20 ก.ค. 2022 เวลา 23:00 • การตลาด
อุตสาหกรรม E&E ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของมาเลเซีย
Datuk Arham Abdul Rahman ประธานกรรมการบริหารแห่งหน่วยงานพัฒนาการลงทุนแห่งมาเลเซีย หรือ Malaysian Investment Development Authority (MIDA) กล่าวว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเศรษฐกิจของมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมา
1
โดยที่มาเลเซียถือเป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวม (IC) อันดับที่ 6 ของโลก คิดเป็นร้อยละ 6.3 ของการส่งออกทั้งหมดของโลก หรือมีการส่งออกไปยังทั่วโลกร้อยละ 61.7
Arham เปิดเผยว่า จำนวนการลงทุนในปี 2565 จะอยู่ในระดับสูง มีนักลงทุนชาวต่างชาติ/บริษัทข้ามชาติ เดินทางมาเพื่อยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการลงทุนของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาทิ Intel, ST Microelectronics, Infineon, Micron, Texas Instruments, TF-AMD และ Osram ที่ขยายการลงทุนในมาเลเซียอยู่ก่อนหน้าแล้ว เพื่อเพิ่มการผลิต และต่อยอด Supply Chain และตอบสนองต่อความต้องการชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในมาเลเซียมากขึ้นในระยะนี้
Arham กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเลือกมาลงทุนมาเลเซียนั้น เนื่องจากมีการพัฒนาระบบนิเวศที่รองรับการลงทุนในด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) เครื่องจักร และอุปกรณ์ ครอบคลุมมากที่สุดในภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังรองรับเพื่อต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การบินและอวกาศ ยานยนต์ และอุปกรณ์การแพทย์ อีกทั้งยังมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ นโยบายนักลงทุนที่เป็นมิตร และมาตรการป้องกันโรคระบาดที่มีประสิทธิผล
โดยในปี 2565 อุตสาหกรรม E&E ในไตรมาสแรก มีโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้วมูลค่ารวม 18,600 ล้านริงกิต จะสร้างงานรวม 13,700 ตำแหน่ง โดยภายในปี 2568 ตั้งเป้าจะสร้าง GDP ให้กับประเทศมูลค่า 120,000 ล้านริงกิต และหวังจะส่งออกคิดเป็นมูลค่า 495,000 ล้านริงกิต
อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรม E&E ยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว MIDA กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นและศูนย์ฝึกอบรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เล่นท้องถิ่นและต่างชาติ ในการสร้างโปรแกรมการฝึกอบรมและการเรียนรู้ด้านอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
นอกจากนี้ Chow Kon Yeow, Chief Minister เมืองปีนัง ประกาศว่าขณะนี้รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐปีนังกำลังมองหาพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมและสนับสนุนระบบนิเวศ E&E ต่อไป
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศภาพรวม ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2565 มาเลเซียดึงดูดการลงทุนไปทั้งสิ้น 42,800 ล้านริงกิต จำนวน 910 โครงการ ในอุตสาหกรรมการผลิต บริการ และภาคสำคัญ และ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 MIDA ประกาศว่า มีแนวโน้มลงทุนกับบริษัทมีชื่อเสียงจำนวน 446 แห่ง รวมถึงบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 ในภาคการผลิตและการบริการอีกด้วย คาดว่ามีมูลค่าการลงทุนรวม 150,400 ล้านริงกิต
การที่อุตสาหกรรม E&E ในมาเลเซียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรม E&E และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องของไทยด้วย เนื่องจากไทยและมาเลเซียถือเป็น Supply Chain ด้านอุตสาหกรรม E&E ที่มีความเชื่อมโยงกัน อีกทั้งไทยมีแนวโน้มการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่ไทย-มาเลเซียจะยังคงเร่งสนับสนุนการเติบโตของห่วงโซ่การผลิต (supply chain) ของทั้งสองประเทศร่วมกันให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรม E&E ทั่วโลกยังคงต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนชิปเซต ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น ทั้งสองประเทศ และคาดว่าจะยังคงส่งผลกระทบต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ไทยและมาเลเซียควรหารือเพื่อกำหนดแนวทาง และวิธีบริหารจัดการภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรม อีกทั้งจำเป็นต้องกำหนดกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและต่อยอดการลงทุนที่มีความมั่นคงในระยะยาวต่อไป
โฆษณา