เพราะสมัยที่คนยุค Boomers หรือ Gen X ยังเป็นเด็ก เขาก็มีความคิดที่เป็น “ขบถ” ต่อผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน และภาพก็ฉายวันซ้ำไปซ้ำมาไม่ว่าเราจะอยู่ในทศวรรษใดก็ตาม
แต่สำหรับคนใน Gen Y และ Gen Z คือคนที่เกิดในยุคที่โลกเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี และมีการสร้างอัตลักษณ์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ฉะนั้นกรอบความคิดของคนยุคนี้ จึงมีความแตกต่างและกล้าทำ กล้าเผชิญ กล้าถาม หรือกล้าที่จะแสดงออกอย่างที่คนใน Gen ก่อนไม่กล้านั่นเอง
แต่ตอนนี้คนใน Gen X หรือ Gen Y กลับไม่สามารถทำแบบคนในยุค Boomers ได้ เนื่องจากปัญหาของราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้น ค่าจ้างที่ลดลง สวนทางค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจที่ซบเซา
2
ในทํานองเดียวกันคนรุ่นเก่าอาจชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่า Gen Z เป็นคนรุ่นที่น่าหดหู่และวิตกกังวลมากที่สุด เป็นสัญญาณของการขาดความยืดหยุ่น โดยลืมไปว่านี่คือคนรุ่นที่กําลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างแทบหยุดชะงักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่คนรุ่นต่าง ๆ เผชิญมานไม่สามารถเทียบเคียงไม่ได้เลยกับสิ่งที่เผชิญในตอนนี้
1
ความจริงก็คือ Gen Z กําลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่กําลังเผชิญกับความท้าทายมากมายกว่าคนรุ่นอื่น ๆ ที่ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ในช่วงชีวิตเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของโรค และแรงกดดันจากโซเชียลมีเดีย ที่ส่งผลกระทบโดยตรงไปยังสมาร์ทโฟนของพวกเขา ที่เพิ่มความท้าทายด้านสุขภาพจิตจาดการเว้นระยะห่างทางสังคม และการแยกตัวในช่วงการระบาดใหญ่ ความท้าทายในการเรียนทางไกล มันไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่าเหตุใดคนรุ่นหลังจึงรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย
🔵 ทางเลือกของชีวิตที่ไม่เท่ากัน
การกระทำและความเชื่อของคนแต่ละรุ่นถูกกำหนดขึ้นจากปัญหาและความท้าทายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดย Boomers และ Gen X อาจเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความสะดวกสบายของสมาร์ทโฟน แต่พวกเขาก็ไม่ต้องต่อสู้กับความซับซ้อนของการเติบโตทางออนไลน์
และในอีกด้านหนึ่ง Gen Z อาจเชื่อว่ารุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายของพวกเขาไม่ได้ต่อสู้อย่างหนักพอกับปัญหาทางสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความไม่เท่าเทียมกันทางการเงิน ที่ทำให้พวกเขาเกิดมาแล้วยังต้องมาแก้ปัญหาที่คนรุ่นก่อนไม่ใส่ใจแก้ไข ซึ่งมักมีการเรียกเชิงเหยียดหากเด็กสมัยนี้ฟังคำแก้ตัวของผู้ใหญ่ที่คิดว่าที่ตัวเองทำมาดีแล้วว่า “OK Boomer”