4 ก.ค. 2022 เวลา 14:01 • ธุรกิจ
3 วิธีดึงเงินออกจากบริษัทแบบถูกต้อง!
อยากวางแผนเอาเงินออกจากบริษัท
แต่ไม่อยากมีปัญหาภาษี ลองเลือกใช้ 3 วิธีนี้ดูครับ
อันดับแรกต้องเข้าใจว่า เมื่อเราจดบริษัทแล้วจะถือว่าเป็น การแยกธุรกิจออกจากตัวเราแบบชัด ๆ ดังนั้น ในความสัมพันธ์ จะถือว่ามี 2 คนครับ คือ บุคคล กับ บริษัท
สิ่งแรกที่ต้องรู้ไว้ คือ อยู่ดีๆ จะไปดึงเงินไม่ได้นะครับ!
เพราะเมื่อมี 2 คนแบบนี้ จะถือว่าเป็นการยืมเงินระหว่างกัน โดยทางเทคนิคจะถือว่าเป็นลูกหนี้ครับ เช่น ถ้าอยู่ๆ เราไปเอาเงินออกมาจากบริษัทแบบหน้าตาเฉย แบบนี้ก็เท่ากับว่าเราเป็นลูกหนี้บริษัทครับ มีหน้าที่ต้องใช้คืน และในมุมภาษีต้องมีการคิดดอกเบี้ยเงินก้อนนี้ด้วย แถมยังอาจจะเป็นประเด็นอื่น ๆ ตามมาได้ครับ
1
ดังนั้นถ้าหากอยากจะดึงเงินแบบถูกต้อง
เราควรพิจารณาใช้ 3 วิธีดังนี้ดูครับ …
1. ค่าจ้าง วิธีนี้เหมาะสำหรับกรณีที่เราทำงานให้บริษัท นอกจากการเป็นผู้ถือหุ้นที่ลงเงินแล้ว แต่เรายังทำงานในหน้าที่ต่างๆ เช่น เป็นกรรมการบริหาร ผู้จัดการ ดูแล หรือมีตำแหน่ง แบบนี้เราสามารถกำหนดค่าจ้างให้กับตัวเองได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ เงินเดือน โบนัส ที่ปรึกษา เงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม ซึ่งกำหนดตามความเหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจครับ
โดยค่าจ้างที่จ่ายให้กับเรา จะถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีของบริษัท (ค่าใช้จ่าย) และ ถือเป็นเงินได้ในการคำนวณภาษีของบุคคล หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกทีครับ
2. ค่าเช่าสินทรัพย์ ในกรณีที่เจ้าของมีสินทรัพย์ส่วนตัวที่ให้บริษัทเช่าเพื่อใช้ทำธุรกิจได้ เช่น บ้าน อาคาร ห้อง รถยนต์ อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ตรงนี้ก็เป็นการวางแผนจัดการรายได้อีกทางหนึ่งครับ แต่ต้องดูโครงสร้าง การประกอบธุรกิจต่างๆ ให้เหมาะสมด้วยนะครับ
โดยค่าเช่าที่ว่า ก็จะถือเป็นรายจ่ายบริษัทในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และเป็นเงินได้ของเราในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหมือนกันครับ
3. เงินปันผล ในกรณีที่ธุรกิจมีกำไร และเราเป็นผู้ถือหุ้น สามารถจ่ายในรูปแบบเงินปันผลได้ครับ โดยเงินปันผลจะคิดจากจำนวนหุ้นที่เราถือ ยิ่งเราถือหุ้นมาก การจ่ายเงินปันผลก็จะได้มากขึ้นตามไปด้วยครับ
โดยข้อสังเกตของเงินปันผลจะมีอยู่ 2 เรื่องทีต้องพิจารณาให้ดีครับ นั่นคือ ธุรกิจต้องมีกำไร และ การนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมือได้รับเงิน เพราะว่าเงินปันผลสามารถเลือกที่จะหักภาษีณ ที่จ่าย 10% แล้วไม่ต้องรวมคำนวณภาษีประจำปีได้ (Final TAX) ครับ
สุดท้ายแล้ว รูปแบบการจ่ายผลตอบแทนต่างๆ เหล่านี้จะมีความสัมพันธ์กับเรื่องหนึ่งครับ นั่นคือ ข้อมูลที่แท้จริงของธุรกิจ ถ้าหากธุรกิจมีรายได้สูง เราก็สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับเจ้าของได้ในจำนวนที่มากขึ้น ตามความรับผิดชอบของงาน หรือ การใช้งานสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง หรือในที่สุดแล้วหากธุรกิจมีกำไรสูง เราก็สามารถจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้นเช่นกันครับ
ดังนั้นอย่าลืม วางแผนโครงสร้างธุรกิจให้ดี เพื่อที่เราจะได้ออกแบบการจ่ายผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมนั่นเองครับผม
โฆษณา