ทำไม FREITAG กระเป๋าผ้าใบ ที่ดูเก่า ๆ ถึงถูกใจหลายคน
แบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เลือกใช้วัสดุที่มีความหรูหรา และหายากในการผลิตสินค้า
ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Gucci, Hermès ประกอบกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีสตอรีของแบรนด์มายาวนาน จึงทำให้สินค้านั้นมีราคาแพง
แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีบางแบรนด์ ที่เลือกใช้วัสดุหายากเช่นเดียวกัน แต่ยากในชนิดที่ต่างออกไป
อย่างกระเป๋า “FREITAG” ที่เลือกใช้ “ผ้าใบรถบรรทุก” เป็นวัสดุหลักในการทำกระเป๋า แล้วสามารถขายในราคาแพง ๆ ได้ โดยบางใบมีราคาถึงหลักหมื่นบาท ก็ยังมีคนยอมจ่ายเงินซื้อ
แล้วทำไม FREITAG กระเป๋าผ้าใบ ที่ดูเก่า ๆ กลับถูกใจ ใครหลายคน ?
BrandCase จะเล่าให้ฟัง
- ตัวแบรนด์มีเรื่องราวที่น่าสนใจ และยังไม่ค่อยมีใครทำอะไรแบบนี้
กระเป๋า FREITAG มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ.1993 หรือเมื่อ 29 ปีก่อน
โดยสองพี่น้องชื่อคุณ Markus Freitag และคุณ Daniel Freitag
แต่เดิมพวกเขาได้อาศัยอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งที่เมืองซือริช ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเดินทางไปทำงานทุกวันด้วยรถจักรยาน แล้วมักจะเกิดฝนตกเป็นประจำ
จนกระเป๋าสะพายของพวกเขาเปียกชื้น เพราะกันน้ำฝนได้ไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่มีความทนทานมากพอ
ต่อมาพวกเขา ก็เริ่มมีความคิดที่จะประดิษฐ์กระเป๋าขึ้นมาเอง
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ขณะปั่นจักรยานไปทำงาน
พวกเขาได้เหลือบไปเห็น ผ้าใบรถบรรทุก ที่รองรับน้ำฝนอยู่ และเห็นว่า ผ้าใบนั้นมีคุณสมบัติตรงตามที่พวกเขาต้องการ แถมยังมีสีสันสดใส และมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกับใครอีกด้วย
จึงเกิดไอเดียในการทำกระเป๋า จากผ้าใบรถบรรทุก..
- กระเป๋าแต่ละใบ มีลวดลายที่ไม่ซ้ำกับใคร มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
ผ้าใบรถบรรทุก และผ้าใบต่าง ๆ ที่ใช้ทำกระเป๋า มีสีสัน และลวดลายที่ไม่ซ้ำกัน ที่สำคัญผ้าใบบางผืนยังมีร่องรอยการใช้งานของรถบรรทุก
ทำให้บอกได้ว่า กระเป๋าแต่ละใบของ FREITAG มีเอกลักษณ์ในตัวเอง และเป็นใบเดียวในโลก ที่มีลวดลายนั้น
โดยดีไซเนอร์สามารถครอบตัดผ้าใบให้ได้ลวดลายที่ดีที่สุด ประณีตที่สุด ซึ่งลูกค้าจะสามารถเลือกลายผ้าใบที่ตัวเองชอบได้โดยไม่ซ้ำกับใคร
- วัสดุที่ใช้ มีความทนทาน ทำให้รู้สึกคุ้มค่า
ด้วยตัววัสดุอย่างผ้าใบ ประกอบกับการนำยางในของล้อจักรยานมาเชื่อมต่อเป็นขอบกระเป๋า
ทำให้ตัวกระเป๋ามีความแข็งแรงทนทานโดยธรรมชาติ
ซึ่งตอบโจทย์ และตรงกับไลฟ์สไตล์ ของผู้ใช้งานที่ชอบเดินทางไกล หรือชอบท่องเที่ยว
แล้วเมื่อเปรียบเทียบราคา กับความคุ้มค่าที่ได้รับ ก็เลยกลายเป็นสินค้าที่ถูกใจคนที่ชอบกระเป๋าที่มีความถึก ๆ ทน ๆ
โดยเกณฑ์ในการเลือกผ้าใบที่ใช้ทำกระเป๋า ต้องมาจากผ้าใบรถบรรทุก ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอย่างน้อย 3 ปี
นอกจากผ้าใบที่ใช้ทำตัวกระเป๋าแล้ว ยังมีวัสดุเหลือใช้อื่น ๆ อีก เช่น
- สายสะพายกระเป๋า ที่ทำมาจากเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์
- ขอบกระเป๋า ที่ทำมาจากขอบยางในของล้อจักรยาน
และนอกจากกระเป๋าแล้ว ก็ยังมีสินค้าตัวอื่น ๆ ที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น เสื้อยืดและกางเกง จากเส้นใยที่มีความทนทาน ทำมาจากต้นลินิน ต้นกัญชง และเปลือกของโมดัล
ซึ่งสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
ในปัจจุบัน FREITAG มีหน้าร้านกว่า 308 แห่งใน 25 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยในไทยนั้นมีดีลเลอร์ คือ Pronto ที่ทำธุรกิจขายเครื่องแต่งกาย และสินค้าสไตล์วินเทจ
เมื่อมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า แบรนด์เนมที่ประสบความสำเร็จ
ในบางครั้ง อาจไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุหรูหราในการผลิตเสมอไป
และไม่จำเป็นต้องทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้นให้แข็งแรง
แต่หากเป็นไอเดีย ที่น่าสนใจ แปลกใหม่ และมีเหตุผลที่ผู้ใช้งานต้องใช้
นั่นจึงทำให้สินค้าแบรนด์เนมอย่าง FREITAG โดยเฉพาะกระเป๋า
เป็นสินค้ายอดฮิต ที่หลายคนอยากจะมีติดตัว ไว้สักใบ..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในแต่ละปี แบรนด์ FREITAG สามารถผลิตกระเป๋าได้ประมาณ 400,000 ใบ
โดยนำเข้ายางในสำหรับจักรยานจำนวน 35,000 เส้น
เข็มขัดนิรภัยในรถยนต์จำนวน 288,000 เส้น
และผ้าใบกันน้ำจากรถบรรทุกที่ไม่ใช้แล้ว กว่า 440 ตัน..
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
