่ให้เกียรติพวกเขาเฉิงเฟิงไม่สนใจคำกล่าวที่ทะลักทะลวงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขายังคงนิ่งสงบ เสมือนว่าเขาเป็นพระอรหันต์ที่สงบเยือกเย็นเวลายังคงผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฉับพลัน เสียงระฆังที่มีความไพเราะดังกังวานไปทั่วทุกแห่งหน
เสียงระฆังที่ไพเราะเป็นเสียงระฆังยามเช้าของหอประลองยุทธ์หลิงชิว เมื่อทุกคนได้ยินเสียงระฆัง เหล่าศิษย์ที่ล้อมรอบเฉิงเฟิงต่างตื่นตกใจอย่าง
กะทันหันเสียงระฆังดังกังวานทั้งหมด 9 ครั้ง ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทางทิศตะวันออก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการเริ่มต้นวันใหม่สุ่มเสียงของทุกคนหยุดลงในทันที สายตามุ่งกระหายไปยังเฉิงที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง หยางไค่ลุกขึ้นช้าพร้อมหยิบไม้กวาดที่อยู่ข้างลำตัว สายตาที่เย็นชาของเขาเหลือบมองไปยังฝูงชนที่อยู่รอบๆตัวเขา“เลือกข้าซิ ศิษย์พี่เฉิง ”
เสียงตะโกนดังแว่วออกมา : “ข้าลงมือเบามาก รับรองว่าข้าจะไม่ทำให้ศิษย์พี่เจ็บตัวแน่นอน ”
“โกหก ! เลือกข้าสิ ข้าจะมอบความเมตตาให้แก่เจ้า ข้าจะทำให้ทุกอย่างจบในหมัดเดียว ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ทุกท่านต้อง
เสียเวลา ”
“เลือกข้า ………..”
“เลือกข้า ………..”
ทั่วไปบริเวณมีเสียงตะโกนอึมครึมมาทันที เสมือนว่าพวกเขากำลังขายผักปลาในตลาดสดและก าลังแย่งชิงในการเสนอผักปลาให้แก่ลูกค้า“เฉิงเฟิง เจ้าจะทำลายกฎที่ตัวเจ้าตั้งขึ้นมาเองหรือยังไร ! ”
มีบางคนกล่าวตักเตือนขึ้นมาเฉิงเฟิงแสะยิ้มเบาๆ พร้อมโยนไม้กวาดในมือขึ้นสู่ท้องฟ้าดวงตาหลายสิบคู่ต่างจับจ้องไปยังไม้กวาดที่กำลังร่วงหล่นลงมาบนพื้น พวกเขาต่างคาดหวังและรอคอยให้ไม้กวาดหันมายังด้านหน้าของพวกเขา : “เลือกข้า เลือกข้า ”เวลาเริ่มชะลอตัวอย่างช้าๆ ไม้กวาดหมุนวนอยู่บนอากาศหลายรอบ ก่อนจะลตกลงสู่พื้นดินและกลิ้งไปมา จนในที่สุดมันได้หยุดการเคลื่อนไหวลงหัวของไม้กวาดได้ชี้ไปยังเยาวชนรุนเยาว์คนหนึ่งที่มีร่างกายก่ำย่ำใหญ่โตเสียงโห่ร้องจากความเสียดายดังระงมไปทั่ว
แต่เยาวชนรุ่นเยาว์ที่มีร่างกายก่ำย่ำกลับหัวเราะออกมาดัวยเสียงอันดัง เขารีบวิ่งออกจากกลุ่มฝูงชน กอดอกและกล่าวต่อทุกคน : “ศิษย์พี่ ศิษย์น้องทุกท่าน การต่อสู้ในวันนี้เป็นหน้าที่ของข้า หวังหวังทุกท่านจะไม่กล่าวโทษต่อข้า ”
“เหอะ โชคเข้าข้าง ! ” มีคนริษยาเป็นจำนวนมาก
“ทำไมไม่เป็นข้า ทำไมไม่เลือกข้า ข้ามาตลอดทุก 5 วัน มาที่นี้ 1 เดือนเต็มๆ เฉิงเฟิงเจ้าตั้งใจใช่ไหม ? ”
“อย่ากล่าวเลย ข้ามาที่นี้ถึง 3 เดือน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ข้าจะ
ถูกเลือก !! ”
“ศิษย์พี่ ข้านั้นโชคร้ายกว่าท่านเสียอีก ”
“ไม่เลย ไม่เลย ความสนุกก าลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ” ศิษย์พี่น้องทั้งสองสบตากันและแอบยิ้มอยู่ในหัวใจของพวกเขาอย่างแผ่วเบาในลานประลอง ศิษย์คนอื่นๆ ได้แยกย้ายออกจากกัน เหลือเพียงเฉิงเฟิงที่เผชิญหน้ากับเยาวชนรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่มีร่างกายก่ำย่ำ
“ศิษย์ฝึกหัดเฉิงเฟิง กายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 ! ” หยางไค่กล่าวตะโกนต่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้าของเขา
“ศิษย์สามัญ โจวติงจวน กายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 5 ! ”
เยาวชนรุ่นเยาว์ที่มีร่างกายก่ำย่ำได้กล่าวแนะนำตนเองศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวมีการจัดอันดับชั้น จากระดับล่างสุดเรียงขึ้นไปยังระดับสูงสุด ระดับที่ 1 ศิษย์ฝึกหัด ระดับที่ 2 ศิษย์สามัญ ระดับที่ 3 ศิษย์ชั้นกลาง ระดับที่ 4 ศิษย์ชั้นสูง ระดับที่ 5 ศิษย์ผู้แกร่งกล้า ซึ่งมีทั้งหมด 5 ระดับโจวติงจวนกล่าวว่าตนเองเป็นศิษย์สามัญ นั้นหมายความว่าเขายังไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักอื่นๆ และยังไมได้รับค ากล่าวแนะนำใดๆ จากใคร ถ้าหากเขาประสบความสำเร็จ เขาสามารถเลือก
เข้าสู่สำนักอื่นๆ
กราบคำนับอาจารย์ของสำนักอื่นเป็นอาจารย์ของตนเอง ซึ่งต้องเป็นศิษย์ชั้นกลาง ศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งความสามารถมากว่าศิษย์ชั้นกลางคือศิษย์ชั้นสูง ศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งความสามารถยิ่งกว่าศิษย์ชั้นสูง คือ ศิษย์ผู้แกร่งกล้า ศิษย์ชั้นสูงทุกคนล้วนเป็นศิษย์ที่มีความสามารถโดดเด่น ซึ่งถูกเลือกขึ้นมาจากศิษย์ชั้นสูงที่อยู่ในระดับที่ 4 และศิษย์ผู้แกร่งกล้าเป็นเสมือนความหวังและเสาหลักของศิษย์รุ่นต่อไปแห่งหอประลองยุทธ์หลิงชิว
ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะกลายเป็นคนที่สืบทอดรับศิษย์รุ่นต่อไปเข้าไปยังสำนักที่พวกเขาฝึกฝนวิชายุทธ์ลำดับชั้นของศิษย์แห่งหอประลองยุทธ์หลิงชิวภายนอกอาจกล่าวได้ว่าไร้ซึ่งเหตุผล แต่มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นความรุ่นแรงความโหดเหี้ยมในการแข่งขันของเยาวชนรุ่นเยาว์คนต่อไป ซึ่งมันยังเป็นรากฐานการปกครองที่อำมหิตย์ขอองหอประลองยุทธ์หลิงชิวแต่เหตุผลที่เหล่าศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนต้องการที่จะต้องสู้กับเฉิงเฟิง เป็นกฎที่ท้าทายอีกประการหนึ่งของสำนักหลิงชิว กฎ
แห่งการประลอง !!
https://cat2auto.com/novel/martial-peak-%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81/%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-1-1000/
#นิยายจีนกำลังภายใน
เรื่องเล่า
2 บันทึก
1
2
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย