15 ก.ค. 2022 เวลา 00:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ทฤษฎีรูหนอนข้อสงสัยและข้อกังขาที่ไม่มีวันหลับไหล
หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินทฤษฎีรูหนอนเกี่ยวกับการท่องอวกาศที่ทำให้เราสามารถข้ามมิติไปยังพื้นที่อื่นๆในอวกาศได้
ความสงสัยก็คือมันมีอยู่จริงหรือเปล่าแล้วในความเป็นจริงเราสามารถใช้ประโยชน์อะไรจากเจ้านี่ใดบ้าง
อย่างที่เราทราบกันจักรวาลอันกว้างใหญ่พื้นที่เกือบทั้งหมดคือความว่างเปล่า ไอสไตน์ได้คิดทฤษฎีสัมพันธภาพ เขาบอกว่าจักรวาลประกอบไปด้วยกาลและอวกาศ เขาบอกว่าอวกาศสามารถบิดหงอได้ อาจจะกล่าวได้ว่าหากอวกาศนี้เป็นแผ่นกระดาษยาวๆหากแล้วบิดงอมัน มันอาจจะมีแรงดึงดูดระหว่างกันจนเกิดเป็นรูหนอนขึ้นไม่จุดใดก็จุดหนึ่งซึ่งทำให้เราสามารถข้ามผ่านดูหนอนไปยังฝั่งหนึ่งของจักรวาลได้
ด้วยทฤษฎีนี้จะทำให้เราสามารถข้ามฝั่งของจักรวาลได้ด้วยความเร็วที่มากกว่าแสงซึ่งปัจจุบันโดยทฤษฎีแล้วยังไม่มีสิ่งใดที่เร็วกว่าแสง
และเราจะหารูหนอนแบบนี้ได้จากที่ไหนคำตอบคือ ปัจจุบันมันยังเป็นเพียงทฤษฎี ที่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักทางคณิตศาสตร์ละฟิสิกส์ ว่ากันว่ามันอาจจะมีรูหนอนอยู่จริงภายในหลุมดำ
อย่างที่เราทราบกันว่าหลุมดำมีแรงดึงดูดมหาศาลแม้แต่แสงก็ไม่สามารถออกมาจากหลุมดำได้ในนั้นอาจจะมีภาวะเอกฐาน ด้วยแรงดึงดูดมหาศาลอาจจะทำให้การเอาอากาศบิดงอจนเกิดรูหนอนขึ้น ภายในนั้น
เมื่อเราเข้าไปในกล่องของรูหนอนอีกฝั่งหนึ่งอาจจะมีจักรวาลที่มีลักษณะคล้ายกับจักรวาลของเราหรืออาจจะเรียกได้ว่าโลกคู่ขนานก็ได้ โดยในฝั่งของเราคือเวลาที่วิ่งไปข้างหน้าส่วนในอีกฝั่งหนึ่ง อาจจะเป็นเวลาที่ย้อนกลับก็ได้
ฝั่งของเราอาจจะเรียกว่าหลุมดำอีกฝั่งหนึ่งของจักรวาลคู่ขนานอาจจะเรียกสิ่งนี้ว่าหลุมขาวก็ได้เพราะแทนที่มันจะดูดทุกสิ่งเข้ามามันควรจะพ่นทุกสิ่งที่มาจากอีกฝั่งหนึ่งออกไป
เราเลือกสิ่งนี้ว่าสะพานของไอน์สไตน์-โรเซน ว่ากันว่าตามทฤษฎีแล้วกว่าจะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้เรียกได้ว่าใช้เวลาเป็นอนันต์เลยทีเดียว จากทฤษฎีนี้สรุปได้ว่ารูหนอนในทฤษฎีนี้ใช้งานไม่ได้เลย
มีทฤษฎีที่เก่ากว่านี้เขาว่ากันว่าแรกเริ่มกันทีเมื่อเกิดสภาวะbig bang ตอนกำเนิดจักรวาลมีความผันแปรทางควันตั้มในระดับจักรวาลที่เล็กที่สุด เล็กยิ่งกว่าระดับอะตอมจนทำให้เกิดรูหนอนขึ้นและมันเชื่อมต่อกับอีกจักรวาลหนึ่งตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เราเรียกเส้นเชื่อมนั้นว่า cosmic string เราไม่ต้องสร้างรูหนอนขึ้นมาใหม่เพียงแค่หามันให้เจอเท่านั้นเอง
แต่หากว่าเราหามันไม่เจอเราก็ลองสร้างมันขึ้นมาดูนักวิทยาศาสตร์ใช้ทฤษฎีต่างๆมากมายเพื่อพยายามลองสร้างรูหนอนนี้ขึ้นมา อย่างน้อยๆตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถสร้างหลุมดำขนาดเล็กขึ้นมาได้แล้ว หากรูหนอนสร้างขึ้นได้จริง มันไม่สามารถอยู่ได้นานเพราะแรงดึงดูดจะต้องทำการปิดรูหนอนที่เกิดขึ้นจนได้
1
และต่อให้เราหารูหนอนเจอหรือสร้างมันขึ้นมาได้สุดท้ายสิ่งมีชีวิตที่เลือกว่ามนุษย์ก็ไม่สามารถข้ามผ่านแรงดึงดูดมหาศาลนั้นไปได้อยู่ดี
สิ่งที่สามารถหรือเรียกว่ามวลสารที่สามารถข้ามรูหนอนไปได้ควรจะเป็นสสารประเภทใหม่เราเรียกมันว่าexotic matter หรือวิเทศสสาร ไม่ใช่สสารทั่วไปที่มีมวลเป็นบวกแต่จะเป็นสสารชนิดใหม่ที่มันเป็นลบ
สสารทั่วไปในโลกเป็นสสารที่มีค่าเป็นบวกและวิ่งเข้าหากันเกิดแรงดึงดูด ส่วนสสารใหม่มันมีมวลเป็นลบคือหมายความว่ามันจะผลักพวกเราออกไป
ทำให้มันสามารถผ่านรูหนอนที่มีแรงโน้มถ่วงมหาศาลเข้าไปได้เพราะมันจะพยายามใช้แรงมวลของมันผลักแรงโน้มถ่วงออกไปนั่นเอง โดยทฤษฎีแล้วแรงผลักนั้นต้องมีแรงมหาศาลขนาดการระเบิดของดวงดาวเลยทีเดียว
แล้วเราจะเจอไอ้สสารที่ว่านี้ได้อย่างไร อันนี้ต้องเข้าถึงทฤษฎีควอนตัมเลยทีเดียวทฤษฎีความตั้มกล่าวไว้ว่าอนุภาคจะมีปฏิอนุภาคอยู่ตรงข้ามกันเสมอ
เมื่อเจ้าสองสิ่งนี้เจอกันมันจะรวมกันแล้วหายไป กลายเป็นความว่างเปล่า ความว่างเปล่านี่แหละที่เราจะใช้สร้าง exotic matter เพื่อให้เกิดรูหนอนที่เสถียรเพียงพอที่จะให้มนุษย์ข้ามจากจุดหนึ่งในจักรวาลไปอีกจุดหนึ่งในจักรวาลอันไกลโพ้น
ฟังดูคล้ายนิยายวิทยาศาสตร์หรือหนังวิทยาศาสตร์เรื่อง star gate เลยทีเดียว ที่มนุษย์ต่างดาวได้สร้างstar gateเอาไว้ในจุดต่างๆของแต่ละดวงดาวเพื่อใช้เดินทางข้ามจักรวาล
ตามทฤษฎีแล้วอาจจะเกิดปรากฏการณ์ paradox ขึ้นได้หากเราข้ามรูหนอน มันเป็นการรบกวนจักรวาล
นักวิทยาศาสตร์หลายคน จึงพับเก็บเรื่องรูหนอนไป และคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ หรือมันไม่มีอยู่จริงเลยด้วยซ้ำ รูหนอนจึงเป็นที่ถกเถียงและกังขา อย่างน้อยก็ตอนนี้
โฆษณา