22 ก.ค. 2022 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
เครื่องดื่มกัญชง ปักธงแล้วในรัฐกัวของอินเดีย
เครื่องดื่มกัญชงเริ่มมีวางจำหน่ายแล้วในรัฐกัวของอินเดีย ภายใต้ชื่อแบรนด์ Satiwa ซึ่งมาจากชื่อทางวิทยาศาสตร์ ของกัญชง (Cannabis ‘Sativa’) เครื่องดื่มนี้ผลิตโดยบริษัท Naveen Distilleries ที่เมือง Margao ในรัฐกัว (Goa) มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และเมล็ดกัญชง (Hemp-based gin) รวมถึงน้ำองุ่น โรสแมรี่ และโซดา
โดยเครื่องดื่มสมุนไพรนี้มีรสมัน และเผ็ดเล็กน้อยด้วย ซึ่งการคิดค้นสูตรของเครื่องดื่มดังกล่าวทางบริษัทได้ทดลองเป็นเวลาหลายเดือนร่วมกับผู้บริโภคทั้งใน อินเดียเอง และชาวรัสเซียซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่นิยมมาพักผ่อนตามเมืองชายหาดและคาสิโนที่มีอยู่หลายแห่งในรัฐกัว โดยเครื่องดื่มนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมิถุนายน 2565 ที่ร้านอาหาร ผับ บาร์ และ ซูเปอร์มาร์เก็ตในรัฐนี้
สินค้าจากกัญชงเริ่มมีให้เห็นในรัฐกัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีร้านขายยาในรัฐกัวนำหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของกัญชงมาวางขาย แต่เนื่องจากยังไม่สามารถแสดงหลักฐานใบอนุญาตได้ครบถ้วนจึงถูกนำไปดำเนินคดี ทั้งนี้ กฎหมายของอินเดียอนุญาตให้มีการเพาะปลูกและแปรรูปกัญชงได้สำหรับวัตถุประสงค์ในด้านการวิจัย การแพทย์ การทดลองเพาะปลูก และอุตสาหกรรมในบางสาขาเท่านั้น
ภายใต้ Section 14 of NDPS Act ที่ให้อำนาจแก่รัฐบาลระดับ มลรัฐสามารถพิจารณาให้ใบอนุญาต ควบคุมการผลิต การขนส่ง และการบริโภคกัญชงภายในรัฐของตนได้ ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐอุตตรขัณฑ์ รัฐบาลของรัฐนี้ได้อนุญาตให้มีการเพาะปลูกในเชิงพาณิชย์ และมีวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แล้ว
คนอินเดียมีความคุ้นเคยกับการใช้ประโยชน์จากกัญชงมาตั้งแต่โบราณ โดยนำกัญชงมาเป็นส่วนหนึ่งของสมุนไพร แบบอายุรเวท (Ayurveda) และเครื่องเทศประกอบอาหาร รวมถึงเส้นใยสำหรับทำเสื้อผ้า กระเป๋าและเชือกด้วย
จากรายงาน ของ Grand View Research ระบุว่าการใช้/บริโภคในอินเดียจะขยายตัวได้อีกมาก ทั้งการนำกัญชงไปใช้ในการผลิตน้ำมัน อาหารและเครื่องดื่ม อาหารสัตว์ เส้นใยสำหรับเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ของใช้สำหรับทำความสะอาด ปุ๋ย และวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ กระดาษรีไซเคิล วัสดุเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้าง รวมถึงพลังงานชีวมวล
นอกเหนือจากการนำมาผลิตเพื่อใช้ในทางการแพทย์ อาทิ ยาบรรเทาอาการของโรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ โรคลมชัก โรคอัลไซเมอร์ และ อาการเจ็บปวดเรื้อรังต่างๆ
ผลการสำรวจของ All India Institutes of Medical Sciences ยังระบุว่าผู้บริโภคชาวอินเดียจะตอบรับต่อผลิตภัณฑ์ กัญชงได้อย่างรวดเร็ว โดยพบว่ามีคนอินเดียจำนวนไม่น้อยกว่า 7.2 ล้านคนที่เคยใช้กัญชงมาแล้ว โดยการซื้อมาทดลองใช้เอง และมีราคาขายปลีกในอินเดียอยู่ที่ประมาณ 4.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกรัม
นอกจากนี้ คาดว่าภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะทำให้คนอินเดียหันมาบริโภคอาหารมังสวิรัติมากขึ้น ซึ่งเมล็ดกัญชงจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ทดแทนถั่วและ เนื้อสัตว์ โดยปราศจากกลูเตน และมักจะเป็นการเพาะปลูกแบบอินทรีย์ด้วย เพราะกัญชงเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีศัตรูพืช จึงไม่ จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลง
ทั้งนี้ องค์การด้านความปลอดภัยและมาตรฐานอาหารของอินเดีย (FSSAI) ยอมรับว่ากัญชงสามารถนำมาเป็น ส่วนผสมของอาหาร ขนม และเครื่องดื่มได้ โดยกำหนดว่าเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกัญชงต้องมี THC ไม่เกิน 0.2mg/kg และ อนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มนี้ในสถานบริการต่างๆ ได้ ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนถึงโอกาสของผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากไทยด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนจากไทยยังมีโอกาสจากการเข้าไปถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนให้กับ Tech-Startups ของอินเดียที่ กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงสถานบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
โฆษณา