5 ก.ค. 2022 เวลา 00:15 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
ทุกช่วงชีวิตใครๆก็ผิดพลาดกันทั้งนั้น
ต่างกันแค่วิธีการรับมือในแต่ละช่วงวัยที่เรากำลังเติบโต
Twenty Five Twenty One (ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด) ตอนที่ 8
หลังจากที่แพคอีจินได้ตามจีซึงวาน และมุนจีอุงไปช่วยนาฮีโดที่ติดอยู่ในห้องลับบนดาดฟ้าแล้ว เมื่อแพคอีจินเปิดประตูเข้าไป
"ฉันก็รักเธอนะ ดาอึน" เสียงแพคอีจินจากเทปที่นาฮีโดเปิดฟังทิ้งไว้ดังขึ้นมา
ทุกคนได้แต่ยืนอึ้งไปสักพัก
พัคอีจินถามนาฮีโดว่า
"เวลานี้เธอควรอยู่หมู่บ้านนักกีฬาสิ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่"
"ฉันโดนเฉดหัวออกจากหมู่บ้าน ให้กลับมาสงบจิตสงบใจก่อน"
- นาฮีโดตอบกลับ แต่นาฮีโดยังไม่อยากกลับไปเจอแม่ เธอเลยอยู่ที่นี่
“ขอบคุณนะ” นาฮีโดบอกกับแพคอีจินเรื่องที่เขาไปสัมภาษณ์ผู้ตัดสิน
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ต่อให้ไม่ใช่เธอฉันก็คงทำแบบเดียวกัน”
“เลิกทำให้เป็นห่วงสักทีสิ นาฮีโด”
- แพคอีจินตอบ
วันต่อมา แพคอีจินไปหาเจ้าหนี้ถึงบ้าน
“ผมอยากเอาอันนี้มาให้ครับ”
– แพคอีจินยื่นซองขาวไปให้เขา
“ผมได้งานทำเลยค่อยๆเก็บเงินไว้ครับ คงเทียบไม่ได้กับที่พ่อผมติดหนี้คุณไว้ แต่ช่วยคิดว่ามันมาจากใจของผม รับไว้สมทบค่าเรียนลูกสาวนะครับ ผมไปนะครับ”
“ที่นายสัญญากับฉันไว้ ว่าจะไม่ขอมีความสุขอีกแม้แต่ช่วงเวลาเดียว ไม่ต้องรักษาสัญญานั้นหรอก มันคาใจฉันอยู่ตลอด”
“ถึงมันจะยาก แต่ทำให้เต็มที่นะ ตามหาความสุขซะ”
- ลุงเจ้าหนี้กล่าวกับแพคอีจิน
“ผมจะลองตามหาดูครับ”
- แพคอีจินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้แพคอีจินได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านจีซึงวานเหมือนเดิมแล้ว
โดยมีนาฮีโด โกยูริม จีซึงวาน และมุนจีอุงมาช่วยขนของจัดห้อง แต่นาฮีโดก็ดันเล่นซนไปทำหน้าต่างห้องแพคอีจินแตกเข้า
จีซึงวานและมุนจีอุงกำลังนั่งกลุ้มใจเมื่อรู้ว่าแพคอีจินกำลังจะย้ายกลับมา
ที่สำนักข่าว UBS
โค้ชยางชานมีมาหาแม่ของนาฮีโด แล้วได้ให้ของบางอย่าง นั่นก็คือ เหรียญทองที่นาฮีโดทิ้งไว้ในงานแถลงข่าว โค้ชยางชานมีเคยสนิทกับแม่นาฮีโด แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้เขาเกิดผิดใจกัน และไม่สนิทกันเหมือนเคย
แต่วันนี้ที่โค้ชมาหาเพราะต้องการให้แม่ของนาฮีโดรับรู้ว่า การที่แม่อ่านข่าวลูกสาวเรื่องแย่งเหรียญทองโกยูริมไปจากการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม เรื่องนั้น โค้ชยางชานมีเข้าใจความรู้สึกของนาฮีโดดี เขาจึงอยากให้แม่ลูกปรับความเข้าใจกัน และอยากให้แม่ของนาฮีโดคืนเหรียญทองนี้ให้ด้วยตัวเองดีกว่า
ด้านแพคอีจินที่ต้องรายงานข่าวไฟไหม้ออกอากาศในรายการสด แต่สิ่งที่เขาไม่มทันได้เตรียมใจก็เกิดขึ้น ระหว่างที่เขากำลังต่อสายรายงานข่าวอยู่นั้น โน๊ตบุ๊คที่เขาเตรียมข่าวไว้กลับดับกะทันหัน
แพคอีจินตัดสินใจวางสายทันที เขานั่งตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าคอม โทรศัพท์โทรเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่รับสาย
แพคอีจินตัดสินใจมาที่สถานี แล้วพบกับแม่นาฮีโดที่เป็นผู้ประกาศข่าวในเวลานั้น
“ผมขอโทษครับ” – แพคอีจินกล่าวพร้อมก้มหัวขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
“โทรศัพท์ไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม แต่นายแค่ตัดสายใช่ไหม”
– แม่นาฮีโดถาม
“ผมพิมพ์ข่าวไว้ในโน๊ตบุ๊ค แต่มันค้างขึ้นจอฟ้าครับ”
“นักข่าวตัดสายกลางรายการสดหรอ”
“ผมคิดว่า ปัญหาจากโทรศัพท์คือทางเลือกที่ดีที่สุดครับ”
“เป็นนักข่าวแต่ไม่รู้จักข่าวที่ตัวเองเขียน ถ้าโง่นักอย่างน้อยก็ควรเขียนบทไว้ แต่นายก็ไม่ทำ หรือมีไหวพริบสักหน่อยก็ยังดี แต่นายก็ไม่มีอีก นายมีความสามารถอะไรที่นักข่าวควรมีบ้าง”
- แม่นาฮีโดดุแพคอีจินด้วยความโมโห
“ผมขอโทษครับ”
แพคอีจินเดินคอตกมาถึงบ้าน เขาเห็นถุงกระดาษแขวนไว้ที่ประตู เมื่อเปิดถุงดูก็พบกระดาษเขียนข้อความเอาไว้ว่า
“เมื่อกี้ฉันดูทีวีแล้วเห็นนายด้วย สู้ๆนะ
อ้อ สติ๊กเกอร์ที่อยู่ในถุงขนมปังน่ะ อย่าทิ้งนะ เก็บไว้ให้ฉันด้วย”
- ดูเหมือนว่า กำลังใจจากนาฮีโดจะมาถูกเวลาเสมอ
ตัดมาที่บ้านโกยูริม แม่ของเธอกำลังเกิดปัญหาทางการเงิน เมื่อเจ้าของร้านต๊อกที่แม่โกยูริมไปลงเล่นแชร์ด้วยเกิดขนของหนีไปไม่บอกไม่กล่าว ทำให้เงินที่เขาลงไว้ก็สูญหายไปด้วย
โกยูริมแอบเห็นแม่นั่งเย็บถุงมือให้ตนแล้วร้องไห้ในห้องคนเดียว เธอดูกำลังสับสนและทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย
ส่วนโกยูริมและนาฮีโดก็โดนสั่งระงับนักกีฬา 3 เดือน เหตุจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในงานแถลงข่าว
“ดาวเด่นน่ะ มีได้แค่คนเดียวพอ”
“คือว่า เงินบำนาญที่หนูรับอยู่ตอนนี้ หนูขอเบิกล่วงหน้าได้ไหมคะ”
– โกยูริมกล่าว
“มันใช่เรื่องไหม เห้อ ถ้าเธอมาจากบ้านรวยๆมันคงดีน่าดู ฉันจะลองคุยให้นะ แต่มีโอกาสสูงที่จะได้ไม่ได้ ฉะนั้น อย่าคาดหวังละ”
นาฮีโดเดินมาแล้วแอบได้ยินโกยูริมที่กำลังคุยกับใครอยู่ไม่รู้พอดี
โกยูริมเดินกลับมาเก็บของที่ห้องด้วยท่าทางหนักใจ
ขณะนั้นนาฮีโดก็กำลังนั่งพับเสื้อผ้าบนเตียง โกยูริมเก็บเสื้อผ้าได้เพียงครู่เดียว อยู่ๆเธอก็เดินออกจากห้องไป นาฮีโดเลยแอบเดินตามไปดู
นาฮีโดเห็นโกยูริมนั่งอยู่บนแท่นชั้นสูงสุดที่ไว้สำหรับกระโดดน้ำในสระน้ำ โกยูริมนั่งร้องไห้นึกถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับเขา
ทันใดนั้น เธอก็ลุกขึ้นยืนหันหลัง แล้วปล่อยตัวลงมาที่สระว่ายน้ำ นาฮีโดเห็นก็ตกใจสะดุ้ง แล้วโกยูริมก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ เธอร้องไห้เสียงดังออกมา
นาฮีโดกลับรู้สึกไม่ดีไปด้วย เธอกลับมาเล่าให้อิลจองมี เพื่อนในแชทของเธอฟัง
“เรามาเจอกันดีไหม” – อิลจองมีตอบกลับ
วันต่อมานาฮีโดไปโรงเรียนตามปกติ
โค้ชยางชานมีเรียกนาฮีโดและโกยูริมไปพบ และบอกให้เธอทั้งสองคนต้องฝึกซ้อมเหมือนเดิมตลอดช่วง 3 เดือนนี้
จากนั้นโค้ชก็ให้นาฮีโดอยู่ต่อ และถามเรื่องความสัมพันธ์ของนาฮีโดกับแพคอีจิน
“เธอสองคนสนิทกันหรอ”
“หนูรู้จักเขาก่อนที่เขาจะเป็นนักข่าวค่ะ”
“ยังไงก็เถอะ อย่าไปสนิทสนมกับคนที่เป็นนักข่าวเลย นี่เตือนในฐานะรุ่นพี่นะ”
– โค้ชกล่าวเตือนสตินาฮีโด
ระหว่างนาฮีโดขึ้นรถกลับบ้านก็เจอพัคอีจินขึ้นรถมาระหว่างทางพอดี แพคอีจินคุยงานระหว่างนั่งรถด้วยความจริงจัง นาฮีโดได้แต่แอบมองอยู่ด้านหลังและรู้สึกว่า เขาเป็นผู้ใหญ่มากเลยแฮะ
“อ้อ บังเอิญจังเลยแฮะ”
– นาฮีโดทำทีทักแพคอีจินเหมือนพึ่งเห็น
“ขนมปังอร่อยมาก”
– แพคอีจินส่งสติ๊กเกอร์ให้นาฮีโด
“น่าทึ่งมากเลย ฉันกำลังนึกถึงเธอพอดี”
หลังจากลงรถ แพคอีจินทวงหนี้ที่นาฮีโดติดไว้อีก 2,000 วอน
“เลี้ยงไอศกรีมหน่อย ร้อนจัง”
– แพคอีจินโอบไหล่นาฮีโดแล้วพาเดินไปที่ร้านขายของชำ
ทั้งคู่เดินออกมาจากร้านขายของชำ พร้อมไอศกรีมคนละโคน
“ทีนี้เหลืออีก 1,000 วอนแล้วนะ”
“รับไปเลย ฉันคืนอีก 1000 วอน”
– นาฮีโดยื่นแบงค์พันวอนให้กับแพคอีจิน
“ไม่เอา เลี้ยงไอศกรีมฉันคราวหน้าสิ”
“บอกให้รับไง” – นาฮีโดยื่นเงินให้อีกครั้ง
“ทำไมวันนี้เธอทำกับฉันแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่เหมือนปกติเลย”
“ไม่มีอะไร”
ทันใดนั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขี่ผ่านนาฮีโดไป แพคอีจินรีบดึงนาฮีโดเข้ามาชิดตัว เพื่อไม่ให้รถเฉี่ยวชน
“ยังไม่ตอบเลย ทำไมวันนี้ทำตัวแปลกๆกับฉัน”
“ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”
– นาฮีโดตอบด้วยท่าทีที่สับสน ขณะที่แพคอีจินกำลังเช็ดคราบไอศกรีมที่เปื้อนบนหน้าเธอ
“งั้นก็แล้วไป”
– แพคอีจินเช็คหน้าให้เสร็จและอมยิ้มเล็กๆ
แพคอีจินเดินมาส่งนาฮีโดที่บ้าน นาฮีโดเดินเข้าไปบ้านเห็นหน้าตัวเองยังเปื้อนไอศกรีมอยู่ เพราะแพคอีจินตั้งใจเช็ดให้ไม่หมด นาฮีโดจึงรีบวิ่งออกจากบ้านมาแล้วโวยวาย แต่แพคอีจินยืนหลบอยู่ เขาดึงแขนนาฮีโดไว้ แล้วทักทายว่า
“เจอกันอีกแล้วนะ”
นาฮีโดกำลังรู้สึกสับสน เธอจึงถามแพคอีจินว่า
“นายสนุกนักหรอที่แกล้งฉัน เห็นฉันเป็นคนโง่หรอ”
“ฉันขอโทษ ฉันแค่อยากให้เราขำ”
“เห็นฉันเป็นเด็กประถมหรอ”
– นาฮีโดตอบด้วยความโมโห
“ใช่สิ ในสายตาผู้ใหญ่อย่างนาย ฉันเป็นเด็กมากใช่ไหม นายมันทั้งฉลาด ขยันอ่านหนังสือพิมพ์ ทำงานเหมือนพวกผู้ใหญ่ คุยภาษาอะไรก็ไม่รู้ ใช่สิ ฉันมันสะสมสติ๊กเกอร์ ไม่ได้ฉลาดเหมือนนาย ไม่เคยมีความรักหวานแหววเหมือนนาย อย่างเดียวที่ฉันทำได้คือ ฟันดาบ ฉันรู้ดี”
- นาฮีโดพูดใส่แพคอีจินด้วยน้ำเสียงน้อยใจ อิจฉา โกรธ ในเวลาเดียวกัน
“ฉันไม่อยากเป็นเด็กที่น่ารัก ที่น่าขำขันของนาย”
แพคอีจินยืนงงฟังนาฮีโดพูดจนจบและยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ นาฮีโดก็เดินหนีเข้าบ้านไปทันที
ที่จริงแล้ว วันที่นาฮีโดเอาถุงขนมปังไปห้อยไว้ที่ประตูบ้าน เธอแอบเห็นว่า หลังจากแพคอีจินอ่านแล้ว เขากลับปล่อยกระดาษที่นาฮีโดเขียนหล่นลงพื้นไป
เขาคงกำลังรู้สึกแย่ที่เจอเรื่องราวแบบนั้นมา แต่นาฮีโดกลับรู้สึกว่า ความผิดพลาดที่แพคอีจินเจอมันร้ายแรงต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว
นาฮีโดเลยคิดว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปหยอกล้อ ให้กำลังใจแพคอีจินได้เหมือนเดิมแล้ว
นาฮีโดได้รับรู้เรื่องราวที่แพคอีจินทำพลาดในรายการข่าวสดที่ออกอากาศ แม่ของนาฮีโดกล่าวชมแพคอีจินว่า “ถือว่าเขาตัดสินใจได้ดีในเวลาสั้นๆ”
นาฮีโดคิดต่อว่า ความผิดพลาดในบางมุม แพคอีจินกลับได้รับการยอมรับ ส่วนความผิดพลาดของเธอกลับโดนฉุดลง นาฮีโดรู้สึกว่าตัวเองกำลังอิจฉาแพคอีจิน
วันต่อมา โกยูริมมายืมกล้องฟิล์มกับแพคอีจินแต่เช้า เพราะมีนัดสำคัญ
“เธอจะเอาไปทำอะไร” – แพคอีจินถาม
“ฉันจะไปเจอเพื่อนในแชท”
– โกยูริมตอบกลับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
แต่แพคอีจินไม่ไว้ใจ จึงตามโกยูริมไปด้วย
โกยูริมมีนัดกับเพื่อนในแชทเวลา 11 โมง โดยมีสัญลักษณ์คือดอกกุหลาบสีเหลือง
พอใกล้เวลานัด โกยูริมยืนรออยู่อีกฝั่งถนน เธอเห็นนาฮีโดกำลังเดินมาพร้อมกับดอกกุหลาบสีเหลือง โกยูริมคิดในใจว่า "ไม่จริง ต้องไม่ใช่เธอสิ นาฮีโด"
เธอจึงรีบวิ่งเอาดอกกุหลาบไปให้แพคอีจิน แล้วก็วิ่งหนีไป
เมื่อนาฮีโดเดินมาถึง กลับพบว่าแพคอีจินยืนถือดอกกุหลาบสีเหลืองอยู่ เธอรู้สึกประหลาดใจแล้วก็ดีใจมาก แต่แพคอีจินอ้ำๆอึ้งๆ ยืนหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูก
นาฮีโดเดินเข้ามาหาแพคอีจินอย่างมั่นใจ และคิดในใจว่า
“ฉันไม่ได้อิจฉานาย ฉันแค่รู้สึกโกรธเพราะฉันรู้สึกว่า ฉันอาจไม่ดีพอสำหรับนาย”
“อินจอลมี ไม่สิ แพคอีจิน ฉันต้องครอบครองนายแล้วแหละ”
– นาฮีโดพูดกับแพคอีจินด้วยความมุ่งมั่น เพราะเธอรู้สึกว่า การที่อินจอลมีปลอบโยนเธอมาหลายค่ำคืนนั้น ถ้าเป็นแพคอีจินจริง เธอก็มีสิทธิ์มากพอแล้ว
แพคอีจินได้แต่ยืนอึ้ง และไม่พูดอะไร
ระหว่างวัยที่คนหนึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน กับอีกคนยังเป็นเด็กนักเรียนม.ปลายอยู่ เราเห็นได้ชัดเลยว่า สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคนต่างกันอย่างสิ้นเชิงคือ หน้าที่
นาฮีโดมีหน้าที่คือ เรียน แข่งฟันดาบ เท่านั้นเอง
ส่วนแพคอีจิน เขาต้องแบกรับภาระทางบ้าน ไกล่เกลี่ยเจ้าหนี้ และยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การเป็นนักข่าวให้ดีอีกด้วย
วันนี้นาฮีโดอาจจะกำลังรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับแพคอีจินในแง่ความเป็นผู้ใหญ่ที่เขาเห็นแพคอีจินกำลังทำอยู่ แต่เธอกลับลืมมองตัวเองไปว่า ที่จริงแล้วความคิด การตัดสินใจ หรือวิธีการแก้ปัญหาที่เธอใช้วางแผนการแข่งฟันดาบ มันก็เอามาปรับใช้กับชีวิตจริงได้นะ
แต่ด้วยวัยที่ต่างกัน นาฮีโดเองก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นเด็ก ยังมองทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก ยังสนุกกับการฟันดาบ สนุกกับการได้สะสมสติ๊กเกอร์ นั่นก็คือความสุข ความสดใสในวัยเด็กที่เขาควรมี มันก็ถูกต้องแล้วแหละค่ะ
สักวันหนึ่งที่นาฮีโดเติบโตมากขึ้น เขาจะค่อยๆเข้าใจเองว่า ความผิดพลาดของเขามันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ทุกช่วงชีวิตใครๆก็ผิดพลาดกันทั้งนั้น เพียงแค่ตอนนั้นเราอาจจะยังไม่สามารถรับมือกับมันได้ดีเท่าตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็เท่านั้นเองค่ะ
เรื่องราวของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป แล้วโกยูริมจะแก้ปัญหาการเงินที่บ้านอย่างไรต่อ ก็ต้องมาเอาใจช่วยกันต่อในตอนหน้านะคะ
โฆษณา