เวลาฮึกเหิมกับขาขึ้น อย่าลืมหยุดยืนเตรียมพร้อมขาลง
ข้อได้เปรียบของชีวิตที่ระหกระเหิน ผ่านจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดมาหลายเรื่องหลายครั้ง ก็คือความระมัดระวังในช่วงเวลาที่ดีใจ ตื่นเต้น หรือมั่นใจเป็นพิเศษ เพราะเคยมั่นใจอะไรมากๆหรือขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้วก็เริ่มเหลิง เริ่มคิดถึงฉากทัศน์ที่สวยหรูต่อเนื่องประหนึ่งว่ามีแต่ขึ้น มีแต่ดีงาม ไม่มีทางที่จะแย่ได้เลย
และหลายครั้งหรือเอาจริงๆคือ เวลาขึ้นมากๆ ก็จะมีความตกต่ำลงทุกครั้ง แล้วพอถึงเวลาขาลงจริงๆ พอไม่ได้คิดเผื่อหรือเตรียมตัวไว้ ก็มักจะเจ็บหนักเสมอ
ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์แบบนี้บ่อยๆก็คือ “รู้งี้” รู้งี้ตอนที่ยังดีๆน่าจะทำแบบนี้ไว้นะ อะไรแบบนี้ พอโดนบ่อยมากๆ พอขาขึ้นทีไร หรือมีคนอยู่ในช่วงขาขึ้นผมก็จะมักเตือนให้คิดเผื่อขาลงไว้ตลอด ต่อให้ในช่วงเวลานั้นจะนึกไม่ออกว่าจะลงได้อย่างไรก็ตาม
ล่าสุดมีเจ้าของกิจการคนหนึ่งมาปรึกษาอยากจะรับผู้บริหารชื่อดังเพราะอยากจะพลิกฟื้นธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด เขาตื่นเต้นมากเพราะไปจีบผู้บริหารดังซึ่งดูจะตกลงปลงใจด้วยค่าตัวที่ไม่น้อยพร้อมหุ้นจำนวนหนึ่ง ข้างหน้าดูสดใส ผู้บริหารระดับประเทศคนนี้น่าจะพาเขาโตได้เป็นสองสามเท่า ยังไงก็คุ้ม ทุกอย่างดูสวยงามสุดๆ
ผมเคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาด้วยตัวเอง วันที่ดูเป็นขาขึ้นโลกสวย เจ้าของพร้อมจะให้ทุกอย่าง มืออาชีพก็มั่นใจในฝีมือ พูดจาอะไรก็ภาษาดอกไม้ แต่พอทำงานจริงๆโลกส่วนใหญ่ไม่สวยอย่างที่คิด โอกาสที่อุปนิสัยใจคอ วิธีการทำงานจะลงตัวกันมีไม่มาก ถ้าดีก็ดีไป แต่ถ้าทำไปสองสามเดือนแล้วไม่ชอบกัน ไม่คลิก เริ่มเถียงเริ่มโกรธกัน การแยกทางมักจะจบด้วยความรู้สึกไม่ดีเสมอ บางทีถึงกับฟ้องร้องกันก็มี เจ้าของก็เสียดายหุ้นที่ให้ไปก่อน มืออาชีพก็ซวยเพราะภาพความล้มเหลวก็จะติดตัวไป จบด้วยการให้ร้ายกันทั้งสองฝ่ายก็บ่อย
จากประสบการณ์ผมก็เลยแนะให้เจ้าของกิจการคุยกับมืออาชีพในฉากทัศน์กรณีที่ไปด้วยกันไม่ได้ก่อนจะจ้างเป็นเรื่องเป็นราวว่าเวลาแยกกันจะแยกกันอย่างไรให้ดีเป็นที่พอใจ มีอะไรกังวลก็คุยตั้งแต่แรก ถ้ามีบุญวาสนาทำงานด้วยกันแล้วดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีก็จะได้ไม่เสียหายจนมองหน้ากันไม่ติด จะเรียกว่า exit clause เหมือนเวลาทำสัญญาต่างๆก็ไว้ก็ได้
อีกกรณีหนึ่งคือเวลาที่อยู่ในตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท กำลังประสบความสำเร็จ ได้รับการโปรโมท กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ในช่วงเวลาอย่างนั้นเราจะรู้สึกว่าเราช่างมีความสำคัญกับบริษัทนั้นเหลือเกิน ยังไงก็ไม่มีทางที่เราจะถูกให้ออกหรือต้องลาออกจากบริษัทนั้นไปได้ ความรู้สึกอีโก้ ความกร่าง ความใจร้อน ไม่เห็นหัวคนอื่นก็จะเริ่มมา ถ้าเราเก่ง บริษัทดี อยู่จนเกษียณได้ก็ดีไป
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นเสมอ เหตุการณ์โควิดก็เป็นตัวอย่างที่ดี หรือทำงานแป๊บๆบริษัทปรับโครงสร้าง อาจจะมีเจ้านายเฮงซวยเล่นพรรคเล่นพวกบีบเราออก
หรือเริ่มเอาคนอายุ 50 ให้เออลี่รีไทร์ เราก็อาจจะต้องเข้าสู่ช่วงขาลง ต้องหางานในวัยที่หาไม่ง่าย การที่ไม่เตรียมตัวอะไรไว้ แถมสร้างศัตรูไว้อีกก็อาจจะทำให้ชีวิตการทำงาน การหางานที่เหลือนั้นลำบากขึ้นมาก
ในช่วงที่เราอยู่ในขาขึ้น การที่จะเตรียมตัวรับเหตุการณ์แบบนี้ก็ควรจะมีอยู่ในหัว ต่อให้สถานการณ์รอบๆข้างจะทำให้เราคิดไม่ออกว่าเราจะเจอขาลงได้ยังไง แต่การที่เราเตรียมตัวว่าวันหนึ่งจะออกจากบริษัทนี้นั้น
ทำให้ตัวเราจะเล็กลง เราจะมองเห็นเพื่อนร่วมงาน จะดีกับทุกคนมากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าพอออกไปแล้ว ที่ที่เราไปสมัครงานใหม่จะเช็คกลับมาแล้วคนจะพูดถึงเราอย่างไร เราจะทำงานให้มีผลงานให้มากเผื่อที่จะต้องใช้เวลาไปที่ทำงานใหม่ เราจะพัฒนาทักษะที่สำคัญในโลกยุคใหม่ เปิดใจให้กว้าง เพื่อไม่ให้ตกยุค การหาเครือข่ายภายนอกที่เมื่อเราต้องเปลี่ยนงานแล้วก็ยังจะพอมีคนให้ถามไถ่ให้แนะนำได้
รวมถึงการเก็บออมในกรณีที่ต้องตกงานและใช้เวลาซักพักในการหางาน การคิดถึงขาลงจะทำให้เราทำตัวคนละแบบกับการทำตัวขาขึ้นแบบไม่มีลง และเอาเข้าจริงแล้ว การทำตัวแบบคิดถึงขาลงอาจจะทำให้ขาขึ้นเรายาวนานกว่าที่จะเป็นเสียด้วยซ้ำ
เรื่องราวของเวลาขาขึ้นต้องเผื่อตอนขาลงนั้นจะชัดเจนมากเวลาเกิดขึ้นแล้ว ตลาดหุ้น ตลาดคริปโตที่ลงหนักช่วงนี้ก็เป็นบทเรียนที่ดีที่จะเล่าให้เห็นภาพเรื่องนี้ได้ดี เมื่อปีที่แล้วใครบอกว่าคริปโตจะลงก็จะโดนด่ายับว่าไม่เข้าใจ
แม้กระทั่งปู่วอร์เรนเมื่อไม่นานมานี้ก็โดน แต่พอลงแบบนี้ ถ้ามีชีวิตรอดไปได้ก็จะรู้แล้วว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าขาลงแล้วถึงกับหมดตัวก็ไม่ควร all in ไม่ควรกู้เงินมาเล่น ก็เป็นการวางแผนขาลงที่ควรจะคิดไว้เวลาขาขึ้นนั้นมาอีกรอบเช่นกัน
เรื่องราวของการทำธุรกิจกับพาร์ตเนอร์ที่เวลาจนๆก็รักกันดี แต่พอรวยแล้วก็มักจะทะเลาะกัน ถึงกับโกงกันก็มีก็เพราะไม่ได้คุยกันละเอียดถึงบทบาทหน้าที่ ในเวลารวยแล้วควรจะเสพสุขร่วมกัน กลับกลายเป็นขาลงด้านความสัมพันธ์กันไป
หรือเวลาบริษัททำกำไรได้มาก ก็อย่าไปก่อหนี้เกินตัว เพราะเวลาเหตุการณ์ขาลงนั้นอาจจะถึงกับสูญสิ้นจนหมดได้ ถ้าใครนึกไม่ออกให้ไปถามคนที่ผ่านเหตุการณ์ต้มยำกุ้งในปี 1997 ดูก็จะเข้าใจ
เวลามีความสุขมากๆ ผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มักจะสอนเสมอว่าให้เผื่อความทุกข์ที่กำลังจะมาไว้ด้วย เวลาสุขจะได้ไม่เหลิง เวลาทุกข์จะได้เตรียมตัวไม่ให้ทุกข์มาก
ชีวิต ธุรกิจ การลงทุน ก็ไม่ต่างกันในเรื่องนี้เช่นกัน ใครที่กำลังอยู่ช่วงขาขึ้น กำลังพีค ทุกอย่างดูสดใส คิดเผื่อช่วงขาลงไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ
เขียนไว้ให้เธอ
- 95
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
