9 ก.ค. 2022 เวลา 15:43 • การเมือง
เปิดประวัติชินโซ อาเบะ เจ้าชายแห่งการเมืองและอดีตนายกแห่งญี่ปุ่นผู้ถูกลอบสังหาร
7
ช่วงเช้าของวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่สร้างความตกตะลึงและเศร้าสลดแก่ชาวญี่ปุ่นและคนทั่วโลก
4
เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นนายชินโซ อาเบะ ถูกลอบสังหารด้วยอาวุธปืนในขณะขึ้นกล่าวปราศรัยเพื่อรณรงค์หาเสียงให้กับพรรคเสรีประชาธิปไตย(LDP) ที่จังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น จนต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้และแพทย์ได้ประกาศการเสียชีวิตในเวลาต่อมา
5
ชินโซ อาเบะ ถือเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจทางการเมืองอย่างมากในญี่ปุ่น และเป็นอดีตนายกฯผู้ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของแดนอาทิตย์อุทัย อีกทั้งในการเมืองระดับโลกนั้นเขาก็มีบทบาทที่โดดเด่นและเป็นผู้นำประเทศที่เก๋าเกมส์มากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ในบทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับเส้นทางชีวิตของชายผู้นี้กันครับ
3
หากจะให้นิยามชีวิตในวัยเด็กของชินโซ อาเบะนั้น คงต้องพูดว่า “คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด” หรือไม่ก็ ”โรยด้วยกลีบกุหลาบ” เลยทีเดียว
7
ชินโซ อาเบะ เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ปี 1954 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในครอบครัวนักการเมืองที่มีชื่อเสียง
2
ภาพครอบครัว(พ่อ แม่ พี่ชาย)และชินโซ อาเบะวัยเด็ก(ซ้ายล่าง) ภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:The_Abe_family_in_1956.jpg
บางทีคำว่าครอบครัวอาจยังฟังดูเล็กเกินไป คงต้องใช้คำว่า ”ตระกูลนักการเมือง” เลยเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากพ่อของเขาคือ “ชินทาโร่ อาเบะ” จะเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นแล้ว ทางด้านแม่ของเขา “โยโกะ คิชิ” ยังเป็นถึงลูกสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น “โนบุสุเกะ คิชิ” อีกด้วย หรือหากสืบย้อนขึ้นไปอีกทางฝั่งพ่อ แม้แต่คุณปู่ของเขาคือ “คัง อาเบะ” ก็ยังเคยเป็นนักการเมือง โดยเป็นถึงอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเลยทีเดียว ราวกับว่าการเมืองคือสิ่งที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอของคนบ้านนี้มาจากรุ่นสู่รุ่น
3
ด้วยความเพียบพร้อมและภูมิหลังทางการเมืองของครอบครัวที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้อาเบะนั้นถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าชายของการเมืองญี่ปุ่นเลยทีเดียว
2
โนบุสุเกะ คิชิ (ซ้าย), คัง อาเบะ (ขวา)
ช่วงชีวิตวัยเด็กของเขาดำเนินไปตามปกติ และดั่งสำนวนที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ในปี 1977 ชินโซ อาเบะ ก็ได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเซเคย์ ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยวุฒิรัฐศาสตรบัณฑิต ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
5
ทางด้านชีวิตคู่นั้นเขาได้พบรักและแต่งงานในปี 1987 กับนางอากิเอะ มัทสึซากิ อดีตนักจัดรายการวิทยุที่รู้จักกันในชื่อดีเจอักกี้(Akky) และเป็นถึงลูกสาวของอดีตประธานบริษัทโมรินากะ บริษัทขนมหวานชื่อดังในญี่ปุ่น แต่ภายหลังการรักษาภาวะมีบุตรยากล้มเหลว ทำให้พวกเขาไม่มีทายาทร่วมกัน
5
อากิเอะ อาเบะ (นามสกุลหลังแต่งงาน) ภาพจาก https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/japan-ex-pm-shinzo-abe-had-loving-relationship-with-his-outspoken-wife-akie
หลังเรียนจบอาเบะได้เข้าทำงานในบริษัทโกเบ สตีล (Kobe Steel ) เป็นเวลาราว 2 ปีก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่วงการการเมืองตามเส้นทางของครอบครัว
2
เขาเริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย(LDP) จนในปี 1983 ก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการของรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่คือชินทาโร่ พ่อของเขานั่นเอง
3
เมื่อทำงานมาได้ในระดับหนึ่ง พ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลงในปี 1991 จนในปี 1993 นายอาเบะก็ได้รับการเลือกตั้งให้เข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก และเริ่มดำรงตำแหน่งในหลายรัฐบาล อีกทั้งยังได้กลายมาเป็นผู้นำกลุ่มเซวาไค อันเป็นกลุ่มการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในพรรค ซึ่งพ่อของเขาก็เคยเป็นหัวหน้ามาก่อนเช่นกัน
3
ภาพจาก https://globalriskinsights.com/720413-121226-abe/
อาเบะเริ่มได้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากการได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักการเมืองสายเหยี่ยว พูดตรง หัวอนุรักษ์นิยมและมีจุดยืนที่แข็งกร้าวเป็นอย่างมากในด้านการต่างประเทศโดยเฉพาะกับเกาหลีเหนือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทางเกาหลีเหนือได้ออกมายอมรับว่าได้มีการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นราว 13 คนไปในช่วงปี 1970-1980
3
ด้วยลักษณะเหล่านี้ ทำให้เขาเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือฝ่ายขวา
6
ในปี 2005 เขาก็ได้ขยับขึ้นเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ด้วยตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายจุนอิจิโร่ โคอิซุมิ และถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรค LDP ในปีเดียวกัน ซึ่งในช่วงนี้เขารับหน้าที่เป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อพาชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปกลับประเทศ
1
ไม่รู้เป็นเพราะโชคชะตาหรือบารมีมันถึงขั้น ในปี 2006 หลังจากการเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแค่เพียงปีเดียว นายจุนอิจิโร่ก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และทำให้นายอาเบะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งญี่ปุ่นแทน ด้วยวัยเพียง 52 ปี ซึ่งถือว่ารวดเร็วมาก จนทำให้เขาได้รับการบันทึกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนี้ไม่อาจคงอยู่กับเขาได้นานเท่าไหร่นัก ภายหลังจากการดำรงตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี รัฐบาลภายใต้การนำของนายอาเบะก็ได้รับแรงสนับสนุนน้อยลงจากเรื่องอื้อฉาวต่างๆ โดยเฉพาะกรณีการทำข้อมูลบันทึกการจ่ายเงินบำนาญของรัฐบาลสูญหายไป ส่งผลให้เกิดผลกระทบอย่างหนักกับคำขอเงินบำนาญกว่า 50 ล้านคำขอ
5
ผลพวงจากเรื่องดังกล่าว นำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งของนายอาเบะและพรรค LDP ในปี 2007 กระทั่งในเดือนกันยายนของปีเดียวกันนั้น นายอาเบะก็ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องสุขภาพจากอาการลำไส้อักเสบ และพรรค LDP ก็สูญเสียอำนาจและต้องตกเป็นฝ่ายค้านอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
2
แต่ถึงอย่างไรชีวิตก็ดึงเขากลับสู่เส้นทางผู้นำอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเสียเก้าอี้ไปราว 5 ปี
3
ในปี 2012 อาเบะและพรรค LDP สามารถกลับมาคว้าชัยในการเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลาย ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูแห่งยุคสมัยอันยาวนานของเขาบนถนนสายการเมือง เพราะหลังจากนั้นอาเบะและพรรค LDP ก็ได้เผชิญศึกเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2014 และ 2017 แต่ก็ยังคงคว้าชัยมาครองได้อีกทั้ง 2 ครั้ง รวมทั้งหมด 4 สมัยซึ่งจะทำให้เขาถูกจดจำต่อจากนี้ ในฐานะนายกฯผู้ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
4
ภาพจาก https://www.economist.com/banyan/2012/12/16/shinzo-abes-sumo-sized-win
อย่างไรก็ดี ภายหลังการดำรงตำแหน่งในสมัยล่าสุดนั้น ดูเหมือนว่าสุขภาพเจ้ากรรมจะกลับมาเล่นงานนายอาเบะอีกครั้ง เมื่อเขาได้ประกาศวางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2020 ด้วยปัญหาโรคด้านลำไส้เรื้อรัง เป็นการปิดฉากตำแหน่งนายกฯสายเหยี่ยว 4 สมัยแห่งเกาะญี่ปุ่นลง
อาเบะประกาศลาออก ภาพจาก https://www.nytimes.com/2020/08/28/world/asia/shinzo-abe-resign-japan.html
ตัวอย่างผลงาน
ตลอดช่วงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันยาวนานของนายอาเบะ เขาได้ฝากผลงานเอาไว้ผ่านนโยบายในด้านต่างๆ โดยหนึ่งในผลงานที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่เลื่องลือ คือนโยบายด้านเศรษฐกิจในปี 2013 ที่เป็นเอกลักษณ์ จนเป็นที่รู้จักกันในชื่ออาเบะโนมิกส์ (Abenomics) อันเกิดจากการนำคำว่า “อาเบะ” มารวมกับ “อีโคโนมิกส์”
4
อธิบายอย่างคร่าวๆคือนโยบายนี้จะประกอบไปด้วย 3 ประเด็นหลัก เรียกกันว่าลูกศร 3 ดอก (3 arrows) อันประกอบไปด้วย
1.นโยบายการเงิน ที่มุ่งลดภาวะเงินฝืด โดยธนาคารกลางจะเพิ่มเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลคืน
1
2.นโยบายการคลัง ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของรัฐ เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จำพวกถนน อุโมงค์ สะพาน และอื่นๆ
3.การปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจญี่ปุ่น เช่น การลดภาษีบริษัท การปฏิรูปสวัสดิการการทำงานต่าง ๆ เป็นต้น
อาเบะโนมิกส์นั้นได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่บวกและลบโดยในทางบวกนั้นกล่าวว่าได้ช่วยกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ดีขึ้น แต่ในอีกด้านนโยบายนี้ก็สร้างหนี้มหาศาลให้แก่ญี่ปุ่นไว้เช่นเดียวกัน
https://www.wallstreetmojo.com/abenomics/
นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว ด้านการทหารและการเมืองในเวทีโลกของญี่ปุ่นในยุคนายอาเบะนั้นก็นับว่าจัดจ้านและเผ็ดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะตามที่กล่าวไปข้างต้น ว่านายอาเบะนั้นเป็นนักการเมืองสายเหยี่ยวหัวอนุรักษ์นิยม ทำให้เขามักมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับชาติต่างๆหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีเหนือในเรื่องของความมั่นคง เกาหลีใต้เรื่องข้อพิพาทหมู่เกาะในทะเล หรือแม้แต่จีนในประเด็นเกาะไต้หวันที่อาเบะออกตัวสนับสนุนไต้หวันอย่างสุดฤทธิ์
3
จนไปถึงผลงานชิ้นสำคัญในปี 2014 ที่นายชินโซ อาเบะ ได้ให้มีการตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นสามารถส่งกองกำลังออกไปปฏิบัติภารกิจนอกดินแดนได้ รวมไปถึงกฎเกณฑ์ด้านการทหารต่างๆที่ญี่ปุ่นถูกควบคุมไว้หลังจากตกเป็นผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกผ่อนคลายลงไปมากในสมัยของเขา
3
ที่มากกว่านั้นคือเขาสนับสนุนให้ญี่ปุ่นกลับมามีกองทัพเต็มรูปแบบอีกครั้งด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง หลังจากที่ญี่ปุ่นมีได้เพียงกองกำลังป้องกันตนเองเท่านั้นตามที่ถูกรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ห้ามเอาไว้ แต่ความพยายามนี้ยังคงไม่สำเร็จ และยังเป็นประเด็นร้อนที่ยังถกเถียงกันในหมู่ชาวญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้
3
ภาพจาก https://thestatestimes.com/post/2022051401
ในด้านการทูตและการต่างประเทศ นายอาเบะยังถือเป็นผู้นำที่มีไหวพริบและเก๋าเกมส์มากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขานำญี่ปุ่นกระชับความสัมพันธ์และร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั้งที่เป็นพันธมิตรและไม่ใช่ เช่น การกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้ แต่นายอาเบะได้ใช้วิธีทางการทูตที่แปลกและแหวกแนวอย่างมาก นั่นคือการไปเยือนและชวนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกไปตีกอล์ฟด้วยกัน ซึ่งก็ทำให้ทรัมป์ถูกอกถูกใจมาก จนวิธีการนี้ถูกเรียกกันอย่างขำๆว่าการทูตกอล์ฟ
4
ภาพจาก https://mgronline.com/japan/detail/9630000089482
นายอาเบะยังเป็นผู้สนับสนุนและผลักดันให้มีการจัดโตเกียวโอลิมปิกขึ้นและหนึ่งในภาพที่ผู้คนทั่วโลกต่างจดจำเขา คือการทำเซอร์ไพร์สใส่ชุดซูเปอร์มาริโอ้ ตัวละครในเกมส์ดังของญี่ปุ่น ขึ้นไปรับธงเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งต่อไป ในพิธีปิดโอลิมปิกเกมส์ ปี 2016 ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งสร้างความประทับใจและถูกพูดถึงอย่างมากอีกทั้งเป็นการเผยแพร่ soft power ของญี่ปุ่นสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย
4
"ผมกังวลนะตอนที่แต่งตัวเป็นมาริโอ กลัวว่าจะโดนล้อโดนแซว แต่แผนการก็ไปได้สวยและมันก็ออกมาดี ตอนที่ผมปรากฏตัวบนสนามกีฬาคนปรบมือกันดังมาก และตอนที่ผมไปร่วมงานประชุมผู้นำระดับนานาชาติก็มีผู้นำจากประเทศต่าง ๆ บอกผมว่าผมเห็นคุณแต่งตัวเป็นมาริโอด้วยล่ะ"
ชินโซ อาเบะ
3
การอุทิศตนให้แก่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของคุณแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในพิธีปิดที่ ริโอ 2016 ผมจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่คุณปรากฏตัวกลางสนามกีฬาโอลิมปิก ที่แต่งตัวเป็นซูเปอร์มาริโอเลย เพราะคุณได้เขียนประวัติศาสตร์ลงในโอลิมปิก และส่งเสริมวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไปทั่วโลกด้วยวิธีที่ยากจะลืมเลือน
โทมัส บาค (ประธาน IOC)
4
ภาพจาก https://www.boredpanda.com/japan-prime-minister-super-mario-rio-olympics-tokyo-shinzo-abe/
แม้จะลาออกไปแล้ว แต่บทบาททางการเมืองของนายอาเบะก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว เขายังคงออกมาวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ รวมถึงการช่วยพรรคของเขาหาเสียงในโอกาสต่างๆอีกด้วย ซึ่งงานสุดท้ายที่เขาได้ทำนั้น คือการไปกล่าวปราศรัยช่วยพรรค LDP หาเสียงที่จังหวัดนารา ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมดังกล่าวขึ้นและพรากชีวิตของเขาไปอย่างไม่หวนกลับ เป็นอันปิดตำนานนักการเมืองผู้เลื่องชื่อแห่งแดนปลาดิบคนนี้ลงอย่างถาวร
กล่าวได้ว่า นับตั้งแต่วันแรกตราบจนวันสุดท้าย ชีวิตของนายอาเบะนั้นไม่เคยห่างจากคำว่าการเมืองเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านี่ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันคือตัวตนของเขาไปแล้วก็ว่าได้ และไม่ว่าผู้คนจะจดจำเขาในแง่มุมไหน แต่ชื่อของชายวัย 67 ปี ที่มีนามว่าชินโซ อาเบะ จะถูกจารึกไว้ในฐานะบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและโลกใบนี้ตลอดกาล
7
ภาพจาก https://www.weforum.org/agenda/2019/01/abe-speech-transcript/
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
โฆษณา