19 ก.ค. 2022 เวลา 02:09 • ไลฟ์สไตล์

วิ่งครบสิบปี 🏃 จากหลักสี่ ถึงห้าแยก

เดือนแรกที่วิ่ง ต้องใช้พลังใจมหาศาล ก้าวข้ามหลายสิ่งที่ไม่ชอบ นางมารในหัวส่งเสียงงอแงตลอดเวลา แรงจูงใจในการวิ่ง ก็แค่วิ่งๆไปให้ได้ระยะทาง ตามที่ตั้งใจ วันละ 5 กม ไม่มีความสนุกอะไรเลยซักนิด!! รู้สึกดีแค่นิดเดียวตอนวิ่งเสร็จ ไม่เห็นสดชื่นอย่างที่คนอื่นเค้าพูดเลย
หลับหูหลับตาวิ่งไป เผลอแป๊ปส์เดียว ผ่านไปครึ่งปี รองเท้าพังไป 2 คู่ หมดตังค์ไปกับคอสตูมสนับสนุนการวิ่ง เสื้อวิ่งกางเกงวิ่งเต็มตู้ ทุกครั้งก่อนออกไปวิ่ง ตั้งเป้าหมายไว้เสมอว่า วิ่งเสร็จจะกินอะไรดี 5555
ปีแรกที่วิ่ง เป็นปีที่หมกมุ่นวุ่นวายกับตัวเลขต่างๆนานา ระยะทาง เวลา สถิติ ฮาร์ทเรท บ้าบอคอแตก ตามอ่านเพจสุขภาพ การวิ่ง ฯลฯ ข้อมูลเต็มไปหมด ทำได้บ้าง-ไม่ได้บ้าง ในที่สุดจึงเข้าใจว่า ต้องเลือกใช้ เลือกนำมาปฏิบัติ เลือกเอาเฉพาะสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา อะไรที่ไม่ใช่ ก็ช่างแม่ม!!
เลิกถ่ายรูปตอนวิ่งก็ตอนครบปีนี่แหละ ไปวิ่งก็คือไปวิ่ง ไม่พกโทรศัพท์ ไม่ถ่ายรูป ไม่จดจ่อกับตัวเลขอะไรอีกแล้ว
ขึ้นปีที่สอง รู้สึกดีที่สามารถพาตัวเองไปวิ่ง โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าปีแรก วันไหนไม่วิ่ง ก็ไม่ได้รู้สึกผิด เลิกสนใจระยะทาง เลิกดูเวลา เลิกถ่ายรูป เลิกซื้อเสื้อผ้า หันมาวุ่นวายกับครีมกันแดดแทน น้ำหนักไม่ลดไม่เพิ่ม กินเต็มที่ ลองวิ่งแบบ barefoot
บางทีเคยหยุดวิ่งเป็นเดือน กลับมาวิ่งอีกที ก็บาดเจ็บเป็นธรรมดา เจ็บเท้า ปวดน่อง เป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้เรารู้ว่าเดี๋ยวมันก็หาย
การวิ่งแบบ barefoot ต้องใช้สมาธิอย่างมาก ต้องจดจ่อกับทุกก้าวที่ลงเท้า ก้อนกรวดเล็กๆก็สามารถทำให้เท้าพลิกได้เลย
วิ่งมาครบ 10 ปี การวิ่งทำให้เรารู้จักตัวเอง เข้าใจและยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง มิใช่เพื่อเอาชนะตัวเอง หรือเอาชนะอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับการวิ่งคือ "การได้อยู่กับตัวเอง" แค่นั้นเลย!!
1
โฆษณา