17 ก.ค. 2022 เวลา 02:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
【ขยายอาณาจักรได้ แต่อย่าลืมขุดคูเมือง】
หุ้นค้าปลีกหรือห้างที่ขยายสาขาได้เรื่อย ๆ นั้น ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนนิยม เพราะมันเติบโตต่อไปได้ยาว
2
แต่ก็ไม่ใช่หุ้นค้าปลีกทุกตัวที่จะเป็นอย่างนั้น
วันนี้เราลองย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วของหุ้นค้าปลีกตัวหนึ่ง ซึ่งเคยขึ้นไปเป็น 10 เด้ง แต่ก็ตกกลับลงมาเป็น 10 เด้งเหมือนกัน
Beauty ซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้นเมื่อปี 2012 ตอนนั้นบริษัทมียอดขาย 777 ล้านบาท
ผ่านไป 5 ปี เมื่อปี 2017 บริษัทมียอดขาย 3,735 ล้านบาท
หรือคิดเป็นการเติบโตแบบทบต้นปีละ 37%
บริษัทขยายสาขาจำนวนมาก ยอดขายเติบโตติด ๆ กันทุกไตรมาส กำไรก็เติบโตด้วย
ในช่วง 5 ปีดังกล่าว อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) เพิ่มจาก 22% ไปเป็น 33% คือขายสินค้าได้ 100 บาท จะกลายเป็นกำไรของบริษัท 33 บาท
ทุกอย่างดูดีไปหมด
แต่ในโลกธุรกิจ แค่ตัวเลขอย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องมองลึกลงไปถึงความสามารถในการแข่งขันด้วย
คำถามที่ต้องถามตัวเอง เพื่อให้เราไม่มองโลกในแง่ดีเกินไปก็คือ
-อัตรากำไรสุทธิสูงขนาดนี้จะดึงดูดคู่แข่งมาหรือไม่
4
-บริษัทสร้างคุณค่าอะไรให้ลูกค้า ถึงสมควรได้รับอัตรากำไรสุทธิสูงขนาดนี้
2
-ผู้บริหารสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้บริษัทหรือไม่
1
พูดในอีกแง่หนึ่งก็คือ บริษัทขยายเมือง สร้างปราสาท กินพื้นที่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง แต่ขณะเดียวกัน บริษัทได้สร้างคูเมืองเพื่อจะรักษาปราสาทนั้นไว้หรือไม่
ถ้าไม่มีคูเมือง เมื่อข้าศึกรุกรานมา ปราสาทก็จะถูกตีแตก
1
หน้าที่ของผู้บริหารคือการสร้างคูเมืองให้กว้างและลึก เพราะข้าศึกจะมาโจมตีปราสาทแน่นอน
1
คูเมืองของ Beauty นั้นยังไม่ชัดเจน จะว่าขยายสาขาแล้วทำให้เกิด “การประหยัดจากขนาด” (Economies of scale) ก็ไม่ใช่ เพราะธุรกิจเครื่องสำอางมีอัตรากำไรสุทธิสูง ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาก็พอจะแข่งขันได้
หรือจะสร้างคูเมืองด้วย “แบรนด์” ก็ยังไปไม่ถึง ลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นได้ตลอดเวลา
ปี 2018 ก่อนปีที่โควิด-19 ระบาด ยอดขายของบริษัทก็ตกลงมาเป็นครั้งแรก และอัตรากำไรสุทธิก็ตกลงมาด้วย
1
นี่เป็นสัญญาณว่าคูเมืองไม่กว้างพอ ปราสาทจึงเริ่มง่อนแง่น
1
แน่นอนว่าไม่มีคูเมืองไหนคงอยู่ได้ตลอดกาล แต่ถ้าลอร์ดผู้ปกครองปราสาทให้ความสำคัญและปรับปรุงคูเมืองให้กว้างและลึกอยู่เสมอ นั่นก็พอจะทำให้ปราสาทยืนตระหง่านได้ยาวนานมากขึ้น
โฆษณา