11 ก.ค. 2022 เวลา 09:00 • ประวัติศาสตร์
วันนี้ในอดีต - 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 : การดวลปืนครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน และแอรอน เบอร์
"ลูกผู้ชาย ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้" ประโยคที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ จากในภาพยนตร์ แม้จะฟังดูโก้เก๋ แต่ในชีวิตจริงแล้วการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงเป็นสิ่งที่โง่เขลาอย่างยิ่ง เหมือนดังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ที่นำความสูญเสียมาสู่ทั้งสองฝ่าย ทั้งชีวิตและชื่อเสียงเกียรติยศที่สั่งสมมาได้สูญสิ้นชั่วพริบตาจากการดวลปืนเพียงครั้งเดียว
1
11 กรกฎาคม พ.ศ. 2347
หากพูดถึงชื่อ อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน ชาวอเมริกันหลายคนคงจดจำเขาได้จากการเป็นหนึ่งใน "บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ" และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนแรกของสหรัฐ
แฮมิลตันเดินทางอพยพมาจากเกาะเนวิสที่ยากจนในเขตทะเลแคริบเบียน เมื่อมาถึงอเมริกาเขาได้สมัครเข้าร่วมกับกองทัพภาคพื้นทวีปเพื่อร่วมรบในสงครามปฏิวัติอเมริกา ด้วยความสามารถและความเฉลียวฉลาดจึงได้รับเลือกให้เป็นนายพันกองทหารปืนใหญ่ และได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายทหารช่วยงานนายพลจอร์จ วอชิงตัน
อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน
เมื่อสหรัฐอเมริกาเอาชนะบริเตนใหญ่และก่อตั้งประเทศสำเร็จ นายพลจอร์จ วอชิงตัน ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ เขาได้มอบหมายให้แฮมิลตันดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐบาลกลางและความมั่นคงของการเป็นประเทศเกิดใหม่
แฮมิลตันได้วางรากฐานระบบการเงินให้กับประเทศ ทั้งการจัดตั้งธนาคารกลาง การจัดเก็บภาษีในแต่ละรัฐ การกำหนดอัตราภาษีขาเข้า รวมถึงการรวมอำนาจทางการทหารภายใต้รัฐสภา
ย้ายมาดูอีกฝั่งหนึ่ง แอรอน เบอร์ เกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้มีความรู้ความสามารถอย่างมาก โดยเรียนจบจากวิทยาลัยนิวเจอร์ซีย์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน) ด้วยวัยเพียง 17 ปี จากนั้นจึงได้เข้าร่วมกองทัพภาคพื้นทวีปและมีชื่อเสียงจากการรบที่ควิเบก
แอรอน เบอร์
ภายหลังสิ้นสุดสงคราม เบอร์ได้เข้ามาทำงานการเมืองในรัฐสภาแห่งนิวยอร์กโดยดำรงตำแหน่งเป็นทนายความของรัฐ ก่อนที่จะลงแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งวุฒิสภาและสามารถเอาชนะพ่อตาของแฮมิลตันมาได้
1
หลังจากนั้นไม่นาน เบอร์ก็ได้เข้าร่วมกับพรรคเดโมเครติก-ริพับลิกันของโทมัส เจฟเฟอร์สัน ที่เป็นฝั่งตรงข้ามทางการเมืองของแฮมิลตันที่อยู่พรรคเฟเดอรัลลิสต์ โดยเบอร์ได้เข้าท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2339 ซึ่งแฮมิลตันมองว่าเบอร์เป็นนักฉวยโอกาสและไม่สามารถไว้ใจได้ โดยในระหว่างการหาเสียงเขาได้กล่าวโจมตีเบอร์อยู่หลายครั้ง
รัฐธรรมนูญในตอนนั้น (ก่อนการแก้ไขครั้งที่ 12) กำหนดให้ผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตอันดับ 1 จะได้เป็นประธานาธิบดี และผู้ได้ที่ 2 จะได้เป็นรองประธานาธิบดี ผลการเลือกตั้งในปีนั้น จอห์น อดัมส์ จากพรรคเฟเดอรัลลิสต์สามารถเอาชนะไปได้ โดยมีโทมัส เจฟเฟอร์สัน จากพรรคเดโมเครติก-ริพับลิกันได้คะแนนตามมาเป็นรองประธานาธิบดี ส่วนเบอร์ได้ออกจากการเป็นวุฒิสภาและกลับไปทำงานที่สภานิวยอร์ก
ต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2343 เบอร์ได้กลับมาทำงานร่วมกันกับเจฟเฟอร์สันอีกครั้ง โดยลงสมัครเป็นรองประธานาธิบดีของพรรคเดโมเครติก-ริพับลิกัน เขาได้เผยแพร่เอกสารลับที่แฮมิลตันเขียนวิจารณ์ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีจอห์น อดัมส์ จนทำให้เกิดความแตกแยกกันเองในเฟเดอรัลลิสต์ที่เป็นพรรคคู่แข่ง
1
ส่งผลให้ผู้สมัครจากพรรคเดโมเครติก-ริพับลิกันทั้งสองคนสามารถเอาชนะมาได้ แต่ปรากฎว่าทั้งโทมัส เจฟเฟอร์สัน และแอรอน เบอร์ กลับมีคะแนนเท่ากันที่ 73 เสียง
ซึ่งจากรัฐธรรมนูญกำหนดว่า หากผู้ที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดมีคะแนนเท่ากัน 2 คน ให้สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) เป็นผู้ลงคะแนนตัดสิน ซึ่งในขณะนั้นพรรคเฟเดอรัลลิสต์ถือครองอำนาจเป็นส่วนใหญ่และไม่สามารถตัดสินใจเลือกระหว่างเจฟเฟอร์สันและเบอร์ได้
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี พ.ศ. 2343
แฮมิลตันที่เป็นแกนนำในพรรคเฟเดอรัลลิสต์มองว่าเจฟเฟอร์สันเป็นผู้ที่ซื่อตรงและยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเป็นหนึ่งในบิดาผู้ก่อตั้งประเทศและเป็นผู้เขียนคำประกาศอิสรภาพ ซึ่งดูจะไม่เป็นภัยต่อพวกของตน
ในทางกลับกันเขาสงสัยในความซื่อตรงของเบอร์ มองว่าเบอร์เป็นนักฉวยโอกาสตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งก่อน รวมถึงการนำเอาเอกสารลับมาเผยแพร่ที่สร้างความแตกแยกในเฟเดอรัลลิสต์จนแพ้เลือกตั้ง จึงมองว่าเบอร์เป็นบุคคลที่อันตรายอย่างยิ่ง
แฮมิลตันได้โน้มน้าวกลุ่มของเขาและทำให้โทมัส เจฟเฟอร์สัน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของประเทศ โดยมีแอรอน เบอร์ เป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งสร้างความผิดหวังแก่เบอร์เป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เมื่อเบอร์เข้าดำรงตำแหน่งและแฮมิลตันหมดบทบาทในรัฐบาล แฮมิลตันได้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ที่คอยเป็นกระบอกเสียงให้กับพรรคเฟเดอรัลลิสต์ เขาได้เขียนวิพากษ์วิจารณ์เบอร์อยู่หลายครั้ง จนเกิดวิวาทะระหว่างกันหลายต่อหลายครั้ง
ด้วยความคับแค้นใจของทั้งคู่จึงได้มีการท้าดวลปืนกันขึ้นในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 ทั้งสองคนได้นั่งเรือคนละลำข้ามแม่น้ำฮัดสันไปยังเมืองนิวเจอร์ซีย์ และทำการดวลปืนเพื่อสะสางความแค้น แฮมิลตันยิงปืนไปโดนกิ่งไม้เหนือหัวของเบอร์ แต่เบอร์กลับยิงถูกแฮมิลตันจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
การดวลปืนระหว่างเบอร์และแฮมิลตัน
หลังจากเหตุการณ์นี้เบอร์ได้ถูกจับในข้อหาฆ่าคนตาย แต่เขาก็ไม่ได้รับโทษแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดโดยประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สันจนหมดอนาคต และต้องเผชิญแรงกดดันของประชาชนจากการที่เขาได้สังหารบุคคลสำคัญอย่างแฮมิลตันจนต้องอพยพไปยังยุโรป และเปลี่ยนนามสกุลเพื่อพรางตัวจากสังคมจนบั้นปลายชีวิต
เครดิตภาพ
  • รูปประกอบทั้งหมดภายใต้สัญญาอนุญาตสมบัติสาธารณะ (Public Domain)
อ้างอิง
โฆษณา