14 ก.ค. 2022 เวลา 04:53 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
หนังสือ จุดฟ้าจาง (Pale Blue Dot)
คาร์ล เซแกน (Carl Sagan) เป็นนักดาราศาสตร์และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์คนสำคัญร่วมสมัย แต่เสียชีวิตไปแล้ว แม้จะอายุไม่ยืนนักคือ เสียชีวิตตอนอายุเพียง 62 ปี แต่ก็ได้สร้างผลงานที่เป็น “มาสเตอร์พีซ” ไว้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นที่ไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้คือ สารคดี คอสมอส (Cosmos) ที่เป็นสารคดีวิทยาศาสตร์สมัยที่มีผู้ชมทั่วโลกมากที่สุด
ประเมินกันว่านับถึงปัจจุบัน น่าจะมีผู้ได้ชมสารคดีชุดนี้ไปแล้วกว่า 500 ล้านคนใน 60 ประเทศ จนต้องมีการสร้างสารคดีตอนต่อออกมาอีกในภายหลัง
ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจเรื่องหนึ่งที่ผมกับพี่ชิว ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ และคุณเหมียว ธิดา จงนิรามัยสถิต ได้ร่วมกันแปลหนังสือ “คอสมอส” นี้เป็นภาษาไทย น่าจะเป็นหนังสือของเซแกนที่แปลเป็นไทยอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เล่มแรก (จัดพิมพ์โดย สนพ.สารคดี)
โดยก่อนหน้านี้ราว 30 ปีที่แล้ว อ.ดนต์ รัตนทัศนีย์ เคยแปลไว้บางแค่บางบท และแปลแบบ “สรุปย่อ” บางส่วนด้วย (จัดพิมพ์โดย สนพ.ซีเอ็ดยูเคชั่น)
อีกเล่มหนึ่งของเซแกนที่มีแปลเป็นไทยคือ หนังสือ “โลกที่เต็มไปด้วยปีศาจ (Demon Haunted World)” ที่คุณเหมียวแปลไว้เช่นกัน (ตอนนั้นยังใช้ชื่อว่า “ธัญญประเสริฐกุล” บนปก)
นอกจากเรื่องแนว non-fiction (สารคดี) แล้ว เซแกนยังเคยเขียนนิยายวิทยาศาสตร์หรือไซไฟไว้ด้วยเรื่องหนึ่งคือ Contact (ไม่แน่ใจว่ามีฉบับแปลไทยหรือยังนะครับ) ซึ่งได้รับความชื่นชมว่า เป็นไซไฟที่มีเนื้อหาหนักแน่นสมจริงที่สุดเรื่องหนึ่ง
สำหรับเรื่อง Pale Blue Dot: A Vision of the Human Future in Space นี้ พอจะถือว่าเป็นภาคต่อของหนังสือคอสมอสได้ ในหนังสือเล่มนี้เซแกนผสมผสานเอาปรัชญาเกี่ยวกับแนวคิดของตำแหน่งแห่งหนมนุษย์ในจักรวาล เข้ากับความรู้เกี่ยวกับระบบสุริยะในปัจจุบัน และยังลงรายละเอียดอย่างน่าทึ่ง แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตว่า มนุษย์กับอวกาศน่าจะเป็นเช่นใด
เรื่องเล่าในหนังสือที่กลายมาเป็นชื่อหนังสือด้วย เกิดจากการที่ในวันแห่งความรัก ค.ศ. 1990 เซแกนได้ส่งคำขอไปยังนาซาว่า ขอให้ยานอวกาศวอยเอเจอร์ 1 ที่กำลังจะบินผ่านจุดที่ถือเป็นขอบรอยต่อของระบบสุริยะของเรากับอวกาศห้วงลึกที่เรายังไม่เคยพบเห็นมาก่อน ได้หันกล้องประจำยานกลับมายังตำแหน่งของโลก เพื่อถ่ายภาพโลกไว้เป็นครั้งสุดท้ายและส่งกลับมาให้
ก่อนหน้านั้น เซแกนได้เคยขอไปทางนาซาหลายครั้งให้หันกล้องของยานวอยเอเจอร์กลับมาที่โลก แต่ก็โดนปฏิเสธเรื่อยมา เนื่องจากทีมควบคุมที่นาซากังวลใจว่า แสงอาทิตย์อาจทำลายเลนส์ของกล้องได้ แต่ในที่สุดเมื่อปฏิบัติการทั้งหลายสิ้นสุดลง และยานกำลังจะเดินทางออกไปยังอวกาศห้วงลึกอันไกลโพ้น และอาจไม่สามารถติดต่อกลับมาหรือสั่งการใดๆ ได้อีกต่อไป
ทางนาซาก็รับคำขอดังกล่าวในนาทีสุดท้าย เพื่อเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สำหรับมนุษยชาติในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1990
ภาพที่ปรากฏเห็นโลกเป็นเพียงจุดเล็กๆ ขนาด 0.12 พิกเซลนี้ ต่อได้รับการขนานนามว่า “จุดฟ้าจาง (pale blue dot)”
ท่ามกลางความมืดมิดโดยรอบ มันเป็นโลกที่แตกต่างจากภาพถ่ายโลกจากอวกาศอันงดงามทั้งหลายที่เคยถ่ายกันมาก่อนหน้านั้น เพราะมันกลับแสดงให้เห็นถึงความเวิ้งว้างของอวกาศ และความเล็กจ้อยอันไม่อาจปฏิเสธได้ของโลกของพวกเรา
เซแกนเขียนไว้ในหนังสือว่า
“ลองดูจุดนั้นอีกครั้ง ณ จุดนั้นก็คือบ้าน จุดนั้นก็คือพวกเรา บนจุดนั้นรวมเอาทุกคนที่คุณรัก ทุกคนที่คุณรู้จัก ทุกคนที่คุณเคยได้ยินชื่อ มนุษยชาติทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่ ที่ยังใช้ชีวิตอยู่ ล้วนใช้ชีวิตอยู่บนนั้น ทั้งความหรรษและความทุกข์ยาก ศาสนา ลัทธิความเชื่อ และหลักการทางเศรษฐศาสตร์อันหนักแน่นนับพัน วีรบุรุษและผู้ขาดเขลาทุกผู้นาม ผู้สร้างสรรค์และผู้ทำลายล้างแห่งทุกอารยธรรม ราชาและชาวนาทุกคน คู่รักทุกคู่
แม่และพ่อ เด็กๆ ผู้มีความหวัง นักประดิษฐ์และนักสำรวจทุกคน คุรุผู้สอนธรรมทุกคน นักการเมืองที่ฉ้อฉลทุกคน “ดารายอดนิยม” ทุกคน “ผู้ปกครองสูงสุด” ทุกคน นักบุญทุกองค์และคนบาปทุกคนในประวัติศาสตร์ของสปีชีส์ของพวกเรา ต่างก็อาศัยอยู่บนเม็ดฝุ่นที่แขวนลอยอยู่ใต้ลำแสงจากดวงอาทิตย์นี้ ...
ทัศนคติของเรา ความสำคัญที่เราคิดฝันเกี่ยวกับตัวเราเอง ภาพลวงตาที่เราเห็นไปว่าตัวเองมีตำแหน่งแห่งหนพิเศษเหนือใครในเอกภพ ล้วนถูกท้าทายด้วยจุดแสงจางๆ จุดนี้ โลกของเราเป็นเพียงเม็ดฝุ่นโดดเดี่ยวในความมืดมิดแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่ห่อหุ้มเอาไว้ ท่ามกลางความคลุมเครือของความไพศาลทั้งมวลที่ปรากฏแก่เรานี้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นร่องรอยชี้ให้เห็นว่า จะมีความช่วยเหลือจากที่ใดที่ช่วยให้ปลอดภัยจากพวกเรากันเองได้เลย
โลกดวงนี้ยังคงเป็นโลกดวงเดียวที่เรารู้ว่าโอบอุ้มชีวิตได้ ไม่มีที่อื่นใดอีกเลยที่สปีชีส์ของเราอาจอพยพไปได้ อย่างน้อยก็ภายในอนาคตอันใกล้นี้ การไปเยี่ยมเยียนอาจทำได้ แต่การไปตั้งรกรากอาจยังทำไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ขณะนี้โลกดวงนี้คือสถานที่ที่เราดำรงชีวิตอยู่ได้
มักกล่าวกันว่าดาราศาสตร์นั้นมอบประสบการณ์และทำให้เราถ่อมตนได้ อาจจะไม่มีการแสดงให้เห็นแบบใดที่ชัดเจนยิ่งไปกว่าภาพโลกของเราที่เล็กจ้อยเมื่อมองจากระยะทางที่ไกลยิ่งนี้อีกแล้ว ที่ใช้แสดงให้เห็นถึงความเขลาจากการถือดีของมนุษย์
สำหรับผมแล้ว มันช่วยเน้นย้ำให้เห็นถึงความรับผิดชอบของเราที่ต้องปฏิบัติตัวดีต่อกันให้มากยิ่งขึ้น กับต้องทำนุบำรุงรักษาและเอาใจใส่จุดฟ้าจางนี้ ที่เป็นบ้านเพียงแห่งเดียวที่เรารู้จัก”
.
ข่าวดีสำหรับนักอ่านชาวไทย สำนักพิมพ์ “กาลาปาโกส” ได้ลิขสิทธิ์หนังสือ Pale Blue Dot มาแล้ว ทุกท่านจะได้อ่านหนังสือ “จุดฟ้าจาง” นี้ในอนาคตอันใกล้ ไม่นานเกินรอครับ
2
384 หน้า, สนพ. Random House
โฆษณา