13 ก.ค. 2022 เวลา 04:03 • ความคิดเห็น
การนั่งสมาธิ ทำใหร่างกายมีสภาวะเหมือนก่อนจะหลับ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ และทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส สมาธิยังช่วยขจัดความขัดแย้งในจิตใจ ทำให้ใจอยู่นิ่งท่ามกลางความสับสน และเข้าใจสถานการณ์ เรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้น พร้อมยอมรับมันด้วยความสงบ ทำให้มีความสุขมากขึ้น
ในทางวิทยาศาสตร์การทำสมาธิ ช่วยทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้มากขึ้น สามารถบรรเทาอาการของโรคร้ายแรงเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเอดส์ โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคใจสั่น คนไข้โรคมะเร็ง โรคเอดส์ และเจ็บป่วยเรื้อรัง 14,000 คน ไม่ต้องกินยาแก้ปวด
ตามหลักศาสนาพุทธนั้นวิธีทำสมาธิที่ใช้โดยแพร่หลายมี 2 แบบ คือ สมถกรรมฐาน เป็นไปเพื่อสงบระงับกิเลส เพียงข่มกิเลสไว้เท่านั้น ไม่สามารถดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด กับ วิปัสสนากรรมฐาน เป็นไปเพื่อการอบรมเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง สามารถดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ละได้อย่างเด็ดขาดไม่เกิดขึ้นอีก)
1
การทำสมธิเป็นไปเพื่อการหาทางหลุดพ้น และเพิ่มพูนปัญญาให้เป็นสุข มากกว่ามุ่งเน้นความฉลาดทางวิชาการ ดังนั้นอาจไม่ได้ทำให้ฉลาดกว่าผู้อื่น แต่ตัวเรานั้นจะมี EQ ที่ดีขึ้น การรับมือกับปัญหารัดกุมมากขึ้น ส่งผลให้มีความสุขได้ง่ายกว่าผู้อื่น
วิธีฝึกสมาธิที่เราเคยลองแล้วเห็นจริง มี 7 ข้อดังนี้
  • 1.
    เดินลมให้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เป็นหลักสำคัญช่วยไห้สมาธิก้าวหน้าดีขึ้น
  • 2.
    ถ้าจิตสงบบ้าง ฟุ้งซ่านไปบ้าง ให้ฝึกจิตไม่เกิน 1 ชั่วโมง ถ้าหากมากเกินไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ
  • 3.
    เมื่อนั่งสมาธิไปครั้งหนึ่งเสร็จแล้วจะต้องพัก ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง และวันหนึ่งวัน ไม่ควรฝึกเกิน 3 ครั้ง
  • 4.
    การฝึกสมาธิควรนั่งสมาธิติดต่อทุกวัน แม้จะฝึกเพียงวันละ 1 ครั้ง
  • 5.
    ฝึกในสถานที่และเวลาที่เหมาะ จะได้ผลเร็วกว่า
  • 6.
    เมื่อฝึกสมาธิจนุึงระดับขั้นกลาง (อุปจารสมาธิ) พยายามดำรงสมาธิไว้ให้นานที่สุด
  • 7.
    ฝึกสมถกรรมฐานและวิปัสสนาควบคู่กันไป
ความฉลาดทางอารมณ์มีผลพอ ๆ กับความฉลาดทางปัญญา ถ้าหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว การดำรงชีพให้เป็นสุขจะทำได้ยาก ถ้าหากมากเกินไปก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน ดังนั้นการฝึกจิตจึงมีความสำคัญ
โฆษณา