9 ก.ค. 2022 เวลา 02:09 • ปรัชญา
กลิ่น คือสิ่งที่ผูกโยงกับความทรงจำ สามารถกระตุ้นและรื้อฟื้นรายละเอียดในความทรงจำให้ผุดขึ้นมาได้อย่างแจ่มชัดกว่าภาพถ่าย
กลิ่นข้าวหุงสุกใหม่ อบอวลไปทั้งบ้านขณะเด็กน้อยกำลังทำการบ้านบนโต๊ะอาหาร รีบปั่นการบ้านให้เสร็จ อยากเข้าไปดูในครัวว่าเย็นนี้จะมีกับข้าวอะไรมาขึ้นโต๊ะ
กลิ่นทะเล หมายถึงความเมื่อยล้าจากการเดินทางได้สิ้นสุดลงแล้ว เด็กๆแกะตัวออกรถ ออกมายืดเส้นยืดสาย ยังมีอีกหลายขั้นตอนกว่าจะได้ลงเล่นน้ำทะเล ต้องกินข้าว ต้องเปลี่ยนชุด ต้องนัดแนะเวลาและจุดนัดพบ ฯลฯ
กลิ่นฝน คือความสนุกสนานของเด็กๆแต่เป็นความเหนื่อยหน่ายของผู้ใหญ่ เด็กๆวิ่งหากระป๋องกระแป๋ง แย่งกันรองน้ำฝน ผู้ใหญ่ชะเง้อมองระดับน้ำในคลอง ลุ้นว่าจะล้นเข้าบ้านหรือไม่
กลิ่นควันธูป เชื่อมโยงหลายสิ่งหลายอย่าง เป็นตัวแทนของพิธีกรรม เทศกาล ความเชื่อ ความหวัง ฯลฯ ทำให้เราหวนนึกถึงคนที่เคยอยู่ คนที่จากไป
กลิ่นร้านเครื่องเขียน คือที่สุดแห่งความทรงจำในวัยเด็ก การเดินเข้าร้านเครื่องเขียน พร้อมแบงก์ร้อยที่กำอยู่มือ ทำให้รู้ซึ้งถึงอำนาจการจับจ่ายใช้สอย เด็กประถมตื่นตาตื่นใจกับข้าวของในร้าน อยากได้ไปหมด ได้รู้จัก demand side management บริหารจัดการความอยาก-ความต้องการ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด ได้เรียนรู้ที่จะตัดใจจากบางสิ่ง กลับไปหยอดกระปุก เพื่อจะกลับมาใหม่ หวังว่าของที่เล็งไว้จะไม่โดนสอยไปเสียก่อน
กลายเป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกบรรจุไว้ในเป้าหมายของชีวิต คือ เมื่อโตขึ้นอยากให้ชีวิตไปอยู่ในจุดที่ "ซื้อของไม่ต้องดูราคา อยากได้อะไรก็หยิบเลย" ไม่ได้อยากรวยล้นฟ้าแต่อย่างใด
ทุกวันนี้ ทุกครั้งที่มีโอกาส จะเดินเข้าร้านเครื่องเขียนเสมอ ไม่ได้จะซื้ออะไร แค่เดินเข้าไปสูดดมรับกลิ่นความทรงจำเก่าๆ
โฆษณา