13 ก.ค. 2022 เวลา 05:32 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"เราไม่ควรทะเลาะกันเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ แต่ควรจะหยุดโลกไม่ให้เปลี่ยนเราจากสิ่งดีๆที่เราเป็น” บทพูดของซอยูจิน หนึ่งในตัวละครจากเรื่อง Silenced (2011)
1
cr.dvd netflix
คอลัมน์ ดูตาแตก รีวิวสิวๆโดยดู๊ดตี้
เรื่อง Silenced (2011)
แนว Crime, Drama
นำแสดงโดย กงยู, จองยูมิ, คิมฮยอนซู, คิมจูรยอง, แบคซึงฮวาน, จังกวัง
ภาพยนตร์ความยาว 2.04.54 ชั่วโมง
สวัสดีค่ะ...ระยะนี้ดู๊ตตี๊มาสายโหด รีวิวแต่ละเรื่องก็ดูมีสาระ(แน)ทีเดียวเชียว ขนาดเลือกหนังโรแมนติก คอมเมดี้มารีวิว ก็ดั๊นมีสาระซะงั้น...เพื่อความคุณภาพยกระดับการรีวิว ประกาศให้โลกรู้ว่าดูหนัง ซีรี่ย์ ระเม็ง ละครก็มีสาระ ไม่ใช่จะเอนเตอร์เทนแต่ประการเดียว...สมองนะมีไม๊...ตอบเลยว่า(ม้าย) มี (555)
สำหรับหนังเรื่อง Silenced ฉบับเกาหลีเรื่องนี้ ออกฉายในปี 2011 สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่เมืองมูจินเมืองแห่งสายหมอก ในควางจู โดยดัดแปลงจากนวนิยาย ชื่อ Dakoni ที่แปลว่าความเงียบ เขียนโดย กงจียอง
เหตุการณ์จริงเกิดขึ้นในปี 2000 และถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในปี 2005 ซึ่งประชาชนที่ได้รับทราบเรื่องนี้รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
เปิดเรื่องโดยการเดินทางของคังอินโฮ (รับบทโดยกงยู) ขับรถทางไกลมาจากโซลมุ่งตรงสู่มูจินเมืองแห่งสายหมอกในควางจู ระหว่างการเดินทางเขาคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นแม่ ที่เลี้ยงลูกสาวให้เขาและอาศัยอยู่ในโซล แม่เล่าเรื่องลูกสาวที่ร้องไห้คิดถึงพ่อ
ตัดภาพสลับกับเด็กชายอายุประมาณ 5 ขวบ เดินลำพังเข้าสู่อุโมงค์รถไฟ ตัดภาพเปรียบเทียบกับคังอินโฮที่ขับรถเข้าสู่อุโมงค์รถยนต์ รถยนต์สวนกันลื่นแฉลบ จนประสบอุบัติเหตุ ตัดสลับภาพกับเด็กชายตัวน้อยเดินไปตามรางรถไฟ รถไฟพุ่งชน รองเท้ากระจาย
ภาพโคสท์อัพอยู่ที่รองเท้าแตะคู่เล็กๆ กล้องไล่เรื่อยขึ้นไปบนรางรถไฟ เห็นรองเท้าอีกข้าง เห็นกางเกงเด็กชายตัวน้อย (ไม่เห็นภาพศพเต็มๆนะ)
ตัดภาพมาที่คังอินโฮ ที่ขับรถชนสัตว์ตายบนถนน เลือดค่อยๆไหลนองเต็มพื้นถนน
โคสท์อัพไปที่ป้ายเมืองมูจิน
คังอินโฮนำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่ง และพูดคุยกับช่างซ่อมเพื่อให้เร่งซ่อมรถยนต์ให้ เพราะต้องรีบไปรายงานตัวที่โรงเรียนชาแอ โรงเรียนสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน คังอินโฮถามหารถประจำทาง แต่อีกนานกว่าจะมา ส่วนแท็กซี่ค่าโดยสารก็แพงมาก เข้าเลยเลือกที่จะถอยรถออกจากอู่ ยังไม่ทันถอยรถก็มีรถยนต์อีกคันชนท้ายเข้าให้จังเบ้อเร่อ
หญิงสาวร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก ซอยูจิน (รับบทโดยจองยูมิ) เจ้าหน้าที่พิทักษ์สิทธิมนุษยชนแห่งศูนย์พิทักษ์สิทธิมนุษยชนมูจิน ลงมาจากรถ เธอโวยวายว่าคังอินโฮ ถอยรถมาชนเธอ
 
คังอินโอเถียงว่า ยังไม่ได้ติดเครื่องรถเลย ซอยูจินว่าเขาเมากลิ่นเหล้าคลุ้งเชียว ชี้ชวนให้ช่างซ่อมดมพิสูจน์กลิ่น ช่างซ่อมดมกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ แล้วสรุปว่าซอยูจินดื่มเหล้ามาทั้งคืนอีกแล้ว เธอขับรถมาที่อู่ซ่อมรถ เพราะมีคนทุบกระจกรถเธอแตก
พอคังอินโฮจะขับรถออกจากอู่ ก็พอดีกับที่รถพังกระจายแบบขับต่อไปไม่ได้ เลยต้องติดรถซอยูจิน เดินทางไปยังโรงเรียนชาแอ ระหว่างเดินทางซอยูจินก็เล่าให้ฟังว่ากระจกเธอแตก มีคนทุบมันตอนที่เธอนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงาน เพราะงานของเธอทำให้ผู้คนไม่พอใจตลอด เธอทำงานกับพวกสารเลว น่ารังเกียจที่ตบตีภรรยาตัวเอง
คังอินโฮ นั่งหนาวสั่นและไม่ได้ตั้งใจฟังเธอพูดมากนัก ซอยูจินให้นามบัตรไว้ เพื่อติดต่อจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้ กล้องจับภาพที่นามบัตร “ศูนย์พิทักษ์สิทธิมนุษยชนมูจิน”
คังอินโฮลงจากรถ เงยหน้ามองเห็นป้ายที่ติดอยู่หน้าโรงเรียนว่า “โรงเรียนดีเด่น” เมื่อเขามาถึงโรงเรียน เห็นเด็กนักเรียนเตินขึ้นลงบันได เห็นเด็กผู้หญิง 2 คนนั่งกินขนมตรงบันได เขาทักทายด้วยภาษามือ แต่เด็กๆมองแปลกๆ และจูงมือกันเดินหนีไป
เขาเข้าไปที่ห้องพักครูใหญ่ เป็นห้องที่ดูเคร่งขรึม น่าเกรงขาม เมื่อเงยหน้าขึ้นมองบนเพดานพบว่าเพดานเป็นกระจก เขาไม่ได้สนใจมากนักและเมื่อพบกับครูใหญ่ลี (รับบทโดยจังกวัง) ก็สอบถามพูดคุยกันตามปกติ
อาจารย์ผู้ฝากงานให้คังอินโฮเป็นเพื่อนกับครูใหญ่ลี และเมื่อพูดคุยกันพอสมควร ครูใหญ่ก็เรียกหัวหน้าลี หัวหน้าแผนงานเข้ามาพบกับคังอินโฮ เพื่อพูดคุยรายละเอียดอื่นๆที่สำคัญ
พอคังอินโฮเห็นก็ตกใจนิดนึง เพราะทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน
เขาเดินออกจากห้องครูใหญ่มาพร้อมกับหัวหน้าลี ระหว่างเดินไปด้วยกัน หัวหน้าลีก็ขอเงินบำรุงการศึกษาเป็นจำนวน 50,000 วอน คังอินโฮงง เพราะไม่ทราบว่ามีการจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยด้วย
 
หัวหน้าลีพูดว่า “คงไม่คิดว่าจะได้งานมาง่ายๆใช่ไม๊”
คังอินโฮโทรศัพท์คุยกับแม่ของเขาว่าต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อแลกกับงานในตำแหน่งครูสอนศิลปะแม่บ่นว่าจะเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน
ภาพตัดมาที่ห้องเรียนศิลปะ
คังอินโฮให้เด็กๆวาดภาพเหมือนแอปเปิ้ล
ระหว่างที่เด็กๆวาดรูป เขาก็เดินดูไปเรื่อยๆ
มาหยุดอยู่ที่เด็กหญิงคนหนึ่งที่วาดภาพได้สวยงาม
พอเขาชมว่าเธอวาดสวย เธอก็ทำหน้าตาเฉยเมยไม่ยินดี ยินร้าย ส่วนเด็กหญิงอีกคนก็เดินไปหยิบแอปเปิ้ลต้นแบบมากิน พอคังอินโฮเห็นก็ทำหน้าเพลียๆกับความอลเวงที่เกิดขึ้น
และมีเด็กชายอีกคนเข้าเรียนสาย หน้าตาฟกช้ำดำเขียว
คังอินโฮมองเงียบๆไม่พูดอะไร
เมื่ออยู่ในห้องพักครูเขาถามเพื่อนครูอีกคนว่า เขารู้สึกว่าเด็กพวกนี้ดูแปลกๆเพื่อนครูบอกว่ามาวันแรกใช่ไม๊ และบอกว่าความบกพร่องทางร่างกายสามารถนำไปสู่ความบกพร่องทางจิตใจได้
(จริงดิ???)
เพื่อนครูอยู่มากว่า 10 ปีแล้ว เด็กๆ ยังไม่ยอมเปิดใจให้เขาเลย
หลังเลิกเรียน คังอินโฮยังนั่งอยู่ที่ห้องพักครู ค้นหาประวัติเด็กนักเรียน พบว่า
เด็กชาย ชื่อมินซู (รับบทโดยแบคซึงฮวาน) พ่อ-แม่ป่วยทางจิต
เด็กหญิง ชอบกิน ชื่อ ซินยูริ (รับบทโดยคิมจูรยอง) ป่วยทางจิตกินได้ตลอดเวลา
เด็กหญิง ชื่อ คิมยอนดู (รับบทโดยคิมฮยอนซู) เด็กกำพร้า ทั้งหมดพิการทางการได้ยิน
เขาเตรียมตัวกลับบ้าน พอดีแม่โทรศัพท์มาคุยเรื่องลูกสาวที่ ไม่ยอมกินข้าว เพราะอยากกินพิซซ่า เขาบอกให้สั่งพิซซ่า แม่ของเขาบอกว่าอย่าเป็นห่วงเลย เรื่องทางนี้แม่ของเขาจะดูแลเอง และให้เขาไปดูบัญชีธนาคาร แม่หาเงินไว้ให้แล้ว
ระหว่างคุยโทรศัพท์เขาได้ยินเสียงกรีดร้องแปลกๆ เขาเดินตามเสียงไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำหญิง ตะโกนถามว่ามีใครอยู่ในนั้น เสียงเงียบไป เขาจับลูกบิดประตูจะเข้าไปดู
พอดียามมาเห็น เขาบอกยามว่าเขาได้ยินเสียงแปลกๆในห้องน้ำ
 
ยามบอกว่าถึงอย่างไรก็ไม่ควรเข้าไปในห้องน้ำหญิง เด็กๆเห็นจะเข้าใจผิดได้
 
ยามบอกว่าเด็กที่นี่ชอบทำเสียงแปลกๆ เวลาเล่นกัน และเพราะเขาไม่ได้ยินเสียง เลยยิ่งทำเสียงดังและบอกให้เขากลับบ้านไป
ตัดภาพมาที่ห้องครูใหญ่ ครูใหญ่พลัตกอล์ฟอยู่ และพูดคุยกับนักสืบจาง ครูใหญ่มอบเงินรางวัลให้ก้อนหนึ่ง ที่นักสืบจางสู้อุตส่าห์เป็นธุระเอาเด็กๆที่หนีไปกลับมาส่งที่โรงเรียน
 
คังอินโฮมาพบครูใหญ่ เพื่อนำเงินบำรุงการศึกษามาให้ และได้พบกับนักสืบจาง ทั้งนักสืบจางและครูใหญ่เห็นว่าการบริจาคเงินเพื่อบำรุงการศึกษาเป็นเรื่องปกติ นักสืบจางบอกว่าถ้าเขาเงินเดือนมากกว่านี้ก็พร้อมจะบริจาคเช่นกัน
 
นักสืบจางถามว่าจะอยู่มูจินนานไม๊ ยังไงไปดื่มและเที่ยวแบบผู้ชายกัน ที่มูจินมีผู้หญิงสวยๆเยอะ น่าเซี๊ยะด้วย
ตัดภาพมา มินซูเด็กชายโดนครูปาร์คตบตี ภาพค่อยๆ ขยายเป็นภาพกว้างในห้องพักครู
มินซูโดนซ้อมในห้องพักครูที่มีครูท่านอื่นๆอยู่ด้วย โดยไม่มีใครห้ามปราม คังอินโฮเข้าห้องพักครูมา
“การเพิกเฉยต่อการก่ออาชญากรรมหรือการกระทำความรุนแรงต่างๆ เสมือนหนึ่งเราสนับสนุนให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านั้น หรือเป็นอาชญากรเสียเอง”
เห็นครูปาร์คซ้อมมินซู ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ครูปาร์คบอกว่าเด็กหนีออกจากหอพักตอนกลางคืน เด็กชาย 1 เด็กหญิง 2 คน ครูปาร์คบ่นว่าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วเล่าว่าน้องชายของมินซูหนีออกไป แล้วก็ไปเสียชีวิตข้างนอก
พอดีกับหัวหน้าลีมาเรียกครูปาร์คให้ไปพบครูใหญ่ ครูปาร์คหันไปบอกมินซูว่าให้เปิดใจให้เขามากกว่านี้ มินซูออกจากห้องไป
ช่วงเย็นๆ คังอินโฮกำลังจะกลับบ้าน ระหว่างเดินไปที่รถเขาเงยหน้าเห็นเด็กหญิงนั่งอยู่ริมขอบหน้าต่าง เหมือนจะโดดลงมา
เขาตะโกนเสียงดัง ไม่ให้โดด นึกขึ้นได้ว่าเด็กหญิงหูไม่ได้ยิน จึงรีบขึ้นไปหา แล้วอุ้มพาลงจากขอบหน้าต่าง เห็นหน้าตาเด็กมีบาดแผล เขากำลังผละจะจากไปเด็กหญิงดึงแขนเสื้อไว้ แล้วพาเขาเดินไปที่บันได ตรงปลายสุดของบันไดมีห้องๆหนึ่ง ประตูปิดอยู่
เด็กหญิงชื่อยอนดู โดนคุณครูผู้หญิงยุนจาเอ ผู้ดูแลหอพักจับกดน้ำในเครื่องซักผ้า คังอินโฮเปิดประตูห้องซักผ้า เห็นภาพที่คุณครูผู้หญิงกดศรีษะเด็กลงในเครื่องซักผ้า เขาห้ามเธอไว้ และตะโกนต่อว่าเธอ เธอบอกว่าเธอมีหน้าที่อบรมเด็กนอกเวลา
คังอินโฮบอกให้เธอหยุดและขู่ว่า ผมมาจากโซลและมีเพื่อนเป็นทนายเป็นอัยการ
และผมจะจับคุณเข้าคุกถ้ายังไม่หยุดทำร้ายเด็ก
 
จากนั้นเขาก็พาเด็กออกจากห้องซักผ้า และพาไปโรงพยาบาล
คังอินโฮโทรหาซอยูจิน เธอคิดว่าเขาโทรมาทวงค่าซ่อมรถ แต่คังอินโฮเล่าเรื่องเด็กถูกทำร้ายให้เธอฟัง เธอตกใจและบอกให้แจ้งพ่อแม่เด็ก แต่เด็กหญิงยอนดูเป็นเด็กกำพร้า
วันต่อมาที่ห้องครูใหญ่ ทั้งครูใหญ่ลีและหัวหน้าลีสอบถามว่ามีปัญหาอะไรกับครูยุน ครูดูแลหอพัก ทั้ง 2 คนแจ้งว่าครูยุนรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
และเขาได้กำชับครูยุนแล้วว่าอย่าทำแบบนี้อีก
 
และอาสาจะไปรับยอนดูจากโรงพยาบาลกลับมาที่โรงเรียนด้วยตัวเอง
“เรามักถูกสอนมารยาทสังคม สวัสดีทักทาย ยกมือไหว้ เอาของมาฝาก ขอโทษ แต่หลายครั้งที่คนเราทำไปแค่...ตามบรรทัดฐานของสังคม ตามมารยาทเท่าที่ถูกสอนมา ทำไปเพื่อให้ปัญหาจบๆไป ทั้งๆที่เราเองไม่ได้ทำผิดอะไร ทำทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกจากข้างในจิตใจ มีคนเลวๆ มากมายที่แสดงเก่ง และได้รับการยอมรับ หรือได้รับการอภัยจากสังคม”
ที่โรงเรียนตอนเรียนวิชาศิลปะ คังอินโฮผูกมิตรกับยูริ เด็กหญิงที่กินตลอด โดยบอกยูริว่าจะสลับกับวาดภาพ ครูวาดยูริ และยูริวาดครู ยูริบอกว่าไม่อยากวาด เพราะหน้าตาเธอมีแต่แผล ครูสัญญาว่าจะวาดให้สวย เมื่อวาดภาพเสร็จ ยูริพอใจกับภาพวาดของครู ที่วาดเธอสวยมาก เธอหัวเราะสดใส และเอาภาพที่เธอวาดให้ครูดู ที่วาดได้ตลกมาก คุณครูทำหน้าตาล้อเลียนภาพวาด
cr.IMDb
เป็นภาพแห่งความสุขสดใส สมวัยเด็กหญิงตัวน้อยๆ อายุ 13 ปี
ซอยูจินโทรศัพท์หาคังอินโฮ บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย คังอินโฮจะตามไปที่โรงพยาบาล เธอบอกว่าอยากคุยที่อื่น เลยนัดคุยกันที่ร้านเหล้า เธอบอกว่ายอนดูโดนลวนลามทางเพศ แบบใช้กำลังจากครูใหญ่ เขาพยายามลวนลามยอนดูแต่ไม่สำเร็จ เพราะยอนดูยังเด็กเกินไป
คังอินโฮไม่เชื่อหูตัวเองและบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ซอยูจินเมารึเปล่า
ซอยูจินจึงเอาจดหมายที่ยอนดูเขียนไว้ให้เขาอ่าน
 
ยอนดู บอกว่า “อย่า” เขาก็ตีหนู ยังมีเด็กคนอื่นๆโดนกระทำเช่นกัน
 
ครูปาร์ค โบฮยอน ล่วงละเมิดเด็กผู้ชาย ครูใหญ่ หัวหน้าลี
ล่วงละเมิดเด็กผู้หญิง
cr.IMDb ภาพครูใหญ่ตอนตามเด็กที่หนีเข้าห้องน้ำ หลอนมากคร่า...
คังอินโฮบอกให้ซอยูจินไปแจ้งความ เธอบอกว่าตำรวจเป็นคนส่งตัวเด็กๆกลับโรงเรียนตอนที่หนีออกจากหอพักไปแจ้งความ จนโดนทำร้าย
อีกทั้งครูยุนเป็นลูกบุญธรรมของผู้ก่อตั้งโรงเรียน
เป็นน้องสาวของฝาแฝด ครูใหญ่ลี และหัวหน้าลี ครูยุนดั๊นเป็นชู้กับครูใหญ่
(เน่าเฟะมากค่ะท่านผู้ชม)
ครูยุนสั่งสอนยอนดูด้วยความหึงหวง ด้วยการตัดผมของยอนดู และขู่ว่าจะฆ่าถ้ายอนดูไปยุ่งกับครูใหญ่
 
ระหว่างที่ซอยูจินเล่านั้น คังอินโฮก็นึกได้ว่า แกงค์ครูใหญ่จะไปรับยอนดูออกจากโรงพยาบาล
 
เขาและซอยูจินรีบบึ่งไปโรงพยาบาล เมื่อถึงที่ห้องคนไข้ ห้องว่างเปล่า
มีการตัดสลับภาพให้มีลุ้นว่าแกงค์ครูใหญ่จะมาถึงโรงพยาบาลก่อนไม๊
พอเปิดห้องคนไข้ ภาพตัดไป
ทิ้งให้คนดูเซ็งว่ามารับยอนดูไปได้ และคิดในใจว่ายอนดูตายแน่
แต่ปรากฏว่ายอนดูแอบในตู้เสื้อผ้า ซึ่งคังอินโฮและซอยูจินก็ตามมาช่วยได้ทัน
เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ มีเหตุการณ์ต่างๆให้คนดูได้ลุ้นระทึก แต่ไม่ได้โฉ่งฉ่างแบบแนว Thriller คนดูจะลุ้นเพราะสงสารเด็ก และไม่อยากให้เด็กโดนทำร้าย หลังจากนี้ความจริงต่างๆก็เปิดเผย ยอนดูไปสัมภาษณ์เก็บเป็นวีดีโอหลักฐาน
cr.twitter
เธอเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่ เกิดขึ้น ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่คังอินโฮไปเคาะประตูห้องน้ำหญิง จึงทำให้เธอรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
 
ระหว่างการเล่าเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ยูริ เด็กนักกินซึ่งมานั่งอยู่ด้วย ก็เกิดอาการเครียด เกร็ง เอามือดึงกระโปรงตุ๊กตาตัวโปรดที่เธอพกติดตัวมาตลอด เรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศที่ครูใหญ่กระทำต่อยูริก็แดงโร่ขึ้น
cr.IMDb
โดยยอนดูเป็นพยานได้ เพราะวันนั้นเธอผ่านไปพบโดยบังเอิญ และแอบมองลอดช่องประตู ซึ่งครูใหญ่ก็ตามมาข่มขู่ไม่ให้เธอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วันหนึ่งแม่ของคังอินโฮมาหาที่มูจิน พาลูกสาวของเขาชื่อโซลมาด้วย มาทำอาหารให้เขาทานและนำต้นไม้มาฝากครูใหญ่ และก็พร่ำว่าครูใหญ่มีเส้นสายมากมายที่โซล อยากให้ลูกชายประจบหน่อย ความที่คังอินโฮรู้ความจริงเรื่องครูใหญ่ ก็โพล่งกับแม่ไปว่า รู้ไม๊ว่าเขาเป็นคนอย่างไร
แม่บอกว่าคงไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ ถ้าขอเงินใต้โต๊ะ
แม่บอกว่าวันนี้ครบรอบวันตายของภรรยาคังอินโฮ
 
แม่ก็บ่นตามประสาแม่ และกำชับให้คังอินโฮตั้งใจทำงาน
 
คิดถึงลูกสาวให้มากๆ และเล่าว่าเงินค่าบำรุงการศึกษาที่แม่หามาให้ คือ เงินมัดจำค่าบ้าน
ส่วนแม่กับลูกสาวจะไปหาห้องเช่าเล็กๆอยู่กัน แม่แกก็บ่นว่าทุกคนสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่คังอินโฮตระเวณวาดรูปทั่วประเทศ ก็ปิดหูปิดตาซะบ้าง
แม่แกก็ดีอ่ะนะ แต่ก็แอบกดดันเพราะอยากให้ลูกมั่นคง คิดถึงอนาคตให้มาก ที่แน่ๆ แกรักคังอินโฮมาก แถมฉลาดเป็นกรดซะด้วย
ภาพตัดมาที่สำนักงานการศึกษามูจิน ซอยูจินยื่นหนังสือร้องเรียน เรียกร้องให้ครูใหญ่ลาออก และลงโทษคนทำผิดทั้งหมด เจ้าหน้าที่ สนง.การศึกษาบอกว่าถ้าเกิดเหตุหลังเลิกเรียน สนง.ไม่มีอำนาจจะไปลงโทษใคร ให้ไปเทศบาลเพราะเหตุเกิดในหอพัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองด้านสังคมสงเคราะห์
ซอยูจินเริ่มโวยวายว่าเธอมาจากเทศบาลและตกลงว่าเป็นความรับผิดชอบของใครกันแน่
 
จากนั้นเธอก็ไปสถานีตำรวจ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับครูใหญ่ ว่าเด็กๆโดนล่วงละเมิดทางเพศที่โรงเรียน
ตำรวจบอกซอยูจินว่าครูใหญ่เป็นสมาชิกอาวุโสของโบสถ์ และเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด
ซอยูจินบอกว่ามีหลักฐานนะ ตำรวจบอกว่า ใครจะเชื่อคำพูดเด็ก 2-3 คน
เมื่อ 2-3 วันก่อนครูใหญ่เพิ่งได้รับรางวัลจากนายกเทศมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน
ใครจะจับเขาล่ะ ?
ซอยูจินบอกว่าจะไปหาอัยการ ตำรวจบอกว่าใช่ว่าเราไม่อยากสอบสวน แต่อัยการนี่แหละที่ไม่ยอม
***********************************
ภาพโคสต์อัพที่ป้ายหน้าสถานีตำรวจ “ตำรวจยืนเคียงข้างประชาชน”
(ดูคุ้นๆนะเคอะ)
************************************
ซอยูจินออกจากสถานีตำรวจ ดันลืมกุญแจไว้ในรถ เธอโวยวายตามนิสัย พอดีที่เพื่อนโทรมาบอกว่าสถานีโทรทัศน์สนใจจะทำเรื่องคดีนี้ ซอยูจินโยนหินใส่กระจกจนแตก
ภาพตัดไป
ครูปาร์คตบตีเด็กชายมินซู ในห้องครูใหญ่ พยายามเค้นถามถึงเด็กหญิง 2 คนที่หายไป ว่าหายไปไหน เขาตบดีเด็กไปเรื่อยๆ ไม่หยุด
คังอินโฮยืนอยู่หน้าห้องครูใหญ่ หอบกระถางต้นไม่ผูกโบว์ที่แม่ให้นำมาให้ครูใหญ่เพื่อเป็นของกำนัล
ครูใหญ่บอกครูปาร์คว่าเด็กๆไม่ค่อยเชื่อฟังเขาแล้วนะ เพราะตีเท่าไหร่ก็ไม่บอกความจริง ครูปาร์คคว้าไม้กอล์ฟ
 
ครูใหญ่ห้ามไว้ (ตอนดูก็คิดว่า เฮ้ย ครูใหญ่มีโมเมนต์จิตเมตตา แต่เปล่า....)
ครูใหญ่บอกให้ไปทำที่อื่น
 
ครูปาร์คลากมินซูเดินไปเปิดประตู พอดีเจอกับคังอินโฮ ยืนหอบกระถางต้นไม้อยู่
ครูปาร์คเดินสวนออกไป ชนไหล่คังอินโฮ (ท้าทายสุดๆ)
ภาพโคสต์อัพที่หน้าคังอินโฮ
 
ด้านหลังครูปาร์คพามินซูค่อยๆเดินห่างออกไป
ด้านหน้าเป็นภาพครูใหญ่กวักมือเรียกเขาเข้ามาให้ห้อง หัวหน้าลีก็กวักมือเรียกให้เข้ามา(ภาพสโลว์โมชั่น)
หนังสื่อให้เห็นทางเลือกของคังมินโฮ ถ้าเข้าก้าวผ่านประตูเข้าไปในห้อง เขาจะเป็นหนึ่งในพวกอสูรกายในร่างมนุษย์
ภาพโคสต์อัพที่พื้น....หินค่อยๆ ล่วงลงมา
 
ตัดภาพไปคังอินโฮใช้กระถางต้นไม้ฟาดหัวครูปาร์คอย่างแรง
ภาพโคสต์อัพที่หน้ามินซู
คนกล้าหาญเท่านั้นที่จะต่อสู้กับปีศาจในร่างมนุษย์ที่โหดร้ายได้
หลังจากนั้นรถตู้ของศูนย์พิทักษ์ฯ ก็มารับเด็กออกจากโรงเรียนไป มีการสัมภาษณ์เด็กจากรายการโทรทัศน์ มินซูบอกว่าเขาจะให้สัมภาษณ์ถ้าครูคังฯรับปากว่าจะเอาคนพวกนี้มาลงโทษ
 
ซึ่งคังมินโฮรับปาก
 
มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์นี้ไปทั่วเกาหลี เกิดกระแสโกรธเคืองของผู้คนโดยเฉพาะผู้พิการทางการได้ยิน เป็นเหตุให้มีการจับกุม ครูปาร์ค หัวหน้าลี
และครูใหญ่ลี
cr.IMDb
ในระหว่างการจับกุมกองเชียร์ยังคงเชื่อมั่นในคุณความดีของครูใหญ่ลี
มีการพิจารณาคดีในชั้นศาล เนื้อเรื่องในส่วนนี้นำเสนอหลักฐานการทำความผิด และการซักพยานของทนายฝ่ายโจทก์และจำเลย ซึ่งต่างช่วงชิงความได้เปรียบโดยการทำลายความน่าเชื่อถือของพยาน และมีการเข้าแทรกแซงของฝ่ายจำเลยโดยใช้ กม.ที่ว่าด้วยเด็กที่อายุ ต่ำกว่า 13 ปีที่โดนล่วงละเมิดทางเพศ สามารยอมความได้
 
ผู้ปกครองของยูริและมินซู ยอมความ
cr.ImgBB
เหลือแค่ยอนดูที่เป็นเด็กกำพร้า จึงยังสามารถพิจารณาคดีต่อได้ ทนายจำเลยพยายามเบี่ยงเบนว่าคนที่ลวนลามยอนดูอาจเป็นหัวหน้าลีก็ได้
เพราะทั้ง 2 เป็นฝาแฝดกัน
ปรากฏว่ายอนดูฉลาดมาก
สามารถแยกแยะว่าคนไหน คือ ครูใหญ่ลี
(ไปหาหนังมาชมนะคะ 555 น่าติดตามมาก...เล่าละเอียดมาเยอะแล้ว)
cr.IMDb
และมีหลักฐานเด็ดกะปิดคดีแบบฉลุยๆ
เมื่อยอนดูจำได้ว่าวันที่ครูใหญ่หลอกไปที่ห้อง
เขาเปิดหนังโป๊ ที่ตัวแสดงคือครูใหญ่และยูริ
คังอินโฮและซอยูจิน จึงแอบย่องเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อไปค้นหาเทปหลักฐาน
และนำส่งให้ทนาย หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ คนร้ายดิ้นไม่หลุดแน่
 
ท้ายสุด จำเลยทั้ง 3 คนโดนตัดสิน ดังนี้
1.ครูปาร์ค ตัดสินจำคุก 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี
2.ลีคังบอก (หัวหน้าลี) ตัดสินจำคุก 6 เดือน รอลงอาญา 1 ปี
3.ลีคังซอก (ครูใหญ่) ตัดสินจำคุก 6 เดือน รอลงอาญา 1 ปี
หลังฟังคำตัดสิน ก็เกิดภาพความแตกต่างของจำเลยที่แสดงความยินดีที่ได้รับโทษน้อยมาก กับความโกรธแค้นของฝั่งเหยื่อ
คังอินโฮมองดูความวุ่นวายต่างๆ เห็นผู้คนที่ให้ความร่วมมือกับฝั่งจำเลยทำให้หลุดพ้นความผิด มีคนร้องเพลงอวยพรจากพระเจ้าให้กับจำเลย
คังอินโฮหลับตา....
คังอินโฮมาลาซอยูจิน เขาต้องกลับโซล และไม่ยอมพบหน้าเด็กๆ
 
ส่วนพวกครูใหญ่ หัวหน้าลี ครูปาร์คและทนายก็ไปฉลอง ดื่ม กิน มั่วผู้หญิงอย่างสนุกสนานตามสันดาน
 
ทนายของครูใหญ่เล่าว่า เขาแค่เสนอตำแหน่งดีๆ ที่สำนักงานฯ ให้กับทนายฝั่งเด็กๆ ทนายที่ไม่มีที่ไป ไม่มีอนาคตอีกแล้ว เพียงแค่นี้เขาก็ยอมเปลี่ยนข้างแล้ว
ระหว่างที่คังอินโฮกำลังจะกลับโซล ซอยูจินก็โทรมาบอกว่าเด็กชายมินซูหายไป ให้รีบมาช่วยกันตามหา
เด็กชายไม่ยอมยกโทษให้ครูปาร์คและโกรธย่าของเขาเองที่เป็นผู้ปกครองที่รับเงินและยอมความ (ฐานะที่บ้านของมินซูยากจนมาก ย่าต้องดูแลลูกชายที่ป่วย)
ครูปาร์คทารุณและล่วงละเมิดทางเพศน้องชายของเขาและตัวเขาเอง เขาจึงตามไปแก้แค้น
เขาแทงครูปาร์คและกอดครูปาร์คไว้....ให้รถไฟทับ ทั้งคู่เสียชีวิตพร้อมกัน
วันงานศพของมินซู มีประชาชนมาประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม มีผู้คนปาไข่ใส่รถผู้พิพากษา มีเจ้าหน้าที่มาปราบม็อบ มีความโกลาหลหนักมาก
 
คังอินโฮถือรูปงานศพมินซู แล้วตะโกนท่ามกลางความวุ่นวายว่า “เขาหูหนวก พูดไม่ได้” ซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
จนโดนรวบตัว รูปภาพของมินซูตกลงพื้นกระจกแตก ผู้คนเหยียบย่ำ
เด็กหญิง 2 คน ยูริและยอนดู ยืนร้องไห้ น่าเวทนา
ตัดภาพมาที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงโซล คังอินโฮเดินเรื่อยๆ
คิดถึงจดหมายที่ซอยูจินเขียนเล่าความเป็นไปต่างๆ
เธอบอกว่าการอุทธรณ์ได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากสัญญาการยอมความ
เด็กๆโชคดีมีผู้อุปการะแล้ว ส่วนเด็กๆคนอื่นๆที่โรงเรียนชาเอ มีที่อยู่ใหม่แล้ว
มีอาสาสมัครมาทำอาหารให้ทาน
ยูริเข้ารับการบำบัดอาการดีขึ้นมาก สอนภาษามือให้กับฉัน (ซอยูจิน)
ภาพเด็กๆจัดงานคริสต์มาสกัน
ยอนดูอยากเป็นครูสอนศิลปะเหมือนกันกับคังอินโฮ และอยากช่วยเด็กป่วยเหมือนกันกับคุณ
ฉันเคยถามเด็กๆว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปมากที่สุด ทั้งก่อน-หลังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
รู้ไหมว่าพวกแกตอบว่ายังไง
พวกแกรู้แล้วว่าตัวเองเป็นสิ่งมีค่าเหมือนกันกับทุกคน
การได้มองพวกเขาเติบโตทำให้ฉันได้คิดว่า
เราไม่ควรทะเลาะกันเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้
แต่ควรจะหยุดโลกไม่ให้เปลี่ยนเราจากสิ่งดีๆที่เราเป็น
ซอยูจินอวยพรคังอินโฮ คังอินโฮเดินมาหยุดอยู่หน้าป้ายโฆษณาท่องเที่ยวขนาดใหญ่
ที่เป็นภาพเมืองในหมอกที่สวยงาม พร้อมข้อความว่า
“มาสัมผัสกับมูจินเมืองแห่งหมอกอันสวยงาม”
ปิดท้ายด้วยข้อความสรุปเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
“จำเลยบางคนได้กลับเข้าทำงานที่โรงเรียนตามเดิม และการฟ้องร้องก็จบลง แต่ความพยายามในการขุดคุ้ยยังคงดำเนินต่อไป”
หนังเรื่องนี้ถูกจริตดู๊ตตี้มากค่ะ เป็นเรื่องราวการตีแผ่ปัญหาสังคม การก่ออาชญากรรมทางเพศที่ไม่ควรละเลย ที่จริงๆแล้วเกิดขึ้นในทุกสังคม ทุกที่ ทุกประเทศ
 
หนำซ้ำยังท้าทายตัวตนความเป็นคนอีกด้วยว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนั้น ควรทำเช่นไร ซึ่งคนเรามีทางเลือกในชีวิตหลายๆทางเสมอ อยู่ที่ว่าเราเข้มแข็งพอที่จะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง ที่สวนทางกับกลุ่มคนบางประเภทหรือเปล่า ???
แม้เกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความเป็นเอเชียร่วมกันกับประเทศไทย ยังมีหลายเรื่องที่มีความใกล้เคียงกันอย่างเห็นได้ชัด
เหตุการณ์การล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำที่เกิดจากลุ่มชนชั้นนำในเมืองมูจิน เป็นคนดี มาจากชาติตระกูลที่ดี ที่ทำความดีตามบรรทัดฐานทางสังคม สร้างโรงเรียนสอนคนพิการทางการได้ยิน เป็นคริสต์เตียนที่เคร่งครัด ที่ได้รับการยกย่อง ได้รับรางวัลด้านสิทธิมนุษยชนจากเทศบาล
การเป็นคนดีที่ได้รับการยกย่องถึงเพียงนั้นทำให้กล้าทำความผิด เพราะมั่นใจว่าทุกคนจะมองเห็นแค่ด้านเดียวของเขาที่เขาแสดง....การไม่เคารพความเป็นของคนอื่น มองว่าเด็กพิการที่ไม่มีที่พึ่งเหล่านี้ไม่ใช่คนและไม่มีคุณค่าอะไร ทำให้ล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างไร้ความเมตตา
อีกทั้งคนร้ายเหล่านี้ ยังมีวิถีชีวิตกินดื่ม เที่ยว มั่วผู้หญิง มันขัดกับคุณลักษณะที่ดีของความเป็นครู ที่ควรมีชีวิตที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักเรียน หลายคนอาจจะเถียงว่า ครูก็เป็นคนนะ นั่นสิ ถ้าครูจะเป็นปุถุชนมากกกก...ขนาดนี้ก็ควรไปประกอบสัมมาอาชีพอื่น ที่ไม่จำเป็นต้องมีจรรยาบรรณ
หนังเล่าเรื่องราวได้ละเอียด สมบูรณ์ ภายในเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ดู๊ตตี๊ดูแล้วก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เป็นไปได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
การเล่าเรื่องลำดับไปตามเหตุการณ์ สอดแทรกซีนล่วงละเมิดทางเพศ และทำร้ายร่างกายในช่วงการเล่าเรื่องของเด็กๆ ที่ทำได้ดี ไม่โจ่งครึ่ม...น่ารังเกียจ แต่ดูแล้วก็หดหู่เอาเรื่องทีเดียว
บางเหตุการณ์มีให้คนดูลุ้น ตื่นเต้น ช่วยได้ไม๊น้า หรือ พระเอกจะทำยังไงต่อ หรือตัดสินใจยังไงน้า....
ในช่วงพิจารณาคดีในศาลก็เป็นแนวสืบ สอบสวน เต็มรูปแบบเหมือนหนังกฎหมาย ซึ่งก็มีลุ้น พลิกไปพลิกมาระหว่างฝั่งจำเลยและฝั่งโจทก์
แม้ท้ายที่สุดของเรื่องความจริง ก็คือความจริงอ่ะนะ คนที่มีอำนาจย่อมชนะเสมอ คนพวกนี้เหมือปีศาจร้ายที่ล่อหลอกคนธรรมดาสามัญ คนจน คนที่ไม่มีโอกาสทางสังคม ให้หลงติดกับดักเงินทอง ตำแหน่ง หน้าที่การงาน หรือชีวิตที่ดีกว่า ที่ได้มาง่ายๆแค่ขายวิญญาณให้ปีศาจร้าย
ในระหว่างการเล่าเรื่องร้ายๆของหนัง ก็มีขัดจังหวะด้วยภาพอันอบอุ่นของคังอินโฮ ซอยูจิน และเด็กๆที่ได้ทานข้าวร่วมกัน ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เหมือนภาพโฆษณาสวยๆที่มีครบพ่อ แม่และลูกๆ
cr.moviedatabase
ตอนที่นั่งกันที่ชายหาด ยอนดูเล่าว่าเคยมาเที่ยวทะเลกับพ่อ แม่ ก่อนสูญเสียการได้ยิน ตอนนั้นได้ยินเสียงคลื่น
แต่ตอนนี้มันเงียบมาก
คังอินโฮบอกกับยอนดูว่า
"สิ่งที่สวยงามและมีค่ามากที่สุดในโลกใบนี้ ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา หรือได้ยินได้ด้วยหู แต่ต้องรู้สึกด้วยหัวใจ"
เฮเลน เคลเลอร์บอกไว้ มันเป็นคมคำวรรคโปรดของคังอินโฮ เขาตบหลังเด็กหญิงเบาๆ
ตัวละคร คังอินโฮ ที่รับบทโดยกงยู เป็นตัวละครที่มีความเรียบง่าย กงยูแสดงออกมาโดยไม่ได้บีบคั้นทางอารมณ์ มาด้วยมาดนิ่งๆ ทำให้คนดูเดาทางไม่ถูกว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งลุ้นมาก
เนื้อเรื่องมันเหมือนเหวี่ยงแห มันครอบคลุมแล้วค่อยๆ รวบตึง เหตุการณ์แวดล้อมมันบีบคั้นให้คังอินโฮต้องตัดสินใจ ว่าจะดีต่อไป หรือจะเข้าพวก เลวไปด้วยกัน ซึ่งกงยูแสดงได้ดีมากกก...
ส่วนตัวละครซอยูจิน ก็จะเป็นสายบู๊ ตามอาชีพเจ้าหน้าที่พิทักษ์สิทธิมนุษยชน เป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี และพร้อมช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ ได้ยากแบบเต็มที่ มีความรับผิดชอบ มีความเข้าใจข้อจำกัดของคนที่เดือดร้อน
ครูใหญ่และหัวหน้าลีที่รับบทโดยจังกวัง ซึ่งแสดงได้ดีมาก สารเลวเต็ม 10 ตอนที่แสดงบทบาทเป็นครูใหญ่ ก็ดูใจดี น่าเชื่อถือ พอพลิกบทเป็นตาแก่หื่นกามก็แสดงได้ดี น่ากลัว น่าขยะแขยงเป็นที่สุด เพิ่มเติมความหลอนตรงที่ดั๊นเป็นคู่แฝดเข้าให้ เรียกว่าเลว X 2 โลกไม่ต้องการ
หนังสะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า สังคมคนต่างจังหวัดจะยกย่องชนชั้นผู้นำ หรือชนชั้นสูงในสังคม โดยมองไม่เห็นความจริง ด้วยความดี ความรวย ความมีอำนาจมันบดบังความจริงในสายตาคนธรรมดาไปจนหมดสิ้น
 
แล้วคนต่างจังหวัดมักมีการแบ่งชนชั้นไว้ชัดเจนมาก เป็นคนรวยกับคนจนที่ด้อยโอกาสทางสังคม ไร้ทางสู้และต้องยอมจำนน ต่ออำนาจและเงินทอง
ในซีนหนังมีบทพูดเชิงสัญลักษณ์บ่อยมาก เช่น ตอนที่คังอินโฮมาถึงโรงเรียน ครูหรือครูใหญ่ ก็พูดถึงเขาว่า เป็นครูจากโซล และตอนที่คังอินโฮห้ามครูผู้หญิงทำร้ายเด็ก เขาก็พูดว่า ผมมาจากโซล
คังอินโฮเป็นสัญลักษณ์ของคนในเมืองหลวง ที่มีความรู้ ความสามารถที่ทำให้คนเท่าเทียมกัน ทุกคนมาทำงานตามหน้าที่ ทำงานให้ดี โดยไม่ต้องประจบประแจง และสามารถใช้วิจารณาญาณของตัวเองตัดสินผิดถูก โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง Connection
ในสังคมต่างจังหวัดยังเป็นระบบอุปถัมภ์ คนในสังคมรู้จักกันหมด ต่างเอื้อผลประโยชน์ต่อกัน ในการพิจาณาคดีในศาล ทั้งผู้พิพากษา ทนายความ พยาน ล้วนแล้วแต่เป็นคนรู้จักของครูใหญ่ลี เพราะเขาเป็นคนกว้างขวาง เลยทำให้ผลการพิจารณาไม่เป็นไปตามความจริง
และประชาชนไม่สามารถคาดหวังความยุติธรรมจากกฎหมาย ผู้บังคับใช้กฎหมาย และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะทุกอย่างที่กล่าวมานอกจากจะพึ่งพาไม่ได้แล้ว ซ้ำร้ายยังรังแกประชาชนตาดำๆอีกด้วย
หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม อีกทั้งเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการโหวตจากผู้ชมมากที่สุด
สำหรับเรื่องนี้ ดีเกินเบอร์มากค่ะ และดู๊ตตี๊ ให้คะแนน 10 ดาว เกินคะแนนเต็มไป 5 ดาว บียอนมากค่า...
ท้ายที่สุดมันก็ทำให้เราๆท่านๆได้ตั้งคำถาม เอ๊ะอ๊ะกันไว้บ้างเวลาที่สังคม หรือผู้คนยกย่องคุณงามความดีให้กับบุคคล คณะบุคคล อวยซะเว่อร์วัง...เผื่อใจ มีสติกันไว้บ้างว่า...
บางทีโลกอาจโหดร้ายกว่าที่คิด ในความจริงอาจจะไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้
ดูกันยาวๆไป
มองอย่างที่เป็นจริง
อย่าอคติรัก...มากจนมองไม่เห็นความจริง......
มีความสุขกับชีวิตนะคร่า...
พบกับวันอาทิตย์หน้า มาติดตามกันค่ะว่าดู๊ตตี้จะรีวิวหนังเรื่องไหนดีน้า :)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา