เวียนว่ายตายเกิดตามแบบพระพุทธเจ้า
หากจะสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอย่างของพระพุทธเจ้าแท้ ๆ จะสอนถึงขนาดที่อยู่เหนือดีเหนือชั่ว
.
คือว่า… ถ้าไปลงนรกก็ไม่ไหว ถ้าเป็นเทวดามันก็ไม่ไหว ในสายตาของผู้รู้ คิดดูซิ ไปเกิดเป็นเทวดา มีสวรรค์ มีวิมานนางฟ้ามันก็เรื่องบ้า บ้าหนักขึ้นไปอีก
.
มันต้องเหนือนรกเหนือสวรรค์ เหนือดีเหนือชั่ว เหนือบุญเหนือบาป เหนือสุขเหนือทุกข์ คือนิพพานจริง:
.
แล้วมันต้องหมดตัวตนชนิดที่เป็นความยึดมั่นถือมัน; เพราะการเวียนว่ายตายเกิดนั้น มันก็คือเวียนว่ายตายเกิดระหว่างความคิดแห่งความยึดถือเรื่องหนึ่ง ถึงความยึดถือเรื่องหนึ่ง.
.
#เกิดตัวกูของกูเมื่อไร_ก็เรียกว่าชาติหนึ่ง และต่อมาไม่กี่นาที มันก็ดับไปคือตาย แต่แล้วมันก็เกิดตัวกู-ของกูอันใหม่ขึ้นมาอีก มันโดยความคิดเท่านั้น ไม่ใช่โดยร่างกาย
.
ร่างกายนี้ก็ยังอยู่อย่างนี้ บางทีนั่งตรงนี้แหละ ณ ที่ตรงนี้แหละยังไม่ลุกไปเลย มันก็เกิดได้ตายได้ ไม่รู้กี่ชาติเหมือนกัน ความยึดมั่นถือมั่นไปในทางตัวกู-ของกูมันเกิดอย่างนี้แล้ว มันก็สิ้นสุดลงไป
.
แล้วเปลี่ยนเป็นเกิดอย่างอื่น แล้วก็เปลี่ยนไปเกิดอย่างอื่น อย่างนี้เรียกว่าตายเกิด-ตายเกิด-ตายเกิด การเวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้แหละ
.
คือคำสอนของพระพุทธเจ้า มันไม่ทันเข้าโลง เกิดได้ไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านชาติ แล้วตายได้ไม่รู้จักกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านหน.
.
ถ้าทำอย่าให้เกิดอย่างนี้ คืออย่าให้ความคิด หรือ
ความรู้สึกที่เป็นตัวกู-ของกูเกิด นั่นแหละคือไม่เกิด ไม่เกิดเลยก็เป็นพระอรหันต์
.
ไม่ต้องรอต่อตายแล้ว ถ้าทําจิตชนิดมีปัญญาถึงที่สุด ไม่มีความคิดชนิดที่เป็นไปในทางตัวเรา-ของเรา ตัวกู-ของกูนี้ก็เลยหยุดเกิด.
.
พระอรหันต์ก็คือผู้ที่ไม่มีความคิดอย่างนี้ จึงเรียกว่าไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
.
ส่วนหลังจากเข้าโลงแล้วไม่ต้องพูดเพราะว่ามันไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือความทุกข์ที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ จะดับไปได้อย่างไรต่างหาก.
.
#พุทธทาสภิกขุ
#เหนือวิทยาศาสตร์(ศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติ เกี่ยวกับเวทนา)
#หน้า_๗๖-๗๘
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
