3 ก.ค. 2022 เวลา 12:00 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
การยอมรับอย่างตรงไปตรงมา นั่นก็คือการเติบโตอีกรูปแบบหนึ่ง
Twenty Five Twenty One (ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด) ตอนที่ 7
“คิมมินแช บอกแม่มาตรงๆ ทำไมถึงอยากเลิกเล่นบัลเล่ต์”
- นาฮีโดถามลูกสาวด้วยความสงสัย
“เพราะหนูพยายามแล้ว แต่ไม่พัฒนาขึ้นเลย”
คิมมินแชตอบนาฮีโด
“แล้วไงต่อ ก็เลยไม่สนุกแล้วหรอ”
คิดว่าความสามารถคนเราจะพัฒนาขึ้นแบบเนินเขาหรอ ไม่ใช่เลย ความสามารถน่ะ พัฒนาแบบขั้นบันได ไม่ใช่เนินเขา
และปกติแล้วคนเรา พอถึงจุดนี้(ระหว่างขั้นบันได) ก็มักจะยอมแพ้ ถ้าเกิดว่าผ่านมุมนี้ไปได้ ก็จะมีพัฒนาการที่ยิ่งใหญ่รออยู่ แต่เราไม่รู้เลย ทำไมน่ะหรอ เพราะเรานึกว่าต้องอยู่ตรงนี้ตลอดกาลไง
- นาฮีโดบอกกับลูกสาว
“จริงหรอ”
“จริงสิ ฉันคือพยายานตัวเป็นๆเลยนะ”
“ลองคิดดูดีๆ แกสนุกกับบัลเล่ต์ หรือสนุกกับการได้รับคำชม ถ้าชอบทีได้รับคำชมจะเลิกเต้นบัลเล่ต์ก็ได้นะ แต่ถ้าแกชอบบัลเล่ต์ก็ลองคิดดูใหม่อีกที”
คิมมินแชได้แต่มองหน้าแม่แล้วคิดต่อ
พ่อของนาฮีโดเป็นจุดเริ่มต้นการฟันดาบของเธอ และบอกเรื่องการพัฒนาขึ้นแบบขั้นบันได
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศสิ้นสุดลงแล้ว
นาฮีโดเอาชนะโกยูริมได้สำเร็จ แต่โกยูริมไม่เชื่อว่าตัวเองจะช้ากว่านาฮีโดจึงขอดูภาพช้าอีกครั้ง แต่ก็มองไม่เห็นว่าจังหวะดาบใครเร็วกว่ากัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันว่าตกลงใครเร็วกว่า และผู้ตัดสิน ตัดสินผิดจริงๆหรือไม่
นาฮีโดโดนกล่าวหาว่าติดสินบนผู้ตัดสินบ้าง สนิทกับผู้ตัดสินบ้าง เลยทำให้เธอชนะ และโกยูริมก็เอาแต่พูดว่า ตัวเองเร็วกว่าเห็นๆ จนทำให้นาฮีโดรู้สึกแย่เพราะโดนถูกกล่าวว่าแย่งเหรียญทองไป
ระหว่างแถลงข่าว นาฮีโดถอดเหรียญทองที่ห้อยคอออกแล้ววางทิ้งไว้ที่โต๊ะ ท่ามกลางนักข่าวมากมาย นาฮีโดเดินออกจากห้องไปด้วยความเสียใจแบบไม่สนใจใคร
หลังจากงานแถลงข่าวจบ นักกีฬาทุกคนกลับไปยังหมู่บ้านนักกีฬาตามเดิม แต่นาฮีโดหายตัวไป
นาฮีโดเดินเข้าไปที่ร้านขายยา แล้วขอซื้อยา
คลายเครียด แต่เธอดันได้ยินข่าวตัวเองที่อ่านโดยแม่ตัวเอง เธอจึงรีบเดินออกจากร้านและลืมโทรศัพท์ไว้
ด้านแพคอีจินเห็นข่าวนาฮีโดออกในทางที่ไม่ดี เขาก็เกิดความทุกข์ใจ และแสดงออกอย่างชัดเจนจนรุ่นพี่นักข่าวต้องตามมาซักถาม
“มีอะไรไม่พอใจ ว่ามา ฉันให้โอกาสนายแล้วนะ”
“รุ่นพี่ก็คิดว่า นาฮีโดขโมยเหรียญทองมาจริงๆหรอครับ กับคนอื่นผมเข้าใจได้นะครับว่าพวกเขาอยากให้โกยูริมชนะ แต่เธอดันแพ้ แต่ข่าวไม่ควรออกไปแบบนี้ไม่ใช่หรอครับ”
- แพคอีจินตอบกลับด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจ
“ข่าวก็แค่นำเสนอเหตุการณ์ในปัจจุบัน มันเป็นปัญหาตรงไหน”
- รุ่นพี่ตอบแพคอีจินด้วยเหตุผล
“เพราะมันไม่เหมือนแค่นำเสนอเฉยๆไงครับ
ผมว่าบางทีมันเหมือนปลุกปั่นครับ”
- แพคอีจินตอบด้วยความไม่พอใจ
“อันนั้นนายคิดไปเอง รู้ไหม ทำไมนายถึงคิดไปเองแบบนั้น เพราะนายล้มเหลวกับการรักษาระยะห่างกับคนในข่าว นายรู้จักกับนักกีฬานาฮีโดนี่
สื่อไม่ควรเข้าใกล้ หรืออยู่ไกลจากประชาชนมากเกินไป การรักษาระยะห่างกับคนในข่าวคือกฎเหล็กของนักข่าวนะ แพคอีจิน”
- รุ่นพี่กล่าวเตือนแพคอีจิน
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เราเข้าใจคำว่า "จรรยาบรรณของสื่อ" มากขึ้นเยอะเลยแหละค่ะ สื่อที่ดีคือเล่าเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเข้าไปในข่าว
ส่วนหน้าที่การตีความ การตัดสินใจว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด นั่นคือหน้าที่ของผู้ชม ไม่ใช่นักข่าว
ระหว่างที่นาฮีโดกำลังเดินบนถนนแบบไร้จุดหมาย เธอก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์หายไป
นาฮีโดจึงรีบไปหาโทรศัพท์สาธารณะโทรหาโทรศัพท์ตัวเอง
“ฮัลโหล หนูเป็นเจ้าของโทรศัพท์นะคะ ที่นั่นร้านขายยาใช่ไหมคะ เดี๋ยวหนูไปรับคืนค่ะ”
“เธออยู่ไหนนาฮีโด” – แพคอีจินตอบกลับ
“แพคอีจินหรอ”
– นาฮีโดตอบกลับด้วยความสงสัย
จากนั้นแพคอีจินก็นั่งแท็กซี่มาหานาฮีโด
แพคอีจินต่อว่านาฮีโดเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในงานแถลงข่าว
“นี่เธอออกมาทั้งที่ไม่ได้บอกใครในทีมใช่ไหม
รู้ไหมว่าเธออาจถูกลงโทษเพราะการกระทำแบบนี้” - แพคอีจินต่อว่านาฮีโดด้วยความโมโห
“เสร็จธุระแล้วก็กลับไปซะ”
“คิดจะทำอะไรของเธอ เธอไม่รู้จักแถวนี้เลยด้วยซ้ำ”
“ที่ฉันหนีเพราะฉันไม่อยากฟังคำพูดพรรค์นั้นไง ไม่เข้าใจหรอ”
- นาฮีโดตอบกลับด้วยความรู้สึกแย่
จากนั้นนาฮีโดก็เดินหนีไปเรื่อยๆ แต่แพคอีจินก็ยังเดินตามต่อไป
“ใครๆก็ว่าโกยูริมเป็นเหยื่อ แต่ฉันว่า ต่อให้การตัดสินผิด เธอก็เป็นเหยื่อนะ”
– แพคอีจินกล่าว
“การตัดสินไม่ผิด”
นาฮีโดตอบกลับ แล้ววางกระเป๋าใส่ดาบลง
นาฮีโดเปิดกระเป๋าแล้วส่งดาบให้แพคอีจิน
และให้แพคอีจินลองแทงมาหาเธอพร้อมกัน
2 ครั้งแรก นาฮีโดพุ่งดาบไปได้เร็วกว่า ส่วนครั้งที่ 3 แพคอีจินพุ่งดาบมาหานาฮีโดได้เร็วกว่า
“เข้าใจแล้วใช่ไหม ไม่มีทางที่นักกีฬาจะไม่รู้หรอก ถึงไฟจะติดพร้อมกัน ก็ไม่มีทางไม่รู้ว่าใครเร็วกว่า ฉันเร็วกว่าโกยูริม ฉันรู้สึกได้”
“พอจะเป็นคำอธิบายได้ไหม”
– นาฮีโดบอกกับแพคอีจิน
“ใครขอให้อธิบายล่ะ”
“นายเป็นนักข่าวนี่”
จากนั้นนาฮีโดก็ไล่ให้แพคอีจินกลับไป
“ฉันมีสิทธิ์ขอเธอได้หนึ่งอย่างใช่ไหม คราวก่อนเราเดิมพันกันตอนที่ฟันดาบกัน 2 คน เธอแพ้ ฉันชนะ ฉันขอใช้ตอนนี้นะ”
– แพคอีจินบอกนาฮีโด
“ตอนนี้หน้าเธอหราอยู่บนข่าวทั้ง 3 ช่องแล้ว
ห้ามไปก่อเรื่องอะไรอีก กลับกันนะ ฮีโด นี่แหละคำขอของฉัน”
- แพคอีจินพูดขอร้องนาฮีโด
นาฮีโดยืนนิ่ง และยอมกลับไปด้วยดี
วันต่อมาแพคอีจินได้มาตามหาผู้ตัดสินการแข่งขันฟันดาบที่โรงแรม เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยช่วยแนะนำร้านอาหารให้ผู้ตัดสินคนนี้โดยที่ไม่รู้ว่าเขาคือใคร และได้เห็นอีกครั้งในฐานะผู้ตัดสินรอบชิงชนะเลิศ
เขารอผู้ตัดสินคนนี้อยู่นาน เมื่อได้พบ ผู้ตัดสินกลับไม่ยอมให้แพคอีจินสัมภาษณ์
แพคอีจินยังไม่ยอมแพ้ พยายามจะติดต่อเขาให้ได้ และในที่สุด แพคอีจินก็ตามไปที่สนามบินและพบกับผู้ตัดสินคนนี้อีกครั้ง
แพคอีจินเอาของที่ระลึกมาฝากผู้ตัดสิน
แพคอีจินเข้าไปทักทายพร้อมส่งของที่ระลึกที่เตรียมมาให้ เขาอธิบายให้ผู้ตัดสินฟังว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร นักกีฬาอย่างนาฮีโดที่มีชื่อเสียงน้อยกว่ากำลังถูกใส่ร้ายสารพัด
“ขอร้องนะครับ ผมอยากให้คุณช่วย ชี้ให้เห็นว่ามันไม่ยุติธรรม”
– แพคอีจินกล่าวขอร้องผู้ตัดสินอีกครั้ง
“ผมไม่พลาดแบบนั้นหรอก”
– ผู้ตัดสินยืนยันกับแพคอีกจินอีกครั้งเช่นกัน
แพคอีจินพยายามอธิบายให้ฟังต่อจนผู้ตัดสินยอมใจอ่อนให้สัมภาษณ์กับเขา
“ขึ้นชื่อว่าคำตัดสิน มันไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอหรอก”
- พ่อโกยูริมบอกกับลูกสาว หลังขับรถมารับกลับบ้านและเห็นสีหน้าโกยูริมดูไม่สบายใจ
“หนูเร็วกว่า” – โกยูริมตอบ
“นั่นแหละ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การยอมรับคำตัดสินอย่างใสสะอาด มันเท่นะ ฝีมือมันได้หายไปไหนหรอก”
- พ่อโกยูริมกล่าว
“อาจจะไม่มีครั้งหน้าแล้วก็ได้ ถ้านี่คือครั้งสุดท้ายของหนูล่ะ”
“ในมุมของพ่อ พ่อปวดใจมากนะที่ลูกอยู่กับความกดดันแบบนั้น”
โกยูริมบอกกับพ่อว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกดดัน และเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะครอบครัวสนับสนุนให้เธอเล่นกีฬาฟันดาบแม้ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ โกยูริมทั้งดีใจและรู้สึกผิด จึงไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง
"หนูก็เลยไม่อยากถูกเอาเปรียบแม้แต่เสี้ยววิเดียว”
“ยูริม ลูกน่ะ เจ๋งที่สุดแล้ว จากนี้ฟันดาบเพื่อตัวเองเถอะ ไม่ต้องฟันดาบเพื่อครอบครัวแล้ว”
“หนูจะตัดครอบครัวออกไปได้ยังไง นั่นคือทุกอย่างสำหรับหนูนะ”
“พ่อรักลูกนะ โกยูริม เพราะงั้นเลิกยึดติดกับพ่อแม่ได้แล้ว”
ระหว่างนั้นนาฮีโดก็ได้เดินเข้าร้านอาหารแล้วพบกับข่าวตัวเอง แต่ในขณะที่กำลังจะเดินออก
เธอก็ได้ยินเสียงผู้ตัดสินให้สัมภาษณ์โดยนักข่าวแพคอีจิน
“ต่อให้ภาพจะไม่เห็นว่าใครเร็วกว่า แต่ในมุมที่ผมยืน ผมเห็นชัดที่สุด ถ้าคุณอยากให้นักกีฬาที่คุณเชียร์ชนะ คุณก็ไปดูหนังเถอะครับ”
– ผู้ตัดสินสมิธยืนยันผลการแข่งขันต่อหน้ากล้องด้วยความมั่นใจ
นาฮีโดได้แต่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ในร้านอาหาร ลุงโต๊ะข้างๆเห็นว่านี่คือ นักกีฬานาฮีโดนี่
“หนูคงปวดใจมามากเลย สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับใช่ไหม เจอเรื่องใหญ่เลย ใหญ่จริงๆ”
– ลุงกล่าวทักทายนาฮีโดพร้อมจะรินโซจูให้แต่ถูกเพื่อนร่วมโต๊ะห้ามไว้เพราะนาฮีโดยังเป็นนักเรียนอยู่
“หนูเจ๋งมากๆในการแข่งเมื่อวานนี้ ยินดีด้วยกับเหรียญทองนะ”
– ลุงโต๊ะข้างๆกล่าวให้กำลังใจนาฮีโดอีกครั้ง
"กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องลำบากขนาดไหน ต้องแอบร้องไห้มามากแค่ไหน ต้องเจ็บปวดมามากเท่าไรละ หือ"
"เห้อ หนูเก่งมากนะ จากนี้ไปก็ฝากวงการฟันดาบเกาหลีด้วยนะ"
- ลุงโต๊ะข้างๆพูดปลอบนาฮีโด
นาฮีโดนั่งร้องไห้หนักกว่าเดิมด้วยความตื้นตันใจ
ที่ผมรายงานข่าวนั้นไม่ใช่เพราะผมรักษาระยะห่างกับคนในข่าวไม่ได้นะครับ ข่าววิจารณ์เธอมันออกไปแล้วเมื่อวาน มันเหมือนกับว่า “สนุกปากกันไปเถอะ สื่อไม่รู้ด้วยนะ” ผมทำไปเพราะคิดว่านั่นไม่ใช่ทัศนคติที่เหมาะสมในการนำเสนอข่าวครับ ถ้ารุ่นพี่คิดว่าผมทำลงไปเพราะสนิทกับเธอ ผมก็ไม่มีเหตุผลจะพูดครับ”
แพคอีจินกล่าวกับรุ่นพี่นักข่าว
“ทำได้ดีมาก อย่าลืมความรู้สึกวันนี้ที่นายรีบแจ้นไปสนามบินนะ ยินดีกับการเปิดตัวในวงการข่าวนะ แพคอีจิน”
- รุ่นพี่บอกแพคอีจิน
"ขอบคุณครับ" - แพคอีจินตอบกลับ
จากที่แพคอีจินโดนรุ่นพี่ตักเตือนเรื่องระยะห่างระหว่างนักข่าวกับคนในข่าว ตอนนี้ แพคอีจินได้เข้าใจและทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขาไม่ใส่ความรู้สึกตัวเองเข้าไปในข่าว แต่เขากลับใช้วิธีเอาความจริงที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งใดๆ มานำเสนอให้ทุกคนได้เห็นกันต่างหาก
นี่สินะคะ จรรยาบรรณของนักข่าวที่ดี
คืนนี้นาฮีโดก็ยังไม่ถึงบ้าน เธอแวะไปที่ห้องลับบนดาดฟ้าที่โรงเรียน และนอนฟังเทปเสียงของ
แพคอีจิน
วันนี้เราอาจจะเศร้าราวกับโลกทั้งใบหันหลังให้เรา แต่อีกวันเราก็อาจจะหัวเราะร่า มิตรภาพของเรามากล้นเสมอ
ส่วนความรักนั้นไร้ซึ่งหนทาง และความล้มเหลวก็รุ่มร้อน ความกังวล ความทุกข์ใจ การหยอกล้อ และรอยยิ้มมาผสมรวมกัน เกิดเป็นรูปทรงขึ้นตามใจชอบ
บางทีตอนนี้เราอาจจะอยู่ระหว่างช่วงวัยรุ่นก็ได้ครับ ความเจ็บปวดระหว่างการเติบโตของเธอ
มันปวดร้าวแค่ไหน ฉันเข้าใจดี
“ขอบคุณที่เข้าใจนะ แพคอีจิน”
– นาฮีโดพูดตอบเทปเสียง
ความเจ็บปวดระหว่างการเติบโตเราน่าจะพบเจอกันทุกคนเลยนะคะ แต่ใครจะผ่านมาได้ในรูปแบบไหน เราว่านั่นคือสิ่งที่น่าจดจำนะ
ไม่ว่ามันจะเป็นความทรงจำรูปแบบไหน ทุกอย่างล้วนทำให้เราเติบโตขึ้น การยอมรับผลที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ใจหวัง
นั่นก็คือการเติบโตในอีกรูปแบบหนึ่งนะคะ
ตอนต่อไป เรื่องราวความสุข ความทุกข์ ระหว่างการเติบโตของพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป
ก็ต้องมาติดตามกันต่อนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้ คิดเห็นกันยังไง
มาร่วมพูดคุยกันได้น้าาา :)
โฆษณา