7 ก.ค. 2022 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ถึงเวลาที่ “ค่าเงินบราซิล” ต้องอ่อนค่าแล้ว
1
หากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่สกุลเงินของพวกเขาแข็งค่าเมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ
แม้แต่สกุลเงินที่ขึ้นชื่อว่ามีอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก อย่างสกุลเงินยูโรของสหภาพยุโรปและสกุลเงินเยนของญี่ปุ่น ที่ทำสถิติอ่อนค่าที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในรอบหลายสิบปีทั้งคู่
แต่มีประเทศกำลังพัฒนาประเทศหนึ่ง ที่ก่อนหน้านี้สกุลเงินท้องถิ่นของพวกเขา แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ประเทศนั้นก็คือ “บราซิล”
ซึ่งมีบางช่วงสกุลเงิน Brazilian Real ของพวกเขา แข็งค่าถึง 15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาประมาณเพียง 1 เดือนสั้นๆ สถานการณ์ต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปี สกุลเงินของบราซิลกลับมาแข็งค่าเหลือแค่ไม่ถึง 3% เท่านั้น
เกิดอะไรขึ้นที่บราซิลตั้งแต่ต้นยันจบ ทาง Bnomics จะสรุปให้ทุกคนครับ
📌 ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง “ปีศาจของคนบราซิล” มีส่วนให้เงินแข็งค่าอย่างไร?
1
ทุกประเทศล้วนไม่ชอบปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง อันที่จริง เงินเฟ้อระดับประมาณไม่ถึง 10% แบบทุกวันนี้ ก็สร้างความยากลำบากกับการใช้ชีวิตของคนทั่วไปอย่างมากแล้ว
แต่ในช่วงทศวรรษ 1990 บราซิลเคยเจอ “เงินเฟ้อระดับหลายพันเปอร์เซ็นต์”!!!
1
ในตอนนั้น เกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งสำคัญ จนถึงขนาดที่สุดท้าย พวกเขาต้องสร้างสกุลเงินของประเทศขึ้นมาใหม่เพื่อจัดการปัญหาเงินเฟ้อ
1
และเหตุการณ์นี้ ก็ยังส่งผลต่อมาถึงกับการใช้ชีวิตของผู้คน และนโยบายทางการเงินของประเทศบราซิลในปัจจุบันด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญส่วนแรกที่ทำให้ค่าเงินบราซิลแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็คือ ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 บราซิลก็เหมือนกับหลายประเทศทั่วโลก ได้ทำการลดดอกเบี้ยนโยบายลงไปสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 2%
แต่พอการระบาดเริ่มคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อของประเทศก็กลับมาสูงขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาคึกคัก ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น และภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน
ซึ่งถ้าเป็นหลายประเทศก็จะมองว่า เงินเฟ้อในช่วงแรกนี้ เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำของปีก่อนหรือเป็นเรื่องชั่วคราว ไม่น่าจะแพร่ขยายไปสู่การตั้งราคาของพ่อค้าแม่ค้า ห้างร้านต่างๆ หรือค่าจ้างแรงงานอย่างถาวร แต่ที่บราซิลไม่สามารถคิดแบบนั้นได้เลย
เป็นเพราะว่า ประชาชนจำนวนมากของบราซิลยังจำบทเรียนวิกฤติเงินเฟ้อรุนแรงในอดีตได้ พวกเขาจึงทำสัญญาเช่า สัญญาซื้อขายวัตถุดิบ และธุรกรรมการเงินจำนวนมากอ้างอิงกับเงินเฟ้อ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
1
📌 หรือก็คือ ถ้าเงินเฟ้อขึ้น ราคาในสัญญาก็จะปรับขึ้นอัตโนมัติตามเงินเฟ้อนั่นเอง
ทำให้เวลาเกิดเงินเฟ้อในบราซิล ระดับราคาที่สูงขึ้นจะส่งผลในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ทำให้ทางธนาคารกลางของเขาที่ต้องรีบลงมือขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาเรียนรู้มาจากอดีตที่เจ็บปวดเช่นกันว่า ถ้าจัดการเงินเฟ้อไม่อยู่จะส่งผลเสียได้ขนาดไหน
1
โดยนับตั้งแต่ขึ้นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2021 จนถึงตอนนี้พวกเขาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 2% มาอยู่ที่ 13.25% หรือคิดเป็น 11.25% แล้ว! ในเวลาปีกว่าเท่านั้น
2
ดอกเบี้ยที่ขึ้นมาสูง ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกยังคงดอกเบี้ยต่ำอยู่ ก็ดึงดูดเงินทุนจำนวนมากให้มาลงทุนเพื่อผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยที่สูงกว่าในบราซิล
ซึ่งเงินที่ไหลเข้ามา ก็เพิ่มความต้องการเงินสกุลท้องถิ่นของบราซิล จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เงิน Brazilian Real แข็งค่าขึ้นมาอย่างมากตั้งแต่ช่วงต้นปี
*เกร็ด: ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่ยังไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในตอนนี้อย่างญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ก็ได้รับผลกระทบมีเงินทุนไหลออกไปด้วยเหตุผล “ความต่างของดอกเบี้ย” เช่นกัน
แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงโดยเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ค่าเงินของบราซิลแข็งค่าขึ้น
📌 ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยที่ต่างที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ซึ่งเอื้อให้ค่าเงินบราซิลแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้า คือ การที่พวกเขาเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) รายใหญ่ของโลกอีกคน
เมื่อเกิดวิกฤติสงครามในยูเครน ก็ทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างที่เราทราบกัน ซึ่งก็ทำให้ประเทศบราซิลได้ดุลการค้าสูงเป็นระดับประวัติการณ์
ดุลการค้าที่สูงอย่างมากนี้ ก็หมายถึง ในด้านการค้าขาย มีเงินไหลเข้าประเทศบราซิลมากกว่าไหลออก ก็ทำให้ค่าเงินยิ่งแข็งค่าไปอีก
ถึงขนาดที่ แม้ว่าทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมีนาคม ซึ่งก็ทำให้ดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น จนทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลจำนวนมากในโลก
แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้ทำให้ค่าเงิน Real อ่อนค่าลงได้
โดยหากเทียบอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบราซิลต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2022 ที่ 4.72 กับอัตราแลกเปลี่ยนตอนเริ่มปีที่ 5.58 จะเห็นว่า ค่าเงินบราซิลแข็งค่าขึ้นกว่า 15% เลยทีเดียว
แต่แล้วในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว ค่าเงิน Real ของบราซิล อ่อนค่าลงถึง 10% ลงมาอยู่ที่ระดับ 5.238 Brazilian Real ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และก็ยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องในต้นเดือนกรกฎาคม
ซึ่งเป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก โดยปัจจัยแรกเป็นสิ่งที่ค่าเงินของประเทศกำลังพัฒนาเจอเหมือนกันทั่วโลก นั่นคือ ความกังวลต่อวิกฤติเศรษฐกิจระลอกใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทำให้เงินทุนไหลออกจากบราซิล ที่เขามองว่าเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยง กลับเข้าสู่รูปเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
1
และอีกปัจจัยที่เกิดขึ้นในประเทศบราซิลเอง มาจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์การคลังและการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม
ซึ่งมีโอกาสที่ทั้งรัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลชุดต่อไป จะทำการก่อหนี้เกินกว่าที่กรอบกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งมันก็จะลดความสามารถและความน่าเชื่อถือระยะยาวของประเทศที่ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่เคยผ่านวิกฤติใหญ่อย่างบราซิลได้
1
ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนี้ ก็ยังผลักดันให้ตลาดคาดการณ์ความผันผวนที่รุนแรงขึ้นของเงิน Real ในช่วงต่อไป จนเริ่มทำการประกันความเสี่ยงค่าเงินกันมากขึ้น
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า สถานการณ์ค่าเงินของบราซิลจะเป็นอย่างไรต่อ และแนวโน้มการอ่อนค่าที่เกิดขึ้นตอนนี้จะลากยาวไปถึงเมื่อไร
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
โฆษณา