9 ก.ค. 2022 เวลา 11:18 • การศึกษา
ถูกหลอกซื้อขายของผ่านออนไลน์ถึงราคาทรัพย์จะเล็กน้อยแต่โทษถึงจำคุก
.
ฎีกาที่ 8687/2563
เรื่องคดีฉ้อโกง ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ คดีนี้มีโจทก์ คือพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร โดยมี จำเลย คือ นางสาว ก. (จำเลยคนที่ 1) และนาย ข. (จำเลยคนที่ 2)
โดยโจทก์ฟ้องว่า ช่วง ธันวาคม 2561 จำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกประชาชนทั่วไปในเขตจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ลงข้อมูลภาพถ่ายและข้อความโฆษณาขายเสื้อผ้าในเฟซบุ๊ก Shop by pimmada ด้วยข้อความว่า
“โปรลมหนาวราคาเริ่มต้น 550 บาท เมื่อสั่งซื้อ 1 ชุด ลดทันทีเหลือชุดละ 450 บาท เท่านั้น 2 ชุด จ่ายเพียง 900 บาท”
ซึ่งความจริงแล้ว จำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาจะขายสินค้าตามที่ลงโฆษณาไว้แต่แรก การลงโฆษณาประกาศขายสินค้าดังกล่าว เป็นเพียงอุบายหลอกลวงให้ประชาชน หลงเชื่อติดต่อซื้อสินค้าแล้วส่งเงินค่าสินค้าให้แก่จำเลยทั้งสอง จากนั้นจำเลยทั้งสองจะร่วมกันเอาเงินไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต โดยไม่มีสินค้าส่งมอบให้แก่ผู้สั่งซื้อแต่อย่างใด อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้อื่น หรือประชาชน
ทั้งนี้โดยการร่วมกันหลอกลวงของจำเลยทั้งสองดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายซึ่งพบข้อความหลอกลวงโฆษณาประกาศขายสินค้าของจำเลยทั้งสองหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้ติดต่อซื้อเสื้อผ้าจากจำเลย 3 ชุดในราคา 950 บาท และตกลงโอนเงิน 950 บาทไปยังธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ชื่อบัญชีของจำเลยทั้งสอง ทำให้ได้เงินจากผู้เสียหายไปโดยทุจริต ทั้งนี้จำเลยไม่ได้ส่งเสื้อผ้าให้แก่ผู้เสียหายแต่อย่างใด เหตุเกิดที่ ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
1
คดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก จำเลยที่ 1 รวม 2 ปี และยกฟ้องจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลดโทษ จำคุก จำเลยที่ 1 รวม 1 ปี 6 เดือน
ขณะที่ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า ลักษณะการกระทำความผิดของจำเลย มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตนด้วยการหลอกลวงประชาชนทั่วไปในลักษณะวงกว้าง โดยอาศัยการเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ไม่ได้จำกัดเพียงผู้เสียหาย นับว่าเป็นภัยต่อสุจริตชนโดยทั่วไป พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยที่ 1 จะได้ชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 1 ได้
แต่โทษจำคุกที่กำหนดมานั้น หนักเกินไป ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขใหม่ เพื่อให้เหมาะสมแก่รูปคดี เนื่องจากฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน
.
.
.
#ทนาย รัตนาภรณ์ ไชยพงษ์
#ปรึกษาคดี โทร 081470210
โฆษณา