9 ก.ค. 2022 เวลา 10:16 • สุขภาพ
🌀Drospirenone-only pill
เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวชนิดใหม่ที่มีกลไกการออกฤทธิ์หลัก คือ​
1)ยับยั้งการตกไข่
2)เกิดการหนืดข้นของมูกปากมดลูก ขัดขวางการเคลื่อนที่ของสเปิร์มไปผสมกับไข่
3)ทำให้ผนังมดลูกบางลงไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว
4)ท่อนำไข่บีบตัวได้น้อยลง จึงอาจเกิดการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้วนอกมดลูกได้
ปัจจุบัน Slinda® เป็น drospirenone-only pill ขนาด 4 มก. รูปแบบแผง 24+4 เม็ด เพียงชนิดเดียวที่ขึ้นทะเบียนยาแล้วในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 ​ประกอบไปด้วยตัวยาสำคัญคือ​ drospirenone​ 4 มิลลิกรัม​ จำนวน​ 24​ เม็ด
📌ข้อดีของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดนี้ คือ
มีประสิทธิผลในการคุมกำเนิดไม่แตกต่างจากยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนรวม
แต่มีอาการไม่พึงประสงค์ต่ำกว่า เนื่องจากไม่มีเอสโตรเจน
เหมาะสำหรับสตรีที่มีข้อห้ามใช้ยาคุมที่มีเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ หรือทนต่ออาการไม่พึงประสงค์ของเอสโตรเจนไม่ได้ หรือสตรีให้นมบุตร
❗โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย ได้แก่
มีเลือดออกกะปริบกะปรอย
ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง และคัดตึงเต้านม
เนื่องจากยามีค่าครึ่งชีวิตยาวนานถึง 32 ชั่วโมง
แม้จะลืมกินยา 1 เม็ดช้าไป 1 วัน ก็ยังคงมีประสิทธิผลในการยับยั้งการตกไข่ได้
▶️หากลืมกินยาเป็นเวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของยายังคงอยู่ ให้กินยาเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และกินยาเม็ดต่อไปในเวลาเดิม
⏩หากลืมกินยาเป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของยาอาจลดลง จำนวนเม็ดยาที่ลืมกินมากเท่าไร ทำให้โอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น ให้กินยาเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และกินยาเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยในระยะ 7 วัน
♊กรณีใช้หลังแท้งบุตร
- หลังแท้งช่วงไตรมาสแรก : ให้เริ่มยาทันทีหลังแท้งโดยไม่ต้องคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย
- หลังแท้งช่วงไตรมาสที่ 2 : ให้เริ่มในช่วง 21-28 วันหลังแท้งไตรมาสที่ 2 โดยไม่ต้องคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย
หากเริ่มช้าหลังจาก 28 วันหลังแท้งและรอบเดือนยังไม่มา ควรมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ก่อนเริ่มกินยา และคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 7 วัน
♊กรณีใช้หลังคลอดบุตร
เริ่มกินยาในช่วง 21-28 วันหลังคลอด โดยไม่ต้องคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย
หากเริ่มช้าหลังจาก 28 วันหลังคลอด ให้เริ่มกินยาเมื่อมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์และคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 7 วัน
♊กรณีให้นมบุตร
สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากไม่ยับยั้งการหลั่งน้ำนมและไม่ถูกขับออกทางน้ำนมหรือขับออกในปริมาณน้อยมากจึงไม่มีผลต่อทารกที่ดื่มนมมารดา
❗อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยมักไม่รุนแรง และไม่จำเป็นต้องหยุดยา
- อาการผิดปกติเกี่ยวกับเลือดประจำเดือน เช่น
เลือดออกกะปริบกะปรอย (irregular bleeding หรือ breakthrough bleeding)
ประจำเดือนมามาก หรือนานกว่าปกติ
ประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มีเลือดประจำเดือน (amenorrhea)
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- คลื่นไส้ อาเจียน มักเกิดในช่วงแรกของการใช้ยา และอาการจะลดลงเมื่อกินยาก่อนนอน
- คัดตึงเต้านม ปวดเต้านม อาจเกิดในช่วงแรกของการกินยา และสามารถหายไปได้หลังใช้ยา 2-3 เดือน
- ปวดท้อง
- เป็นสิว
- การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ และความรู้สึกทางเพศลดลง
- น้ำหนักตัวเพิ่ม อาจเกิดจากโปรเจสเตอโรนที่ทำให้เพิ่มความอยากอาหารมากขึ้นในบางราย
📛ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด​ชนิดนี้ได้แก่
• สตรีมีครรภ์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดทารกวิรูปได้
• ผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ​ (VTE)​
• ผู้ที่เป็นโรคตับขั้นรุนแรง มีค่าการทำงานของตับไม่อยู่ในช่วงปกติ
• ผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังขั้นรุนแรง หรือไตวายเฉียบพลัน
• มีประวัติหรือสงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรี หรือ มะเร็งเต้านม
• มีภาวะเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
• มีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบในยานี้​
❗ควรระมัดระวังการใช้ในภาวะต่างๆ ดังต่อไปนี้
• มีภาวะ hyperkalemia
ควรระวังการใช้และติดตามระดับโพแทสเซียมในเลือดในช่วงเดือนแรก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง
ผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงอยู่เดิม
รวมทั้งการใช้ร่วมกับยาที่มีผลเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือด เช่น
ACE-inhibitors, NSAIDs, aldosterone antagonists และ potassium-sparing diuretics
• มีประวัติหรือมีปัจจัยเสี่ยงของการไหลเวียนของเลือดผิดปกติ​ได้แก่
- ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ​ (VTE)
- มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด VTE ได้แก่
อายุมากกว่า 35 ปี
สูบบุหรี่มากกว่าหรือเท่ากับ 15 มวนต่อวัน
อ้วนหรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 30 kg/m2
มีประวัติ​โรคไมเกรน หรือ​ เบาหวานที่มี​ vascular symptoms
มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน หรืออื่น ๆ (ได้แก่ valvular heart disease, atrial fibrillation, SLE, ความผิดปกติทางพันธุกรรม)
• เป็นโรคเบาหวาน ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในช่วงเดือนแรก โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับหลอดเลือดร่วมด้วย
• เป็นโรคความดันโลหิตสูง หากใช้แล้วความดันโลหิตสูงขึ้น
และไม่สามารถคุมระดับความดันโลหิตได้ ควรพิจารณาหยุดยาคุมกำเนิด
• เป็นโรคไตวายเรื้อรังระดับไม่รุนแรง (mild-moderate chronic kidney disease)
• เป็นโรคตับในระดับไม่รุนแรง และควรหยุดยาหากพบภาวะดีซ่าน หรือค่าการทำงานของตับแย่ลง จนกว่าค่าการทำงานของตับจะกลับสู่ค่าปกติ
• มีประวัติมะเร็งตับ หรือมีเนื้องอกในตับชนิดbenign หรือ malignancy​
⚠️⚠️ผู้ที่มีความผิดปกติด้านอารมณ์และภาวะซึมเศร้า
หากใช้แล้วทำให้ภาวะดังกล่าวแย่ลงควรหยุดยาและรีบไปปรึกษาแพทย์
❗ระวังการกินยาคุม​ drospirenone​ ร่วมกับยาต่างๆ ได้แก่
•ยาที่มีผลเหนี่ยวนำเอนไซม์ในการทำลายฤทธิ์ฮอร์โมนคุมกำเนิด
อาจลดประสิทธิผลในการคุมกำเนิด
ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดชนิดอื่น (เช่นถุงยางอนามัย) ร่วมด้วย
ตั้งแต่ใช้ยาร่วมกันจนถึง 4 สัปดาห์หลังจากหยุดยา​ ​
ได้แก่ยา phenytoin, phenobarbital, primidone,
carbamazepine, rifampicin, topiramate,
rifabutin, ritonavir, nelfinavir, nevirapine,
efavirenz, griseofulvin และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ที่มี St.John’s wort เป็นส่วนผสม
• ยาที่มีผลยับยั้งเอนไซม์ในการทำลายฤทธิ์ฮอร์โมนคุมกำเนิด
โดยเฉพาะ strong หรือ moderate CYP3A4 inhibitors
อาจมีผลเพิ่มระดับฮอร์โมน drospirenone ในเลือด
ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยามากขึ้นได้​ ได้แก่
azole antifungals (itraconazole, ketoconazole, voriconazole),
verapamil,
macrolides (clarithromycin,erythromycin),
diltiazem และ grape fruit juice
• การใช้ร่วมกับยากลุ่ม ACE-inhibitors หรือ NSAIDs
หรือ aldosterone antagonists หรือ potassium-sparing diuretics รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด (ลูกยอ ตรีผลา ทับทิม โทงเทงเทศ มะรุม ถั่วดาวอินคา เป็นต้น) อาจมีผลต่อระดับโพแทสเซียมในเลือด จึงควรติดตามระดับโพแทสเซียมในเลือดในช่วงเดือนแรกที่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวร่วมกัน
👨‍🔬ปัจจุบันเมืองไทยเมืองไทยมียาคุมโปรเจสโตเจนชนิดเดี่ยว​ ชนิดกิน​ (estrogen-free oral contraceptive)​ อยู่​ 2 ชนิด
🎗️ตัวยา Desogestrel 0.075 mg จำนวน 28 เม็ด
ลืมกินยาได้ไม่เกิน 12 ชม. หากลืมเกินกว่านี้จะทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลง ต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย 7 วัน
🎉ยาดรอสเพอริโนน (Drosperinone) 4 มก. แบบ24+4 เม็ด ซึ่งจะมีตัวยาฮอร์โมน 24 เม็ด และเม็ดแป้ง 4 เม็ด​ ลืมกินยาได้นานถึง 24 ชม.
↗️ภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย​ จากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีเอสโตรเจนต่ำ/ต่ำ มาก สามารถป้องกัน​ได้ด้วยการกินยาต่อเนื่องสม่ำเสมอและตรงเวลา จะทำให้อาการดีขึ้นและหายไปได้เอง
การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีโอกาสเกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือ ภาวะขาดประจำเดือนได้ ไม่ได้แสดงว่าประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยาลดลง ให้กินยาต่อไป เว้นแต่มีอาการเลือดออกมากและยาวนานผิดปกติจึงควรปรึกษาแพทย์
↗️ในกรณีที่​ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีเอสโตรเจนต่ำ/ต่ำมากแล้วเกิดภาวะไม่มีรอบเดือนหรือ รอบเดือนมาน้อย​ แนะนำให้
ตรวจสอบการตั้งครรภ์
สอบถามผู้ใช้ยาเพื่อตรวจสอบการใช้ยาว่า ถูกต้องหรือไม่
อธิบายให้ผู้ใช้ยาลดความวิตกกังวลว่าอาจพบ ได้ และไม่ใช่ภาวะอันตรายใด ๆ
.
.
💢
อ่านเพิ่มเติม
โปรเจสติน สําคัญอย่างไรในการคุมกําเนิด - Wongkarnpat
.
.
บทความก่อนหน้า
SLYND
POSTED 2022.07.09
โฆษณา