1 ส.ค. 2022 เวลา 23:00 • การตลาด
ตลาดอุตสาหกรรมน้ำยาย้อมผมในประเทศจีน
และแนวโน้มน้ำยาย้อมผมออร์แกนิก
การย้อมผมเป็นหนึ่งบริการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดจีน เนื่องมาจากเศรษฐกิจจีนมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเกิดการยกระดับการบริโภคที่ทำให้ชาวจีนหันมาใส่ใจสุขภาพ และรักสวยรักงาม ดูแลรูปลักษณ์ภายนอกกันมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 มีจำนวนผู้บริโภคที่เข้าใช้บริการเสริมสวยบ่อยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53 และในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเสริมสวยบ่อยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47 และเข้าใช้บริการเสริมสวยเป็นครั้งคราวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 และที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นคือจำนวนผู้บริโภคที่เข้าใช้บริการเสริมสวยทุกวัน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 4
มูลค่าตลาดอุตสาหกรรมน้ำยาย้อมผม
ข้อมูลจาก “รายงานวิจัยแนวโน้มการพัฒนาและวิเคราะห์การลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำยาย้อมผม” พบว่า ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ตลาดน้ำยาย้อมผมของจีนมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มูลค่าตลาดน้ำยาย้อมผมของจีนเท่ากับ 17,200 ล้านหยวน ซึ่งในปี 2560 ประเทศจีนมีมูลค่าตลาดน้ำยาย้อมผมเพียงแค่ 5,000 ล้านหยวนเท่านั้น ถือได้ว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งปี 2564 ตลาดน้ำยาย้อมผมในประเทศจีนมีมูลค่าสูงถึง 21,400 ล้าน หยวน
ความนิยมในเรื่องการย้อมผมของผู้บริโภคชาวจีนสืบเนื่องมาจากการเปิดกว้างของประเทศจีน และได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมการทำสีผมของชาวตะวันตก ทำให้ในตลาดมีการวางจำหน่ายน้ำยาย้อมผมที่เป็นสีแฟชั่นมากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าน้ำยาย้อมผมสีแฟชั่นก็เป็นที่นิยมและครองสัดส่วนทางการตลาดได้ ไม่น้อยเลยทีเดียว จากข้อมูล พบว่า ในช่วงปี 2561-2563 ผู้บริโภคที่เกิดหลังปี 2533 มีการย้อมสีผมกันมากขึ้น โดยนิยมเลือกซื้อน้ำยาย้อมผมที่เป็นสีหวานหรือสีที่ดูเท่ เช่น สีเทา และสีชมพู เป็นต้น
1
นอกจากนี้ การย้อมผมด้วยตัวเอง (DIY) ก็เป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคชาวจีนหันมาให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงของการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่ทางการจีนมีการควบคุมการเดินทาง และต้องกักตัวอยู่บ้านเป็นระยะเวลานานนั้น จึงทำให้ผู้บริโภคหันมาย้อมผมเองกันมากขึ้น
จากข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้เลือกซื้อน้ำยาย้อมผมทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์มียอดจำหน่ายสินค้าน้ำยาย้อมผมสูงถึง 100,000 ชิ้น/ปี พร้อมทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังของจีน เช่น Xiaohongshu (เสี่ยวหงชู) และ Weibo (เวยป๋อ) ก็มียอดการเสิร์ชค้นหาคำว่า “ย้อมผมเอง” กันมากขึ้น
อย่างใน Xiaohongshu มีบทความที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าวประมาณ 2,000,000 บทความ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์ย้อมผมเอง ความรู้ในด้านการเลือกสีผม และการวิเคราะห์ส่วนผสม เป็นต้น
ในขณะเดียวกันใน Weibo มีจำนวนผู้อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับการย้อมผมอยู่ที่ประมาณ 430 ล้านครั้งเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ จะให้เห็นได้ว่า ตลาดน้ำยาย้อมของในประเทศจีน เป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพ ซึ่งเป็นโอกาสของน้ำยาย้อมผมของไทยที่ต้องการขยายตลาดสู่จีน
พฤติกรรมการบริโภค
- ข้อมูลจาก AgeClub พบว่า กลุ่มผู้บริโภคหลักที่มีการใช้น้ำยาย้อมผม คือ กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 40-70 ปี โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของผู้บริโภคน้ำยาย้อมผมทั้งหมดของประเทศจีน
- ผู้บริโภคบางกลุ่มนิยมใช้น้ำยาย้อมผมแบรนด์ของประเทศจีน เนื่องจากมองว่า แบรนด์จีนส่วนใหญ่จะมีการใช้สมุนไพรจีนมาเป็นส่วนผสมของน้ำยา ทำให้ปลอดภัยต่อหนังศีรษะ แต่ไม่ทำให้แพ้ระคาย เคือง อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคกลุ่มวัยกลางคน-กลุ่มผู้สูงอายุ แต่หากเป็นวัยรุ่นหรือกลุ่มคนทำงานก็มักจะนิยมใช้ยี่ห้อของญี่ปุ่น/ฝรั่งเศส/เกาหลี
- จากการเปิดกว้างและอิทธิพลค่านิยมทางยุโรป ทำให้ชาวจีนนิยมทำสีผมที่มีสีสันมากขึ้น เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลแดง สีน้ำตาลกาแฟ สีเทา สีโทนหวาน และสีชมพู เป็นต้น
- กลุ่มผู้สูงอายุชาวจีนหันมาใช้น้ำยาย้อมผมปกปิดผมขาวกันมากขึ้น โดยคาดว่าในประเทศจีนมีความต้องการน้ำยาย้อมผมปิดผมขาวอยู่ที่ 50-60 ล้านคน
- ผู้บริโภคหันมาเสาะหาน้ำยาย้อมผมที่มีความเป็นธรรมชาติ ปราศจากเคมี หรือเป็นน้ำยาย้อมผมออร์แกนิกกันมากขึ้น
 
- ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ทำให้ชาวจีนส่วนหนึ่งนิยมย้อมผมด้วยตัวเอง โดยจะเลือกซื้อเป็นน้ำยาย้อมผมแบบโฟมที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว มีความสะดวก และไม่ต้องเดินทางไปเข้าร้านเสริมสวย
ซึ่งทำให้เสียเวลา และมีราคาสูง อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Covid-19 แต่เมื่อจีนสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคแล้วได้ ผู้บริโภคก็ยังออกไปใช้บริการย้อมผมในร้านเสริมสวยเหมือนเดิม โดยเน้นไปที่ร้านที่มีชื่อเสียงหรือร้านแฟรนไชส์
1
การแข่งขันทางตลาด
จากข้อมูลพบว่า ในตลาดจีนมีน้ำยาย้อมผมวางจำหน่ายเพิ่มขึ้น และมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งแบรนด์จีนและแบรนด์ต่างชาติ โดยเฉพาะแบรนด์ L’Oréal, Schwarzkopf ที่ครองสัดส่วนตลาดน้ำยาย้อมผมในประเทศจีน อีกทั้งข้อมูลจาก ECdataway เผย 5 อันดับน้ำยาย้อมผมที่มียอดขายสูงสุดในช่วง เทศกาลชอปปิ้งกลางปี 618 ของประเทศจีน ได้แก่ 1) Schwarzkopf 2) L’Oréal 3) Kao 4) 3CHENES และ 5) Bigen ซึ่งครองสัดส่วนทางการตลาดถึงร้อยละ 57 ในจำนวนนี้ Schwarzkopf มีสัดส่วนทางตลาดคิดเป็นร้อยละ 20
แนวโน้มการพัฒนา
ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนา
 
1) ปัจจัยด้านผู้สูงอายุ/คนทั่วไปที่ต้องการปกปิดผมขาว
 
ผู้สูงอายุหรือคนทั่วไปที่ต้องการน้ำยาย้อมผมปกปิดผมขาวมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคสมัยปัจจุบันที่ทำให้ผู้คนเกิดความเครียดจากการทำงาน/เรียน ทำให้เกิดผมขาวได้เร็วขึ้น และผู้สูงอายุที่เกิดผมขาวตามธรรมชาติ
ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ในปี 2564 ประเทศจีนมีประชากรทั้งสิ้น 1,413 ล้านคน โดยเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีหรือมากกว่า 267 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9 ของ จำนวนประชากรจีนทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีหรือมากกว่า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.2 ของจำนวนประชากรจีนทั้งหมด
 
2) ปัจจัยด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค
เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้น ชาวจีนจึงมีคุณภาพชีวิตและมีรายได้ที่สูงขึ้น ทำให้หันมาใส่ใจสุขภาพ และความสวยความงาม รวมถึงสุขภาพผม และนิยมเข้าร้านเสริมสวยเพื่อทำผมหรือเข้าคอร์สบำรุงผมกันมากขึ้น จากข้อมูลพบว่า ในปี 2564 ประชากรจีนมีรายได้สุทธิเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 35,128 หยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 9.1
แนวโน้มสินค้า
เนื่องจากชาวจีนหันมาใส่ใจสุขภาพ และให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีกันมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของสินค้าน้ำยาย้อมผมที่ปราศจากสารเคมี มีความปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สกัดจาก ธรรมชาติ หรือน้ำยาย้อมผมออร์แกนิก เนื่องจากน้ำยาย้อมผมทั่วไปจะมีส่วนผสมของสาร p-phenylenediamine ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ อีกทั้งเป็นสารเคมีอันตราย เมื่อดูดซึมเข้าสู่หนังศีรษะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ชาวจีนที่รักสุขภาพมุ่งเน้นการเลือก ซื้อ/ใช้น้ำยาย้อมผมที่สกัดจากธรรมชาติ หรือเป็นน้ำยาย้อมผมที่มีสรรพคุณบำรุงผมในตัวเดียวกัน นอกจากนี้ ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ยิ่งทำให้ผู้คนตระหนักถึงการเลือกซื้อน้ำยาย้อมผม จากปัจจัยด้านความปลอดภัยเป็นหลัก จะเห็นได้ว่าการเสิร์ชค้นหาสินค้าน้ำยาย้อมผมปราศจากสารเคมีมียอดค้นหาสูงมากในแพลตฟอร์มออนไลน์ รองลงมาเป็นการเสิร์ชค้นหาสินค้าน้ำยาย้อมผม ผมไม่เสีย
 
ช่องทางการจำหน่าย
การขายออฟไลน์ (Offline)
ช่องทางการจำหน่ายสินค้าน้ำยาย้อมผมในตลาดจีนนั้นถือว่ามีความหลากหลาย เช่น ร้าน Watsons (ส่วนใหญ่สำนักงานจะเป็นผู้จัดซื้อ) ร้านเสริมสวย และร้านผู้นำเข้า/ร้านค้าส่งสินค้าไทยในจีน เป็นต้น ทั้งนี้จะต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือการทดลองสินค้า โดยสามารถจัดกิจกรรม
 
การจำหน่ายออนไลน์ (Online)
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนหันมาเลือกซื้อทางออนไลน์กันมากขึ้น เพื่อปรับตัวตามยุคสมัย New Normal ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้ช่องทางการจำหน่ายสินค้าตามแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีชื่อเสียงของจีน เช่น Wechat Taobao (เถาเป่า) และ T-mall อีกทั้งจำหน่ายสินค้าผ่านการทำ Live Streaming ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้
นอกจากนี้ หากเป็นการทดลองจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ก็สามารถเลือกจำหน่ายสินค้าในรูปแบบ Cross Border E-Commerce ก่อนได้ เพื่อเป็นการทดลองตลาด เนื่องจากขั้นตอนการจำหน่ายสินค้าใน รูปแบบดังกล่าวไม่ยุ่งยากเท่ากับการนำเข้าในรูปแบบทั่วไป
งานแสดงสินค้า (Trade Fair)
งานแสดงสินค้าในประเทศจีน รวมถึงงานแสดงสินค้านำเข้ากระจายอยู่เป็นจำนวนมากทั้งในเมืองใหญ่และเมืองรอง โดยผู้บริโภคชาวจีนจำนวนไม่น้อยก็ยังนิยมเดินชมและเลือกซื้อสินค้าจากงานแสดงสินค้าต่างๆ อยู่ เนื่องจากมีสินค้าวางจำหน่ายหลากหลาย และสามารถทดลองสินค้าได้จริง
ทั้งนี้ ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ทำให้งานแสดงสินค้าในหลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพอยู่ ซึ่งงานแสดงสินค้าออนไลน์ก็มีข้อดีที่ทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ต้องมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์งานให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
แม้ว่าอุตสาหกรรมน้ำยาย้อมผมในตลาดจีนจะมีการแข่งขันสูง โดยผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่จะเลือกใช้น้ำยาย้อมผมจากแบรนด์ชื่อดังที่เป็นที่รู้จักในตลาดสากล เช่น แบรนด์ญี่ปุ่น เกาหลี และฝรั่งเศส ประกอบกับน้ำยาย้อมผมแบรนด์ของจีนเองก็มีวางจำหน่ายมากมายทั่วตลาดจีน และจากการสังเกตพบว่า ตามร้านเสริมสวยของจีนมักจะใช้น้ำยานำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและฝรั่งเศสมาเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ซึ่งจะมีราคาให้บริการที่ค่อนข้างสูง หากใช้น้ำยาย้อมผมของจีนก็จะมีราคาที่ต่ำลงมา
อย่างไรก็ดี เนื่องจากจีนมีความต้องการบริโภคน้ำยาย้อมผมมากขึ้น ทำให้ก็ยังมีช่องว่างหรือโอกาสในการขยายตลาดน้ำยาย้อมผมของไทยมาสู่ตลาดจีน เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องสร้างจุดขาย มุ่งเน้นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ หรือการใช้ส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือหนังศีรษะก็จะสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ควรมีการประชาสัมพันธ์สินค้าผ่าน KOL จีนชื่อดังที่ อาศัยอยู่ในประเทศไทย หรือการรีวิวผ่านแพลตฟอร์ม Xiaohongshu และ Weibo เพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์สินค้าก่อน
เนื่องจากปัจจุบันการทำตลาดสินค้าผ่าน KOL กำลังเป็นที่นิยมและมี อิทธิพลสูงมากต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมักจะเลือกซื้อสินค้าตาม KOL ที่ตนเองติดตามหรือเป็นกระแสในขณะนั้น
โฆษณา