5 ก.ค. 2022 เวลา 23:00 • นิยาย เรื่องสั้น
EP44: จตุพรเทพคนที่4 แห่งร้านทะเล!
สวัสดีครับ พี่น้องทั้งหลาย เอ็นวายกู New York Kitchen University เรื่องราววุ่นๆ ของพวกเราเหล่ามนุษย์ห้องครัวในเมืองนิวยอร์ก วันนี้ตอนที่ 45 แล้ว ก็จะมาเล่าเรื่องของจตุรเทพคนที่สี่ แห่งร้านทะเลนะครับ (จตุรเทพคนที่สามนั่น เขียนทิ้งเอาไว้ตอนที่ 31 เลยเชียว 555)
ย้อนความเดิมอีกนิด เพราะห่างไปนาน ก็หลังจากที่ผมมาอยู่ที่นิวยอร์กได้สักประมาณปีนึง ก็ได้โอกาสพาตัวเองเข้าไปทำงานในร้านทะเล ร้านอาหารไทยที่ใหญ่ที่สุด ที่ดังที่สุดในนิวยอร์กในขณะนั้น ใหญ่ขนาดไหนน่ะเหรอ ก็ประมาณครึ่งสนามฟุตบอลได้ ส่วนดังขนาดไหนน่ะเหรอ? ก็ดังขนาดที่เรียกว่า เป็นฉากถ่ายหนัง ถ่าย Series ดัง ๆ มาแล้วมากมาย ที่โม้ได้ยันลูกบวชเลยก็คือ Sex and the City ที่มีเจ๊ Sarah Jessica Parker เล่นนั่นน่ะแหละ
แผนที่ร้านทะเลครับ จะใหญ่ไปไหน?
เมื่อพาตัวเองเข้ามาอยู่ในร้านบี๊ซี่ๆ ทำเงินแบบคืนเดียวแตะเลข $300 คืนนึงเกือบหมื่นบาทได้แบบนี้ ผมเองด้วยวัยที่ยังขบเผาะ ไม่ประสีประสา เป็นโนวิทตัวบาง กว่าจะได้อัพจ็อป ก็ต้องรับการเทรนจาก 4 จตุรเทพ ที่เป็นสุดยอดฝีมือแห่งร้านทะเล
เริ่มจากจตุรเทพคนที่ 1 คนนี้เป็นคนจีน ชื่อ ดิงเล็ก เห็นตัวบางกรอบ คล้ายคนเป็นโรคขาดสารอาหาร ที่มากับเทคนิคการเก็บจานแบบเสียบเข้าตามรอยต่อนั้น ทำให้สามารถเก็บได้มากในคราวเดียว
ต่อมาจตุรเทพคนที่ 2 คือไอ้จั๋ง หนุ่มเม๊กซิกัน เตี้ยตันล่ำบึ่ก ที่ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องร้องเพลงแร็ฟโย่วๆ กับฝีมือการจัดเรียงจานชามได้แบบสวยงามไร้ที่ติ สามารถใช้พื้นที่ทุกส่วนของถาดเล็กๆ ที่ถืออยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และจตุรเทพคนที่ 3 ไอ้เจ็ตโด้ จตุรเทพลูกครึ่งไทย-เมกา ที่ฝีมือดี แต่ขี้เกียจตัวเป็นขน นานๆ จะองค์ลงเก็บจานเป็นบุญตาซะที ผ่านมาแล้วสามคน วันนี้เทรนวันสุดท้ายแล้ว ผมก็เตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วว่า คงจะไม่พ้น ได้เจอกับจตุรเทพคนที่ 4 เป็นแน่แท้
“อ็อตโต้ ยูไปเทรนกับอามิต จตุรเทพคนที่ 4 นะ” พี่ยวดบอก ผมรับปากทันที แหม่ ตามที่คิดเอาไว้เลย เจอมาแล้วสามเทพ แต่ละคนนี่จัญไรเบอร์ตองทั้งนั้น มาๆ รับน้องให้ครบๆ จะได้เริ่มงานเข้าสู่รั้วมหาลัยห้องครัวเสียที เรียกว่า เตรียมตัวมาตั้งแต่บ้าน จะเจอเทรนให้แบกเยอะเหรอ สบาย! จะต้องวิ่งทั้งคืนใช่ม่ะ โอเค!
จากประสบการณ์ที่ได้เจอมาแล้วสามจตุรเทพ คาแรคเตอร์ของจตุรเทพทั้งสามคนที่มีเหมือนกัน นอกเหนือจากความขี้เกียจก็คือ หัวที่โกนซะเลี่ยนเหมือนกันหมด แต่เมื่อผมได้เจอกับอามิต ผมต้องอึ้งแดก!
คิดเป็นฉากหนังนะครับ: เริ่มจากได้ยินเสียงเพลงร็อคฝรั่งยุค ’90s พร้อมกับเสียงก้าวเดินช้า ๆ จนผมต้องหันไปทางต้นเสียง และกล้องก็ค่อยๆ Tilt up ขึ้นมาช้า ๆ จากรองเท้า Sneaker ไปที่กางเกงเลสีแดงเลือดหมูกับเสื้อยืดสีขาว ซึ่งเป็นชุดทำงานของ Busboy, กล้อง Tilt up ต่อไปอีก ไปจบที่อามิตที่กำลังเดินสะบัดผมอย่างกับในโฆษณาแชมพู, ตัดมาที่โคลสอัพหน้าของอามิตที่สะบัดเก็บผมไปด้านหลัง, มาจบที่หน้าผมที่คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับสีหน้าที่แปลได้ว่า ‘ไอ้นี่มันตัวอะไรวะ’
จตุรเทพคนที่ 4 อามิตนั้น อย่าว่าแต่โกนหัวเลยครับ พี่แกผมยาวขนาดถึงกลางหลังด้วยซ้ำ ด้วยความที่พี่แกเป็นหนุ่มแขกล่ะมั้ง เลยทำให้ไว้ผมยาว แถมหนวดเคราก็ยาวเฟิ้ม เฮ้ย แบบนี้ก็ได้เหรอ?
หลังจากที่พี่ยวดแนะนำฝากฝังผมให้เทรนกับอามิต “ฮัลโหล เราอามิตนะ สวัสดี นายชื่ออะไรล่ะ?” อามิตทักมาแบบสุภาพนรก เล่นเอาผมอึ้งแดก! คือ คนล่ะสไตล์กับไอ้จตุรเทพสามตัวก่อนหน้านี้ ที่อย่าว่าจะแนะนำตัวเลยครับ หน้าผมพวกมันยังไม่มอง! เล่นเอาผมงงไปหมด ไม่แน่ใจว่าอามิตนี่มันจะมาไม้ไหน? แต่โบราณว่าไว้ อย่าประมาท Guard อย่าตกเอาไว้ก่อนจะดีกว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ อ็อตโต้ ยังไงวันนี้อยู่กับเราเหนื่อยหน่อย มีคำถามอะไรถามเราได้เลยนะ” อามิตบอกพร้อมยิ้มปากกว้างเผยให้เห็นฟันหลายซี่ผ่านไรหนวดเคราที่รุงรัง เฮ้ย นี่มันอัลไล!
“เอาเป็นว่า อ็อตโต้ Shadow ดูเราทำงานไปก่อนนะ จะได้รู้ว่าทำงานกันยังไง” อามิตแนะนำเสียงนุ่ม การ Shadow ก็คือ เทคนิคการสอนงานเบื้องต้น โดยจะให้เด็กใหม่เป็นเหมือนเงา คอยสิงตัวของคนสอนงาน โดยที่ไม่ต้องทำอะไร คอยสังเกตดูว่า เขาทำงานกันยังไง สงสัยอะไรก็ถามได้ พอถึงเวลาก็จะสลับกัน ให้คนสอนงานมา Shadow เพื่อดูว่าเราทำงานได้ถูกต้อง โอเคไหม เฮ้ย! อามิต นี่มึงอยู่แก๊งค์จตุรเทพเดียวกันจริงๆ หรือไม่ได้อ่าน Line กลุ่มวะเนี่ย? ทำไมมันตรงกันข้ามขนาดนี้!
ผมก็งงไปหน่อยนึง แต่ใจก็คิด เอาวะ จะมาไม้ไหนก็ช่าง อาจจะเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีต่อหน้า เหมือนพวกนักการเมืองเวลาหาเสียงก่อนเข้าสภาก็ได้ ใครจะไปรู้ ให้เราเป็น Shadow ก่อนก็ได้ สบายอีกต่างหาก ไม่ต้องแบก จะได้คอยดูว่าอามิต จตุรเทพคนสุดท้ายเขาทำงานยังไง เห็นผมยาวๆ หนวดเคราเฟิ้มๆ แบบนี้ แต่เชื่อซิ มันต้องมีเทคนิค วิชาอะไรที่ซุกเอาไว้เป็นแน่ ไม่งั้นคงไม่เป็นหนึ่งในจตุรเทพ Busboy ของร้านทะเลแห่งนี้ได้หรอกจริงไหม?
สีแดงคือ ชายแดนครับ ไกลสัส!
บอกเป็นครั้งที่ล้านว่าร้านทะเล มันใหญ่จริงๆ ขนาดเป็นครึ่งสนามฟุตบอลได้ การระบุโต๊ะนั้นก็จะใช้เป็นตัวอักษรผสมตัวเลข เรียงเป็นแถวไปเพื่อความสะดวกในการทำงาน แต่จะมีอยู่โซนนึงที่ไม่ค่อยจะมีใครอยากทำงานตรงนั้น เรียกว่าเป็นโซนปราบเซียน ที่เรียกกันแบบนี้ก็เพราะว่า มันอยู่ไกลสุดไม่ว่าจะเป็นที่เก็บจาน หรือว่าที่ทำน้ำดื่มเลยทีเดียว เดินแต่ละทีกินแรง กินเวลาเสียเหลือเกิน คนในร้านจึงเรียกโซนนี้ว่า ‘ชายแดน’
ผมเองก็เคยโดนจับไปเทรนงานที่ชายแดนมาแล้ว ยอมรับว่าเหนื่อยแสนสาหัส กลับบ้านแต่ละที นอกจากเมื่อยแขนเพราะแบกจานแล้ว ยังเมื่อยขาเพราะเดินจนเปื่อยอีกต่างหาก คืนนึงเดินไม่รู้กี่กิโล เมื่อผมพูดถึงชายแดนที่ทำงานลำบากมาขนาดนี้แล้ว มันก็เหมาะสมกับจตุรเทพ Busboy ผู้มีฝีมือไม่ธรรมดาใช่ไหมล่ะครับ ว่าแล้วผมก็ทำตัวเป็น Shadow ที่ดีคอยติดตามอามิตไม่ห่าง เพื่อศึกษาดูเคล็ดลับในการทำงานในการลงพื้นที่ระดับความยาก 5 ดาวแบบนี้
ดาวสีแดงคือ ที่เอาน้ำครับ T-T)
ว่าแล้วอามิตก็เดินเข้าไปแบบมั่นใจ คุยกับลูกค้าว่า ขอเก็บจานชามที่คุณลูกค้ากินเสร็จแล้วนะ ก่อนเก็บจานชามขึ้นมาวางบนถาดอย่างทะมัดทะแมง เอ๊ะ! ทำไมอามิตใช้ถาดขนาดกลางนะ จตุรเทพสามคนที่ผมเจอ ทุกคนใช้แต่ถาดเล็กทั้งนั้น
“ไม่เป็นไรๆ อาจเป็นเทคนิคของแต่ละคน ถาดใหญ่ถาดเล็กไม่สำคัญหรอก ขอแค่เก็บจานได้ก็พอจริงไหม คนอื่นใช้ถาดเล็กยังเก็บได้ขนาดนั้น นี่อามิตใช้ถาดใหญ่กว่า มันต้องเก็บได้มากกว่าคนอื่นแน่นอน!” ผมคิดในใจ พลางมองอามิตที่เอื้อมมือเก็บจานชามมาวางบนถาดของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องงงอีก ว่าทำไมอามิตมันเรียงจานแบบทับกันไปเลย ไม่ยอมวางแบบกระจายเว้นที่ว่างไว้ เป็นรอยต่อให้เสียบจานแบบที่ดิงเล็กทำ
“ไม่เป็นไรๆ อาจเป็นเทคนิคเชื้อชาติใคร เชื้อชาติมัน ดิงใช้เทคนิคเด็ดจานต่อชาม แบบของคนจีน, อามิตก็อาจจะใช้ เทคนิคแบบของพี่ใบ๋ก็ได้ใครจะรู้!” ผมคิดในใจอีกที พร้อมทั้งตั้งใจสังเกตการวางจานของอามิต
อามิตวางซ้อนได้สามสี่ใบ จานที่อยู่บนสุดก็เริ่มเอียงกระเท่เร่แล้ว อามิตต้องเอาช่วงหน้าอกเข้ามาดันจานไว้ไม่ให้มันเอียง แล้วรีบเดินจ้ำไปหลังบ้านทันที ผมก็เริ่มจะตะหงิดๆ ขึ้นมาล่ะ แต่ก็เดินตามอามิตที่กำลังไปเอาน้ำเปล่ามาเสิร์ฟให้กับลูกค้า อามิตหันมามองผมพร้อมยิ้มแย้มพยักหน้าให้ดูว่าเรียงยังไง
แล้วพี่แกก็เรียงแก้วน้ำบนถาด แต่จะเรียกว่าเรียงแบบไอ้จั๋งก็คงไม่ถูก มันเหมือนเอาแก้วมาดันๆ กันเอาไว้ บางแก้วดันจนก้นแก้วเอียง พออามิตเติมน้ำ แก้วก็ล้ม น้ำหกออกมาเต็มถาด ต้องเสียเวลาเทน้ำออก เรียงแก้วใหม่ ตอนนี้สายตาของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นมองบนล่ะ เฮ้ย....นี่มันเล่นกูแล้วแน่ๆ เลย
อามิตรีบแบกถาดเดินกลับไปชายแดนเพื่อจะรีบเก็บจานต่อ แต่เหมือนมันดูงุ่มง่าม จังหวะมันไม่ถูกที่ไปหมด พี่บีที่เป็น Server ประกบก็ต้องลงมือช่วยกันเก็บจานแอฟ เพราะอาหารจานหลักมาแล้ว แต่ไม่มีที่ลงอาหารให้กับรันเนอร์ จนรันเนอร์ส่ายหัวกันใหญ่
ผมที่ตอนนี้ก็ยัง Shadow อยู่ พอได้เห็นแบบนี้ ผมก็ร้องอ๋อ อามิตมันต้องจงใจ ทำให้เราเห็นแน่ๆ เลยว่า การทำงานแบบไม่ถูกต้องนั้นมันเป็นยังไง ก่อให้เกิดความลำบากอย่างไรบ้าง เราจะได้ไม่ทำ ผมพยายามคิดในแง่บวก แต่พอเงยหน้ามามองอามิตที่ลุกลี้ลุกลน ดูมึนๆ งงๆ ทำอะไรไม่ถูก
“กูว่ามันไม่ได้แกล้งแล้วล่ะแบบนี้” ผมบอก ก่อนจะเลิก Shadow กระโดดลงไปช่วยเก็บจานอีกแรง
หลังจากนั้นก็เป็นอะไรที่วุ่นวายมากครับ คืนวันศุกร์เสาร์อันแสนจะบี๊ซี่ แถมอยู่ชายแดนอีก กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง ตอนลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว อามิตขอไปพักกินน้ำสักหน่อย ขณะที่ผมยืนพักแข้งพักขาอยู่นี่เอง พี่บีก็เข้ามาคุยด้วย
“เป็นไงบ้างน้องอ็อตโต้ เหนื่อยไหมวันนี้” พี่บีถาม
“โห… พี่บี สายตัวแทบขาด นี่ไม่รู้อามิตเทรนผม หรือผมเทรนอามิตอ่ะพี่” ผมตอบขำๆ
“อามิตมันเป็นนิสัยดีนะ” พี่บีเล่า ก่อนจะบอกต่อ
“แต่ทำงานกับมันนะ พี่เหนื่อย! ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเวลาต้องออกน้ำ มันดันเอาไปเก็บจาน ส่วนเวลาที่ต้องเก็บจาน ดันไปทำอย่างอื่นอยู่เรื่อย ตอนแรกพี่นึกว่ามันกวน แต่เปล่าเลย มันทำงานไม่เป็น!” พี่บีเล่าอย่างมีอารมณ์
“ทำไมทำงานไม่เป็นล่ะครับ อามิตก็เป็นหนึ่งในจตุรเทพไม่ใช่เหรอครับ?” ผมถามพี่บี ซึ่งพอได้ยินเท่านั้นแหละ พี่แกหันมามองค้อนตาแทบเหล่
“จตุรเทพอะไรล่ะ มันมีอยู่สามคน ไอ้ดิงเล็ก ไอ้จั๋ง ไอ้โด้เท่านั้นแหละ แต่ทีนี้พวกเราดันไปตั้งชื่อมันเป็นจตุรเทพ ก็เลยต้องมีสี่คน ทีนี้ใครก็ไม่รู้ตั้งกฎบ้าๆ ออกมาว่าอีกว่า ต้องเป็นฝรั่งเท่านั้น แถมห้ามเป็นสัญชาติซ้ำกับไอ้สามตัวนั้นอีก ห้ามเป็นคนจีน, เม๊กซิกัน, อเมริกันอีก สุดท้ายก็เลยเหลือแต่ไอ้อามิตนี่แหละที่เป็นได้” พี่บีเล่าซะเป็นวรรคเป็นเวร ผมได้ฟังแล้วก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ
คืนนั้นหลังจากที่ผมเทรนสอนงานอามิตเรียบร้อยแล้ว เอ๊ย ไม่ใช่ๆ หลังจากที่ผมผ่านการรับน้อง เทรนงานจากจตุรเทพทั้ง 4 , ลงทะเบียนเข้ามหาลัยห้องครัวเป็นอันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาลงสนามไปเจอกับประสบการณ์หฤโหดจากร้านอาหารในนิวยอร์กสักที!
หากชอบใจ ฝากกดติดตาม กดไลค์ อ่านเรื่องราวอัพเดทของ เอ็นวายกู NYKU: New York Kitchen University เรื่องวุ่นๆ ของพวกเราพี่น้องคนไทย ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ห้องครัวในมหานครนิวยอร์กได้ที่นี่นะครับ ขอบคุณครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา