13 ก.ค. 2022 เวลา 09:01 • การเกษตร
ปุ๋ยหมักกับปุ๋ยเคมี อะไรคือความแตกต่าง?
โดย Jennifer Ho
คำถามทั่วไปที่มักเป็นที่สงสัยของเกษตรกรคือ อะไรคือความแตกต่างระหว่าง ปุ๋ยหมักกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยสังเคราะห์ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อให้พืชได้รับอาหารที่จำเป็นและดีที่สุด และผลผลิตพืชผลที่ได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในแง่ดีหรือไม่ .. หรือเราต้องใช้ทั้งสองอย่าง.. หรืออย่างเดียว แล้วอันไหน
คำถามเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อปุ๋ย ด้วยราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นเร็วๆนี้จากการขาดแคลนปุ๋ยทั่วโลก เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทาย เกษตรกรและผู้ที่สนใจต้องทำความเข้าใจเงื่อนไขและทางเลือกเกี่ยวกับปุ๋ย อย่างเช่น ..ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักยังสามารถเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่เคยใส่ปุ๋ยเมื่อก่อนได้หรือไม่
อะไรคือความแตกต่างระหว่างปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมี?
โดยทั่วไปการใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมีเป็นสองแนวทาง ในการเพิ่มธาตุอาหารให้กับพืช แม้ว่าอาจดูเหมือนคล้ายกัน และบางครั้งสามารถใช้เสริมกันได้ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ
ปุ๋ยหมัก เป็นส่วนผสมของอินทรียวัตถุที่ย่อยสลายจากวัสดุที่มีชีวิตและที่ตายแล้ว เช่น มูลสัตว์ เศษอาหารและใบไม้ เมื่อย่อยสลายแล้ว ปุ๋ยหมักจะกลายเป็นธาตุอาหารปรับปรุงที่อุดมไปด้วยสารอาหาร ที่ใช้เป็นอาหารในดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช
ปุ๋ยเคมี เป็นสารสังเคราะห์ที่เมื่อนำไปใช้จะให้ธาตุอาหารแก่พืชโดยตรง แต่ปุ๋ยธรรมชาติหรือปุ๋ยอินทรีย์มาจากผลพลอยได้จากสัตว์และพืช ตัวอย่าง ได้แก่ ปุ๋ยคอกและกระดูกป่น ส่วนปุ๋ยสังเคราะห์เป็นสารประกอบที่ผลิตขึ้นทางเคมี เช่น แอมโมเนียมไนเตรตและโพแทสเซียมซัลเฟต
การขาดแคลนปุ๋ยเคมี
ด้วยราคาปุ๋ยพุ่งขึ้นเฉลี่ย 70% จากปีที่แล้วจากการขาดแคลนปุ๋ยทั่วโลก การขาดแคลนเกิดจากปัจจัยหลายประการ อาทิ เช่น ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น แหล่งที่มาของปุ๋ยไนโตรเจนบางชนิด เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ที่สุดของโลก สถานการณ์จึงเลวร้ายลงจากการคว่ำบาตรและการลดการส่งออกซึ่งเป็นผลมาจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แล้วยังมีข้อจำกัดของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งทำให้ซัพพลายเชนทั่วโลกขัดข้องจนดาลเดือด ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเช่นกัน
ขอบคุณภาพจาก : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Fertilizer-FB-26-05-2022-01.aspx
ด้วยราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงขึ้น ความมั่นคงด้านอาหารจึงกลายเป็นปัญหาเร่งด่วน โดยทั่วไปสำหรับเกษตรกรที่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิต การใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลงนั้นหมายถึง ผลผลิตพืชผลที่ลดต่ำลง สำหรับผู้บริโภค การผลิตที่ลดลงอาจหมายถึงการต้องแลกมาด้วยราคาอาหารที่สูงขึ้นในร้านขายของชำ ในขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยทั่วโลก หลายคนกำลังมองหาวิธีการอื่น ชาวนาบางคนหันมาใช้ปุ๋ยหมุนเวียน เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แทนปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยหมัก VS ปุ๋ย แบบไหนดีที่สุด?
เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยทั่วโลกในขณะนี้ จะเป็นโอกาสในการปรับตัวและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่อาจใช้ปุ๋ยเคมีเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย กลายเป็นจุดสนใจสำหรับหลายๆ คน แม้ว่าการใส่ปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับพืชในระยะสั้น แต่การเปลี่ยนไปใช้ปุ๋ยหมักสามารถช่วยสร้างฟื้นฟูสุขภาพโดยรวมของดินและเพิ่มผลผลิตได้
ขอบคุณภาพจาก https://simplifygardening.com/difference-between-compost-and-fertilizer/
ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยหมัก เป็นวิธีการที่มีประโยชน์ในการนำอินทรียวัตถุกลับมาใช้ใหม่ เช่น ปุ๋ยคอก เศษผักและผลไม้ หญ้า และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือสิ่งที่มีชีวิตก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปปรับปรุงในดินได้ในหลายๆด้าน การทำปุ๋ยหมักเป็นการสนับสนุนแนวทางหมุนเวียนโดยใช้ทรัพยากรที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารและย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่เกษตรกรหรือชุมชนอาจมีอยู่แล้ว สามารถนำกลับคืนสู่ดินได้ เป็นการสร้างสื่อกลางในการปลูกที่อุดมสมบูรณ์และเตรียมไว้สำหรับฤดูกาลเพาะปลูกที่จะมาถึง
การเพิ่มปุ๋ยหมักช่วยฟื้นฟูสุขภาพดิน soil health
โดยรวม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชให้แข็งแรง การเติมปุ๋ยหมักช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพ ชีวภาพ และเคมีของดิน ทำให้มีประโยชน์หลายประการ:
ขอบคุณภาพจาก : https://compost.co.ke/
• ปรับปรุงโครงสร้างของดิน
• การซึมผ่านของน้ำที่ดีขึ้นและการกักเก็บ
• การพังทลายของดิน (การสูญเสียและการไหลบ่า) น้อยลง
• เพิ่มปริมาณสารอาหารและการดูดซึมสารอาหารโดยพืชผล
• ความหลากหลายของจุลินทรีย์ในดินช่วยให้พืชเจริญเติบโตและต้านทานโรคของพืชได้
• มีความยืดหยุ่นในระยะยาวมากขึ้นในการเผชิญกับภัยต่างๆ เช่น ภัยแล้ง ไฟป่า และน้ำท่วม
แม้ว่าปริมาณสารอาหารที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ปุ๋ยหมักคุณภาพดีมักประกอบด้วยธาตุอาหารพืชที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงสารอาหารหลักสามชนิด ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) นอกจากนี้ ปุ๋ยหมักยังให้สารอาหารรองและแร่ธาตุที่ปุ๋ยเคมีไม่มี
สำหรับผู้ปลูกหรือเกษตรกรที่มีแปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่ ความกังวลทั่วไปมักเกี่ยวกับการจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยหมักปริมาณมากซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ในสถานการณ์เช่นนี้ การทำน้ำหมักหรือสารสกัดจากปุ๋ยหมักเป็นวิธีการหนึ่ง ในการช่วยกระจายปุ๋ยหมักเพื่อให้ครอบคลุมตามจำนวนที่กำหนดไว้บนแปลงเพาะที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในขณะที่ให้ประโยชน์เป็นผลดีที่คล้ายคลึงกัน
ขอบคุณภาพจาก https://gardentherapy.ca/compost-tea-brewer/
สารสกัดนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะทำโดยการกวนถุงปุ๋ยหมักในถังเก็บน้ำ เพื่อให้ได้ของเหลวที่เต็มไปด้วยสารอาหารและจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถกระจายหรือฉีดพ่นบนพื้นที่ขนาดใหญ่ได้
เมื่อชีวภาพและคุณภาพของดินดีขึ้นด้วยการใช้ปุ๋ยหมัก จุลินทรีย์ในดินจะช่วยทำให้ฟอสฟอรัสที่มีอยู่ในดินและช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศเพื่อเป็นสารอาหารให้พืช ด้วยวิธีการนี้เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ปลูกและเกษตรกรสามารถลดปริมาณการใช้ปุ๋ย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรบางคนถึงกับลดปุ๋ยไนโตรเจนลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อสภาพดินในแปลงปลูกของพวกเขากลับคืนสู่สภาพเดิม
Benefits of compost
การวิจัยล่าสุดใน Nature แสดงให้เห็นว่า วิธีการใช้การทำฟาร์มแบบปฏิรูป - เพิ่มความหลากหลายของพืชผลและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์หรือพืชตรึงไนโตรเจนและอินทรียวัตถจะให้ผลผลิตสูงสุดก็ต่อเมื่อเกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนสังเคราะห์
ผลกระทบของการใช้ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยอาจเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการเลือกเอาองค์ประกอบทางเคมีให้เหมาะสมกับพืชในระยะสั้น แม้ว่าจะเป็นหลักในการให้สารอาหารกับพืชโดยตรง แต่การพึ่งพาปุ๋ยเคมีในระดับสูงอาจเป็นอันตรายต่อจุลชีพในดินและทำให้ดินที่เคยมีความอุดมสมบูรณ์ลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป ในบางกรณี การใช้ปุ๋ยมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น การปนเปื้อนของอากาศและแหล่งน้ำ การให้ปุ๋ยมากเกินไปอาจทำให้พืชเสียหาย ทำลายความสามารถของพืชในการดูดซึมน้ำ และส่งผลต่อผลผลิต
Impact of non-organic fertilizers ขอบคุณภาพจาก : https://lettucegroup4.weebly.com/overview-of-fertilizers.html
มองไปข้างหน้า
ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยทั่วโลกยังคงมีอยู่ในอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ นี่อาจเป็นโอกาสที่จะได้ลองใช้วิธีการอื่นในการดูแลพืชผลในแปลงเพาะปลูก แล้วเมื่อพูดถึงปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมักอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรเพื่อปรับปรุงให้ดินมีคุณภาพที่ดีขึ้นและมีความยืดหยุ่นในระยะยาว แม้ว่าทั้งสองวิธีจะให้ธาตุอาหารแก่พืช แต่ปุ๋ยหมักก็หล่อเลี้ยงดิน โดยการบำรุงเลี้ยงดินนี้จะกลายเป็นแหล่งอาหารในดินที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชให้แข็งแรงและเพิ่มผลผลิตของพืชผล
ขอบคุณภาพจาก https://www.latimes.com/entertainment-arts/movies/story/2020-09-25/review-kiss-the-ground-netflix-climate
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนจบครับ
โฆษณา