12 ก.ค. 2022 เวลา 03:14 • ความคิดเห็น
“แสง”
กับความลึกลับในใจ
1
แสงคือสารที่ลึกลับที่สุดชนิดหนึ่งในจักรวาล
มนุษย์เราทำการศึกษาแสงกันมาอย่างช้านาน
เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน นิวตัน เชื่อว่า
แสงประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ที่เคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง
ดังนั้นเวลาแสงตกกระทบกับวัตถุสิ่งของ มันจะสะท้อนออกมาในลักษณะเดียวกัน
ต่อมา Thomas Young เชื่อว่าแสงมีลักษณะเหมือนคลื่น
เพราะเวลาเรารวมแสง มันสามารถหักล้าง หรือเสริมกันได้
อีกทั้งยังสามารถเลี้ยวเบน เวลาเคลื่อนที่ได้อีกด้วย
แต่การทดลองของนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่กับพบว่า
แสงสามารถแสดงคุณสมบัติทั้งเป็นคลื่น และเป็นอนุภาคได้
ซึ่งมันจะแสดงคุณสมบัติ ด้านคลื่น หรือ อนุภาค
ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์นั้นๆ
โดยความเร็วของแสงตามที่นักวิทยาศาสตร์คำนวณออกมาอยู่ที่
299 ล้านกว่าเมตรใน 1 วินาที
ด้วยความเร็วของแสงขนาดนี้ไม่มีมนุษย์คนใดจะตามมันทัน
มนุษย์เราเพียรพยายามตรวจจับความเร็วแสงเพื่อไขปริศนาความลับจักรวาล
แล้วในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ออกมา...
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านข่าวทาง journals ที่ได้พูดถึงงานวิจัยของทีมนักฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยไมนซ์
สามารถทำการเก็บแสงไว้ได้ โดยการกักเก็บไว้ในอุปกรณ์
พิเศษที่ทำจากกลุ่มอะตอมรูบิเดียมเย็นจัด
อีกทั้งยังสามารถควบคุมกลุ่มอะตอมรูบิเดียมให้ย้ายตำแหน่งได้ 1.2 มิลลิเมตร
โดยที่การย้ายตำแหน่งนี้ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อคุณสมบัติของแสงที่ถูกกักเก็บอยู่ภายในเลย
1
นั้นหมายความว่า..
แม้ว่าแสงจะเคลื่อนไหวรวดเร็วปานใด
มันก็ยังพอมีหนทางที่มนุษย์เราจะตามกักเก็บมันทันได้
แม้จะยังคงเป็นเพียงแค่ชั่วครู่ก็ตาม...
แล้วความเร็วของความคิดเราละ เราตามทันกับมันไหม?
จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ทำให้รู้ว่า
สมองส่งต่อความคิดต่าง ๆ ในสมองด้วยความเร็ว 50 เซนติเมตร ต่อ วินาที
แม้จะไม่ได้เร็วเท่ากับความเร็วของแสง
แต่มันก็เป็นความเร็วที่เร็วมากมหาศาล
เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ของสมองในตัวเรา
ไม่ว่าจะเป็นด้านกว้าง ด้านยาว หรือด้านสูงของสมองเรา
ก็ไม่มีด้านไหนใหญ่เกิน 20 เซนติเมตร ทำให้แค่เราคิดปุ๊บสัญญาณก็มาปั๊บในสมอง
ด้วยพลังอำนาจทางความคิดของเราที่มีอย่างมหาศาล
ความคิดเราจึงรวดเร็ว ฉับไว
ทำให้บ่อยครั้งที่เราคิดไปคิดมา วอกแวก คิดนู่นคิดนี่ ฟุ้งซ่าน
โดยที่เราไม่รู้ตัว บางทีก็วนลูปคิดซ้ำไปซ้ำมา
จนอาจส่งผลร้ายกับตัวเราเองได้ในที่สุด
หากให้ปรียบก็เหมือนว่าเราเลี้ยงความคิดไว้อยู่ในบ้าน
บางครั้งเจ้าความคิดก็เป็นเพื่อนคู่หูที่คอยช่วยเหลือเราได้ทุกเรื่อง
แต่บางครั้งเมื่อเราเผลอปล่อยเจ้าความคิดมันเดินเล่นไปมา
ซึ่งมันมีทั้งอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เคยหยุดนิ่ง
เจ้าความคิดมันจึงซนชนสิ่งต่าง ๆ ทำลายข้าวของเครื่องใช้
หรือแม้กระทั่งตัวเราเองได้เช่นกัน
เราอาจจำเป็นต้องฝึกเจ้าความคิดให้เชื่องกับเรา
แล้วทำยังไงมันถึงจะเชื่อง?
เราอาจต้องคิดเสมอว่า
เราเป็นนายมัน
เราไม่ใช่ทาสของความคิด
ให้มันสามารถมาบงการตัวเราได้
ไม่ว่าเราจะเลี้ยงความคิด
ให้เชื่องยอมรับใช้เราได้หรือไม่
ท้ายที่สุดผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าดีหรือร้าย
มันก็จะส่งผลมายังตัวเราเองทั้งสิ้น
หากเราอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี
เราต้องรู้เท่าทันความคิดอยู่ตลอด
แม้กระทั่งแสงซึ่งเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วที่สุดที่มนุษย์รู้จัก
มนุษย์เรายังหาทางตามกักเก็บมันได้
แล้วความคิดที่มันอยู่ในใจของเราเอง
เราก็ย่อมหาทางจัดการมันได้เช่นกันครับ...
1
อ้างอิงข้อมูลการทดลองการกักเก็บแสงจาก
โฆษณา