4 ก.ค. 2022 เวลา 21:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วัยรุ่นอย่างเรา... ลงทุนอะไรได้บ้างนะ?
ก็ไม่อยากจะทำให้ “วัยรุ่นเซ็ง” หรอกนะ เพราะรู้ว่า กว่าจะเอาชนะ “ความอยาก”
กว่าจะอดใจให้อดออมได้ในแต่ละเดือนก็เลือดตาแทบกระเด็น
แต่สมัยนี้แค่เงินออมอย่างเดียวคงไม่พอที่จะทำให้เงินเติบโตมาสู้กับเงินเฟ้อได้ทัน
เมื่ออุตส่าห์อดออมจนมี “เงินก้อนเล็กๆ” สักก้อน อย่าลืมคิดถึงเรื่องการลงทุน เพราะการลงทุนเป็นการต่อยอดเงินออมไปสู่ความมั่งคั่ง ดังนั้นแค่เปลี่ยนจากการออม มาเป็นลงทุนแทน ชีวิตที่มีอิสรภาพ ทำตามความฝันของตัวเองได้ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ก่อนจะไปเริ่มต้นลงทุนคงต้อง
ขอเสียงวัยรุ่นหน่อย... พร้อมที่จะลงทุนกันแล้วหรือยัง
ถ้าพร้อมก็มาเริ่มกันเลย!!!
รู้จักตัวเอง
เจอหัวข้อนี้ น่าจะมีเสียงค้านในใจหลายเสียงเลยว่า เกิดมาจนจะทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองอยู่แล้ว จะมาบอกว่า “ไม่รู้จัก ไม่เข้าใจตัวเอง...เป็นไปไม่ได้” แต่เชื่อเถอะมันเป็นไปได้จริงๆ
ถ้าไม่เชื่อ ลองถามตัวเองดูว่า ณ วันนี้ วันที่เราจะเริ่มลงทุน เรารู้หรือยังว่า เราตั้งเป้าหมายอะไรไว้สำหรับการลงทุน เพราะการมีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญมาก การลงทุนที่มีเป้าหมายต่างกัน อาจจะต้องลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น การลงทุนเพื่อวัยเกษียณ จะมีรูปแบบการลงทุนเพื่อหวังผลกำไรในระยะยาว
ถ้าไม่เชื่อ ลองถามตัวเองดูว่า เรายอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน เคยถามตัวเองหรือยังว่า ถ้าเงิน 100 บาทที่ลงทุนไป จะยอมให้ขาดทุนได้สักกี่บาท ซึ่งหากบอกว่า หายไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว นั่นเรียกว่า “กลัวสุดๆ” เพราะ ความเสี่ยง คือ โอกาสที่เราจะไม่ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คิดไว้ ซึ่งการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง เพียงแต่จะมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป
นอกจากนี้ ความเสี่ยง กับ ผลตอบแทนที่คาดหวัง ยังมีความสัมพันธ์กันด้วย เพราะถ้าเราอยากได้ผลตอบแทนมากๆ ก็ต้องทำใจเอาไว้ด้วยว่า การลงทุนนั้นจะมีโอกาสขาดทุนสูงเช่นกัน แล้วกล้าไหมที่จะลอง? ถ้าไม่กล้าเสี่ยงก็ลองลดระดับ “เป้าหมาย” ลงมาสักหน่อยให้เหมาะกับความสามารถ ที่อาจจะทำให้ผลตอบแทนน้อยลงสักนิด แต่โอกาสที่จะผิดหวังก็น้อยลงตามไปด้วย
เข้าใจสิ่งที่จะลงทุน
เมื่อรู้จักตัวเอง รู้เป้าหมายการลงทุน และ รู้ว่าเสี่ยง ...แต่ยังต้องขอลอง แล้ว ก็ต้องไปทำความรู้จักสิ่งที่เราจะลงทุนกันก่อน เพราะทุกวันนี้มีช่องทางให้เลือกลงทุนมากมาย และนับวันจะยิ่งมีให้เลือกมากขึ้นๆ ทุกที ไม่ว่าจะเป็น การฝากเงินกับธนาคาร ประกันออมทรัพย์ สลากออมสิน ก็ถือเป็นการลงทุนเช่นเดียวกัน แต่วัยรุ่นอย่างเรา ถ้ากล้าที่จะลงทุนแล้วก็ลองมาทำความรู้จักกับสินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยงมากหน่อยเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนกันดีกว่านั่นก็คือการลงทุนใน “หุ้นและกองทุนรวม”
หุ้น
ถ้าก่อนหน้านี้บอกว่า ไม่เคยได้ยินคำว่า “หุ้น” หรือ “ตลาดหุ้น” ยังพอให้อภัย แต่ถ้านับจากวันนี้ไปแล้วไม่ทำความรู้จักกับหุ้นสงสัยจะมีเคือง เพราะหุ้นเป็นเครื่องมือที่ทำให้เงินลงทุนมีโอกาสงอกเงยได้มากและไม่ใช่เรื่องยาก ลองมาดูกันว่า ผลตอบแทนจากการ “ถือหุ้น” ในฐานะเป็น “เจ้าของกิจการ” จะมีอยู่ 2 ทาง คือ เงินปันผล และกำไรจากซื้อขาย
เงินปันผล (Dividend) คือ ผลตอบแทนที่จะได้รับจากการถือหุ้น โดยเมื่อบริษัทที่เรา (มีส่วน) เป็นเจ้าของมีกำไรจากการทำธุรกิจ ก็จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละเท่าๆ กัน เพราะฉะนั้นยิ่งมีหุ้นจำนวนมากๆ ก็จะได้ผลตอบแทนมากตามไปด้วย แต่บางครั้งบริษัทที่เราเข้าไปลงทุนอาจจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ หรือ ต้องใช้เงินในการขยายธุรกิจมากๆ ก็อาจจะยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เรายังสามารถทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นได้ หรือ ที่เรียกว่า “ส่วนต่างราคา” (Capital Gain) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราสามารถซื้อหุ้นในราคาถูกแล้วมาขายเมื่อราคาแพง หรือพูดง่ายๆ ว่า “ซื้อถูก ขายแพง” และที่สำคัญคือ แม้ว่า เราจะมีเงินออมอยู่เล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนในหุ้นได้ เพียงแค่ติดต่อไปที่บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)
ซึ่งบางแห่งกำหนดอายุขั้นต่ำในการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ที่อายุเพียง 20 ปีบริบูรณ์เท่านั้น และอาจจะเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแบบ Cash Balance โดยเราต้องนำเงินไปฝากไว้ที่โบรกเกอร์ และสามารถซื้อหุ้นได้ตามจำนวนเงินที่เราไปฝากเอาไว้เท่านั้น ซึ่งโบรกเกอร์หลายแห่งไม่ได้กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำเอาไว้ ทำให้นักลงทุนมือใหม่ที่มีเงินออมไม่กี่พันบาทก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้
นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่อย่างเราๆ ยังควรจะใช้บริการซื้อขายหุ้นผ่านอินเทอร์เน็ต เพราะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายแค่ 100-200 หุ้นได้ โดยไม่ต้องอายใคร รวมถึงค่าธรรมเนียม หรือ ค่าคอมมิชชันสำหรับซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต ยังต่ำกว่าการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านผู้แนะนำการลงทุน (IC) อีกด้วย
กองทุนรวม
เป็นการระดมเงินลงทุนจำนวนน้อยๆ จากคนจำนวนมากๆ ไปรวมกัน เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ตามนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน และมีชื่อเรียกต่างกันไปตามนโยบายการลงทุน เช่น กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ ทั้งนี้ กองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุน ซึ่งถือว่าเป็น “มืออาชีพ” ด้านการลงทุน มาคอยศึกษาว่าหุ้นตัวไหนจะอนาคตดี
ตราสารหนี้อะไรที่น่าสนใจ คอยติดตามสถานการณ์การลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีผลต่อการลงทุน และคอยซื้อขายเพื่อทำกำไรเมื่อมีจังหวะที่ดี เพราะฉะนั้นเมื่อมี “มืออาชีพ” มาคอยดูแลเงินของเราอย่างใกล้ชิดแบบนี้แล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลกับการลงทุน และ “มืออาชีพ” ก็น่าจะทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า “นักลงทุนมือใหม่” ที่มีความรู้ด้านการลงทุนแบบงูๆ ปลาๆ อย่างเรา
สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้นต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม วิเคราะห์สภาวะอุตสาหกรรมของบริษัทที่เราสนใจลงทุน และยังต้องอาศัยทักษะความรู้ในการวิเคราะห์งบการเงินต่างๆ เพื่อประเมินมูลค่าที่ควรจะเป็นของหุ้นในธุรกิจที่เราสนใจ
ดังนั้นถ้าหากคิดว่าตัวเองมีความพร้อมที่จะลงทุนในหุ้นแล้ว ก็ลงมือเริ่มศึกษาข้อมูลและเริ่มลงทุนได้เลย
แต่สำหรับคนที่เป็นมือใหม่อยากเริ่มลงทุน ประสบการณ์ลงทุนน้อย ไม่มีเวลาติดตามข้อมูล และมีเงินลงทุนไม่มากนัก
ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะกองทุนรวมก็สามารถเป็นตัวช่วยพาเราไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน
โฆษณา