Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BioMedTech
•
ติดตาม
4 ก.ค. 2022 เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เทคโนโลยีกล้องสำหรับตรวจนัยน์ตาแบบใหม่
ดวงตา เป็นหนึ่งในอวัยวะรับความรู้สึกที่สำคัญมาก โดยกว่า 80-85% ของการรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัว, การเรียนรู้, การทำกิจกรรมต่างๆ ล้วนต้องใช้ดวงตาทั้งสิ้น
ปัจจุบัน มีเครื่องมือมากมายที่ใช้รักษาโรคทางตา เช่น การผ่าตัดปลูกถ่ายจอประสาทตา, การใช้ตาเทียม, การตัดต่อทางพันธุกรรม, การผ่าตัดเพื่อฝังอุปกรณ์ในสมอง, การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence, A.I.) ในการตรวจหาสาเหตุของอาการตาบอด เป็นต้น จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีการรักษาโรคทางตามีการพัฒนาอยู่เสมอ
แม้แต่บริษัทระดับโลกอย่าง Google และ Novartis ก็ได้ทำการระงับการวิจัยเลนส์สำหรับตรวจวัดระดับน้ำตาลกลูโคสไว้ชั่วคราว และหันมาวิจัยในด้านการหาวิธีวัดระดับน้ำตาลกลูโคสและการขนส่งยาผ่านทางคอนแทคเลนส์ในเวลาเดียวกันแทน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แสดงถึงศักยภาพในการนำเทคโนโลยีในภาพยนต์หรือนิยายทางวิทยาศาสตร์มาสู่การนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
จากปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศด้อยพัฒนา ที่ผู้คนขาดโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีนักวิจัย ได้สร้างเครื่องมือสำหรับการวินิจฉัยโรคทางตา ที่มีราคาไม่แพงขึ้นมา เครื่องมือดังกล่าวเป็นการนำสมาร์ทโฟนมาประยุกต์ใช้ จากนั้นทำการเชื่อมต่อกับเซนเซอร์และแอพพลิเคชั่น ที่ทางผู้วิจัยได้สร้างขึ้นมา ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น
Personal Vision Tracker ใช้สำหรับวัดการหักเหของแสงภายในตา, EyeQue Insight ใช้สำหรับตรวจวัดความคมชัดของภาพที่ตามองเห็น, รวมถึงกล้องสำหรับตรวจนัยน์ตาของบริษัท D-EYE ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่มีการกล่าวถึงในบทความนี้
กล้องสำหรับตรวจนัยน์ตา
ในปัจจุบัน กล้องสำหรับตรวจนัยน์ตามีขนาดใหญ่และไม่ค่อยสะดวกในการใช้งาน ทั้งกับจักษุแพทย์และคนไข้ ทำให้บริษัท D-EYE ผู้พัฒนาระบบตรวจนัยน์ตาสำหรับสมาร์ทโฟน จากประเทศอิตาลี ได้ทำการพัฒนากล้องสำหรับตรวจนัยน์ตา โดยนำกล้องจากสมาร์ทโฟนมาปรับใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ได้รับรางวัลมากมาย
จากการศึกษาพบว่า เครื่องมือนี้ให้ผลลัพธ์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับการวินิจฉัยโรคทางตา จึงมีประโยชน์อย่างมาก สำหรับการนำมาใช้กับผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจหาอาการความดันในลูกตาสูง รวมถึงอาการอื่นๆด้วย
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการศึกษา โดยถือเป็นเครื่องมือที่สะดวกต่อการใช้งานสำหรับนักศึกษาแพทย์และผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเด็ก
ตัวอย่างการใช้งานของเครื่องมือตรวจนัยน์ตาจากบริษัท D-EYE
จากผลการทดสอบโดยจักษุแพทย์ พบว่า เครื่องมือตรวจนัยน์ตาชนิดนี้ สามารถนำไปใช้งานได้ในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งทางจักษุแพทย์ก็คาดหวังว่าจะสามารถนำไปปรับปรุงเพื่อใช้งานจริงได้ในอนาคตอันใกล้
ในด้านการออกแบบ ทางผู้วิจัยของบริษัท D-EYE ได้ออกแบบเครื่องมือดังกล่าวให้มีความสะดวกต่อการใช้งาน โดยมีชิ้นส่วนไม่เยอะมาก จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถประกอบได้ง่าย โดยอุปกรณ์หลักๆประกอบด้วย เคสกันกระแทก, เลนส์ของทางบริษัท D-EYE และคู่มือการใช้งาน เพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียอย่างหนึ่งคือ เคสกันกระแทกมีความเปราะบางมาก และสามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนแบรนด์ iPhone เพียงแบรนด์เดียวเท่านั้น แต่อาจจะมีการออกแบบให้สามารถใช้กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆได้ในอนาคต
อุปกรณ์จากบริษัท D-EYE
การตั้งค่ากล้องตรวจนัยน์ตาจากอุปกรณ์เหล่านี้ ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว โดยเลนส์ของทางบริษัทถูกออกแบบมาให้สามารถติดกับเคสได้ผ่านทางแม่เหล็ก อีกทั้งจากการที่อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสริมของสมาร์ทโฟนเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆเข้าไปอีก ทำให้อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กและมีความทนทาน
อีกทั้งอุปกรณ์ดังกล่าวก็ใช้งานง่าย ถึงแม้จะเป็นผู้ที่ไม่ค่อยถนัดในด้านเทคโนโลยีก็สามารถใช้งานได้ ขั้นแรกต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นลงในสมาร์ทโฟนก่อน จากนั้นก็สร้างบัญชีผู้ใช้งาน โดยแอพพลิเคชั่นนี้ก็เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
เมื่อเข้าแอพพลิเคชั่น ก็มีตัวเลือกมากมาย เช่น การตรวจครั้งใหม่, การดูข้อมูลการรักษาที่ผ่านมา, รวมถึงข้อมูลของผู้ป่วย โดยก่อนจะทำการตรวจ เราต้องตรวจสอบดูก่อนว่า มีประวัติผู้ป่วยเก่าอยู่ภายในแอพพลิเคชั่นหรือไม่ หากไม่มีก็ทำการเพิ่มประวัติของผู้ป่วยใหม่เข้าไป โดยข้อมูลที่เราสามารถใส่เข้าไปก็มีทั้ง ข้อมูลทั่วไป, อาการของโรคเบาหวาน, ผลการวินิจฉัยและความผิดปกติของการหักเหแสงในตาแต่ละข้าง
User Interface ในแอพพลิเคชั่นของทางบริษัท D-EYE
ในส่วนของการวินิจฉัยนั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะบันทึกวิดีโอภายในแอพพลิเคชั่นหรือถ่ายรูปดวงตาก็ได้ โดยการถ่ายรูปดวงตาจะเป็นการถ่ายหลาย shot และจะทำให้ไฟล์มีขนาดใหญ่กว่าการอัดวิดีโอ อีกทั้งแอพพลิเคชั่นยังไม่มีโหมด Autofocus โดยทางผู้ใช้งานต้องทำการปรับกล้องแบบ manual เท่านั้น
ความคมชัดของภาพดวงตาที่ถ่ายออกมา จะน้อยกว่าภาพดวงตาที่ได้จากกล้องตรวจนัยน์ตาแบบดั้งเดิม โดยขึ้นอยู่กับคุณภาพของกล้องบนสมาร์ทโฟน แต่ก็อยู่ในขอบข่ายที่รับได้ อีกทั้งการมองภาพดวงตาจากการใช้กล้องตรวจนัยน์ตา ยังใช้แสงมากกว่าการถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน อาจทำให้ตาของผู้ป่วยเกิดอาการพร่ามัวได้ รวมถึงยังต้องทำการขยายรูม่านตาก่อนเข้ารับการตรวจอีกด้วย
ซึ่งการใช้อุปกรณ์ของบริษัท D-EYE ไม่จำเป็นต้องทำการขยายรูม่านตาก่อนเริ่มการถ่ายภาพ แต่ถ้าหากทำการขยายรูม่านตาก่อนเริ่มการถ่ายภาพ ก็จะสามารถมองเห็นนัยน์ตาในบริเวณที่กว้างขึ้น และในบริเวณที่ทำการถ่ายภาพดวงตาควรเป็นห้องที่มืด
นอกจากนี้ เรายังสามารถตรวจสอบผลจากการถ่ายภาพดวงตาได้อย่างรวดเร็ว ภายหลังการถ่ายภาพดวงตาเสร็จ ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับรู้ผลของการรักษาได้ง่ายมาก
ภาพถ่ายของตาจากแอพพลิเคชั่นของบริษัท D-EYE
ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์จากบริษัท D-EYE จะมีความสะดวกมากในการใช้งาน แต่ว่าจักษุแพทย์ก็ยังคงนิยมใช้กล้องตรวจนัยน์ตาในรูปแบบเดิมอยู่ โดยจะใช้เครื่องมือของบริษัท D-EYE ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้กล้องตรวจนัยน์ตาในรูปแบบเดิมได้, ในกรณีเร่งด่วน เช่น ผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน, หรือใช้เพื่ออธิบายวิธีและผลการรักษาคนไข้ เนื่องจากข้อจำกัดต่างๆของเครื่องมือดังกล่าวในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม จักษุแพทย์ก็คาดหวังว่า ในอนาคตเมื่อเครื่องมือดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้น จะสามารถนำมาใช้แทนกล้องตรวจนัยน์ตาในรูปแบบเดิมได้
สรุปข้อดีของผลิตภัณฑ์จากบริษัท D-EYE
- สามารถพกพาได้และใช้งานง่าย
- สามารถถ่ายภาพของดวงตาได้โดยไม่ต้องขยายรูม่านตา
- บันทึกภาพของดวงตาได้ทั้งในรูปแบบวิดีโอและรูปภาพ
- เพิ่มระยะห่างระหว่างจักษุแพทย์และผู้ป่วย ในขณะที่ทำการตรวจโรคทางตา
สรุปข้อเสียของผลิตภัณฑ์จากบริษัท D-EYE
- สามารถนำมาใช้ได้กับสมาร์ทโฟนแค่บางรุ่น
- ไม่มีโหมด Autofocus
- เคสกันกระแทกมีความเปราะบาง
References:
https://medicalfuturist.com/handheld-retinal-camera-as-an-eye-for-innovation-d-eye-review/
เทคโนโลยี
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย